วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

เกมกรรม บทที่ ๙ - วิธีหยุดเล่นเกม (ดังตฤณ)

ความสามารถหยุดเล่นเกม คือการเล่นชนะอย่างเด็ดขาด

ทำความรู้จักเกมให้ดีขึ้น


ธรรมชาติพื้นฐานของอุปกรณ์เล่นเกม

ดังกล่าวแล้วในบทที่ ๒ ว่าด้วยอุปกรณ์เล่นเกม คืออุปกรณ์เล่นเกมถูกตกแต่งให้พิสดารเป็นต่างๆกันก็ด้วยกรรมเก่าไปเสียทั้งนั้น

กฎเหล็กของเกมกรรมคือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม้รูปร่างลักษณะหน้าตา ทรวดทรงองเอว สัดส่วนแขนขาต่างๆ ก็ถูกตกแต่งขึ้นด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น ราวกับจะฟ้องให้รู้ตั้งแต่แรกพบกันเลยว่าคุณเคยดีหรือเคยร้ายมาประมาณไหน แต่ความไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังย่อมทำให้คุณคิดง่ายๆแค่ว่าใครสวยหล่อก็โชคดีไป ใครขี้เหร่หน่อยก็โชคร้ายหน่อย คนทั้งโลกประชันหน้าตากันอย่างไม่รู้เลยว่าทำไมใครโชคดี ทำไมใครโชคร้าย และที่สำคัญคือไม่รู้เลยว่าทำไมถึงต้องมีความต่าง

กรรมเป็นผู้วาดหน้าตา ผู้เล่นเกมแต่ละคนจึงคล้ายจิตรกรที่วาดรูปร่างหน้าตาและลงสีให้ตนเอง ใครฉลาดในเกมกรรมมากก็เอาหน้าตาสวยหล่อไป ใครมืออ่อนในเกมกรรมก็ได้หน้าตาจืดชืดแทน ธรรมดาของกายอันเป็นอุปกรณ์เล่นเกมคืออย่างนี้เอง

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นแค่ผิวนอก ธรรมชาติขั้นพื้นฐานของอุปกรณ์เล่นเกมทุกคนมีความเหมือนกันอยู่ กายมนุษย์ทั้งหลายประกอบขึ้นด้วยของแข็งคงรูป เช่นเส้นผม เส้นขน เล็บมือเล็บเท้า ฟัน เนื้อหนัง ฯลฯ กับทั้งมีของเหลวที่พร้อมไหล เช่นน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำลาย ฯลฯ กับทั้งมีไออุ่นที่กระจายความร้อนได้เป็นอุณหภูมิในร่างกาย กับทั้งมีของพัดไหวที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้เช่นลมหายใจ ลมจากทวารหนัก ฯลฯ กล่าวโดยย่นย่อคือกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม

สำหรับคนตาบอดแล้ว ใครสวยหล่ออย่างไรก็ไม่ต่างกัน มีแต่ความแข็งของธาตุดิน ความเหลวของธาตุน้ำ ความร้อนของธาตุไฟ และความพัดไหวของธาตุลมให้สัมผัส

ยิ่งไปกว่านั้น เพียงมองตามจริงจากประสบการณ์ตรง ทุกคนจะพบเหมือนๆกัน ว่าธาตุดินมีความไม่เที่ยง ยกขึ้นด้วยกระดูกสันหลัง ฉาบด้วยเนื้อหนังหลอกตา ผูกด้วยเส้นเอ็นน้อยใหญ่ คงรูปเป็นวัยเด็ก เจริญวัยเป็นหนุ่มสาว แล้วที่สุดก็ถึงคราวต้องแก่ชรา

ยิ่งธาตุ น้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม ยิ่งมีความแปรปรวนให้เห็นง่าย โดยเฉพาะธาตุลมนั้นไหลเข้าไหลออก ไม่คงที่เลยแม้แต่วินาทีเดียว เราจึงควรจับสังเกตสัจจะเกี่ยวกับความไม่เที่ยงผ่านสายลมหายใจนี้ก่อน สังเกตที่ลมหายใจ จะได้เห็นความจริงว่าไม่เที่ยงเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องรอนานเหมือนธาตุดิน

และถ้ามองด้วยตาเปล่า สมองอันเป็นส่วนของกายก็เหมือนเป็นต้นกำเนิดของความรู้สึกนึกคิด แต่ถ้ามองด้วยความเชื่อว่าจิตวิญญาณไม่มีเกิดตาย แต่ร่อนเร่ไปอาศัยร่างโน้นร่างนี้ไปเรื่อย ก็ต้องมองกายเป็นเพียงบ้านพักชั่วคราวของจิต ไม่ได้ให้กำเนิดจิตและความรู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด

ทว่าถ้ามองแบบพุทธ ก็จะเห็นกายกับจิตเป็นเหตุเป็นผลอิงอาศัยกันและกันเกิดดับ นามเป็นเหตุปัจจัยแก่รูป เช่นกรรมจัดสรรให้เกิดอัตภาพมนุษย์ซึ่งมีลักษณะต่างๆกัน และรูปก็เป็นเหตุปัจจัยแก่นาม เช่นด้วยกายนี้จึงมีกายกรรมและวจีกรรมได้ กับทั้งเป็นฐานที่ตั้งของสัมผัสกระทบต่างๆให้เกิดการรับรู้ การรับรู้นั่นเองคือจิต รับรู้คราวหนึ่งก็ถือว่าจิตเกิดดวงหนึ่ง ความรับรู้ดับลงก็ถือว่าจิตดับไปอีกดวงหนึ่ง

สาระที่สำคัญคือทั้งรูปทั้งนามไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนที่มีอยู่โดยดั้งเดิม และไม่อาจบัญชาให้ตั้งอยู่นานเท่านั้นเท่านี้ นี่คือธรรมชาติพื้นฐานของอุปกรณ์เล่นเกมกรรม ทั้งฝ่ายกายและฝ่ายใจ


เกมแห่งความไม่รู้

พวกเราเล่นเกมอยู่บนความไม่รู้ หรือจะเรียกว่าเป็นเกมแห่งความไม่รู้ก็ได้ ตลอดเวลาเต็มไปด้วยเรื่องของการใช้สัญชาตญาณตามกิเลส หรือไม่ก็เป็นเรื่องของการคาดเดาและการลองผิดลองถูก

พ้นจากภวังค์และฝันเลอะเลือนในท้องแม่ บุญเก่าจะส่งให้คุณปรากฏตัวขึ้นในโลกแล้วพร้อมจะ ‘รับรู้’ ในระดับหนึ่ง ผ่านรูปที่กระทบตา เสียงที่กระทบหู กลิ่นที่กระทบจมูก รสที่กระทบลิ้น ของแข็งอ่อนร้อนเย็นที่กระทบกาย และสภาพธรรมต่างๆที่กระทบใจ แต่คุณยัง ‘ไม่รู้’ เลยว่าสิ่งที่เห็นและได้ยินเหล่านั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร และสำคัญที่สุดคือคุณไม่รู้เลยว่าตนเองเกิดมาได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นอย่างที่เป็น

เมื่อไม่รู้ก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงบีบคั้นให้เกิดกิเลสประการต่างๆ แล้วตัดสินใจโดยยืนอยู่ข้างกิเลสบ้าง ยืนอยู่ข้างมโนธรรมบ้าง คุณมีแต่มโนธรรมเป็นที่พึ่ง และมโนธรรมจะต่ำหรือสูงก็ขึ้นอยู่กับว่าบุญเก่าของคุณส่งมาอยู่กับพ่อแม่หรือครูแบบใด อารมณ์และความคิดของคุณตั้งมั่นหรือแปรปรวนได้แค่ไหน

ในเกมย่อยๆทั้งหลายนั้น คุณเล่นเอาแพ้ชนะกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ได้อะไรจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปครอง โดยมีคติว่าผู้ชนะได้ไปทั้งหมด แต่ในเกมกรรม  คู่ต่อสู้ของคุณคือกฎแห่งกรรมวิบากที่ไม่มีหน้าตา แต่มีตัวตนอยู่จริง คุณมีสิทธิ์เล่นแค่ให้เสียน้อยที่สุด คุณไม่เคยได้อะไรจากเกมกรรมไปครอบครองอย่างแท้จริงแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะสุดท้ายจะต้องทิ้งให้ทุกสิ่งเป็นสมบัติของความแตกพังเสมอ

เช่นเมื่อขณะมีอุปกรณ์เป็นกายใจมนุษย์นี้ คุณกำลังเล่นเกมแห่งความเจ็บปวด สมหวังในวันหนึ่งเพื่อผิดหวังในอีกวันหนึ่ง ลงท้ายที่สุดด้วยสูญเสียเลือดเนื้อของคนจากไป และการหลั่งน้ำตาของคนอยู่ข้างหลัง ทั้งคนตายและคนอยู่ไม่รู้เลยว่าจะไปเล่นเกมไหนต่อ


เดินทางไกล

หากคุณเคยหลงเสน่ห์ของการเดินทางไกลมาบ้าง เช่นเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ ไปทำงาน ไปเที่ยว หรือไปเยี่ยมญาติ เห็นเส้นทางยาวๆ ทิวทัศน์สวยๆ ฟ้าเปิดโล่งเป็นระยะๆ จิตใจปล่อยสบาย เหมือนหลุดจากกรงแคบที่ครอบคุณอยู่ชั่วนาตาปี แม้มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลบ้าง คุณก็คงคิดว่าคุ้มกัน เพราะพักเหนื่อยไม่นานก็จะกลับมีกำลังวังชา สามารถเดินทางไกลต่อไปได้อีก

รายละเอียดวิธีเดินทางไกลของแต่ละคนทำให้รู้สึกและนึกคิดต่างกัน ถ้าคุณฟุ้งซ่านจนรำคาญความคิดของตนเองระหว่างเดินทาง คุณจะเกลียดการเดินทาง แต่ถ้าจิตใจคุณสงบสบายกว่าปกติในระหว่างเดินทาง คุณจะชอบการเดินทาง

เพื่อนร่วมทางก็มีส่วนให้เบื่อหน่ายหรือครึกครื้น ถ้าคุณได้ใครสักคนที่คุยกันอย่างออกรสไปตลอดทาง คุณจะรู้สึกถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้น และอยากเดินทางไกลไปกับเขาอีกเรื่อยๆ

แต่การเดินทางไกลในเกมกรรมนั้น ซับซ้อนกว่าการเดินทางไกลบนถนนที่ยาวเหยียดมากนัก คุณเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว ที่ท่องไปในความฝันอันสร้างขึ้นด้วยกรรมดีกรรมชั่ว ภาพฝันจะผ่านไปเรื่อยๆเหมือนทิวทัศน์ข้างทาง คุณจะติดใจเสน่ห์ของการเดินทางไกลอันเต็มไปด้วยความลืมเลือน และความติดใจนั้นเองจะกดให้คุณตกอยู่ในภาวะฝันทั้งลืมตาครั้งแล้วครั้งเล่า

ในระหว่างการเดินทางไกล เพื่อนร่วมทางของคุณจะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ คุณอาจเจอคนถูกใจ แต่จะไม่สามารถขอให้เขาร่วมทางกับคุณตลอดไป ถึงเวลาทุกคนต้องแยกย้ายกันไปตามยถากรรมเสมอ

เฉพาะในเกมนี้ คุณอาจผ่านประสบการณ์ชนิดนั้นมาแล้ว คือเพื่อนร่วมทางหายหน้าไปทีละคนสองคน และในที่สุดวันหนึ่งคุณเองจะต้องหายหน้าไปจากเพื่อนร่วมทางที่เหลือ ใครจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม
คนความจำเสื่อมย่อมไม่อาจจำการเดินทางที่น่าเหนื่อยหน่ายได้ คุณก็เหมือนกัน ตายแต่ละครั้งคุณจะเริ่มต้นด้วยสภาพชีวิตชีวาแบบใหม่ ต่อเมื่อเติบโตขึ้นเสวยสุขทุกข์ซ้ำรอยเดิมนั่นแหละ คุณจึงจำความเหนื่อยหน่ายในการเดินทางไกลขึ้นมาได้


กับดัก

หากคุณเคยเห็นพืชหรือดอกไม้มีพิษบางชนิด คุณจะตระหนักว่าบางสิ่งที่สวยงามในโลกนี้ ไม่ได้เป็นประกันความปลอดภัยใดๆเลย ผู้ไม่รู้และหลงเชยชมอาจบาดเจ็บสาหัส เพราะขาดความระมัดระวังตัว คาดไม่ถึงว่าฤทธิ์ของมันจะร้ายค้านสายตาได้ขนาดนั้น

กับดักของเกมกรรมก็เช่นกัน มีบ้างที่แสดงตัวโจ่งแจ้งว่าเป็นกับดักเครื่องล่อ แต่ส่วนใหญ่ถูกอำพรางหลุมขวากไว้ ทั้งแบบพอเนียนตา และทั้งแบบแยบยลล้ำลึก

กับดักที่โจ่งแจ้งในโลกมนุษย์นี้ ได้แก่เหล้ายา การพนัน และการมั่วสุมของเหล่าอันธพาล แม้จะปรากฏอยู่ชัดๆว่าเป็นไฟ แต่ก็ยังมีแมงเม่าบินเข้าไปหา เพียงเพราะรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น หรือเพียงเพราะรู้สึกว่าจะเป็นแหล่งทำเงิน หรือเพียงเพราะรู้สึกว่าเป็นของดีสำหรับตน

กับดักที่พอเนียนตาในโลกมนุษย์นี้ ได้แก่หญิงชายเจ้าเสน่ห์ที่นิยมหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เพียงเพื่อให้ใครๆมายอมสยบ หรือเพียงเพื่อได้รู้ว่ามีใครแย่งชิงตนแบบเอาเป็นเอาตาย หญิงชายเหล่านี้ง่ายที่กาลต่อมาจะประพฤติผิดในกาม อาจจะน้อยๆ หรืออาจจะทุกชนิด ถ้าหลงติดก็เท่ากับพลอยร่างพลอยแห กลายเป็นหนึ่งในชู้ของเขาหรือเธอได้

กับดักที่แยบยลล้ำลึกได้แก่การงานหลายๆชนิด ที่ดูเหมือนดี ดูเหมือนเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น แต่ที่แท้ตั้งต้นด้วยความหลงผิด จึงพลอยพาให้ผู้ติดตามหลงผิดไปด้วยเป็นจำนวนมาก เช่นคำสอนของบางลัทธิที่น่าสนใจ มีคำสอนเป็นเหตุเป็นผลน่าคล้อยตาม แต่สุดท้ายสอนไม่ให้เห็นความสำคัญของพ่อแม่มากกว่าเจ้าสำนัก และที่สุดคือทำตามเจ้าสำนักสั่งได้กระทั่งฆ่าคน

อันที่จริงเกมกรรมเต็มไปด้วยกับดัก จาระไนไม่หวาดไม่ไหวว่ามีอะไรบ้าง แต่ถ้าคุณเคยหลงเชื่อผิดๆ ถูกหลอกให้ทำเรื่องผิดๆชนิดเห็นดำเป็นขาว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว อันนั้นแหละตัวอย่างกับดักของจริงในชีวิตคุณ

กับดักบางอย่างให้โอกาสคุณแก้ตัว แต่กับดักบางอย่างขอเพียงคุณหลงพลาดไปติดครั้งเดียว คุณจะไม่มีวันได้หลุดออกมาอีกเลยจนกว่าจะใช้กรรมหมด ตัวอย่างที่ชัดเจนก็เช่นลัทธิฆ่าตัวตาย หากสาวกของลัทธิหลงเชื่อ นึกว่าการฆ่าตัวตายคือวิธีลัดสู่ความเป็นอมตะ หรือนึกว่าระเบิดพลีชีพเป็นวีรกรรมที่จะได้รางวัลบนสรวงสวรรค์ เช่นนี้คือการสละสิทธิ์ในเกมกรรมแบบมนุษย์ แล้วต้องระเห็จไปเข้าคุกที่เกมกรรมตระเตรียมไว้ยาวๆแทน


อัตราเสี่ยงที่จะเล่นแพ้

ในเกมกรรมไม่มีการพ่ายแพ้ถาวร คือคุณไม่อาจทำบาปร้ายแรงใดๆที่จะส่งให้ไปติดอยู่ในทุคติภูมิตลอดกาล ขณะเดียวกันคุณก็ไม่อาจทำบุญที่สูงส่งพอจะดันให้ลอยขึ้นไปค้างบนสุคติภูมิชั่วนิรันดร์

มนุษยภูมิเป็นภูมิที่เล่นเกมกรรมได้ซับซ้อนพิสดารเหนือภพภูมิอื่นใด ไม่ว่าจะอยากสะสมแต้มบวกเพิ่มหรือเติมแต้มลบเยอะ ในภูมิมนุษย์นี้ คุณสามารถแก้ตัวได้มากที่สุด ปรับเปลี่ยนพัฒนาได้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็อาจซ้ำเติมตัวเอง ฉุดตัวเองลงต่ำได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน เนื่องจากใจของมนุษย์มีโสมนัสอันเกิดจากบาปใหญ่ได้ หลงผิดขนาดฆ่าผู้มีพระคุณสูงสุดเช่นพ่อแม่ได้ ฆ่าผู้สละโลกเช่นพระสงฆ์องค์เจ้าได้ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไร้มลทินก็ยังเคยมีคนใจบาปพอจะคิดปลงพระชนม์มาแล้ว

และเมื่อนับกันเป็นเรื่องๆ ในโลกนี้ก็มีแรงบีบคั้นให้เกิดกิเลสมากกว่าเครื่องช่วยต้านทานกิเลส แม้บุญเก่าจะสร้างปราการมโนธรรมมาให้คุณแข็งแรงเพียงใด หากเจอกระหน่ำหนักๆเข้าก็อาจเขวได้เหมือนกัน คุณจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และเหตุผลที่ดีพอมาตั้งแต่ต้นชีวิต ว่าทำไมจึงสมควรต้านกิเลส ทำไมถึงต้องยอมถูกหาว่าโง่ที่ไม่ฉกฉวยเมื่อมีโอกาสฉกฉวย พูดง่ายๆคือถ้าไม่มีคนบอกให้คุณรู้ว่าอะไรบุญอะไรบาป แนวโน้มคือคุณจะยอมถูกบีบคั้นให้โลภ โกรธ หลงไปตามเรื่องตามราว มากกว่าจะคิดได้เองว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร

กฎของเกมกรรมข้อหนึ่งที่น่ากลัว คือหากมีจิตที่เศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้ สุคติเป็นอันหวังยาก นั่นแปลว่าขณะใดก็ตามที่จิตคุณเศร้าหมอง บัดนั้นคุณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงกับการไปสู่ทุคติแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็นคนมีศีลมีสัตย์ รักเดียวใจเดียว แต่หลงรูปจนไปคว้าคนเจ้าชู้มาเป็นคู่ครอง วันหนึ่งคุณบังเอิญทราบว่าคู่ครองสุดที่รักของคุณคบชู้ คุณเกิดความเศร้าโศก หันหน้าไปหาเหล้า หากคุณกำลังนั่งกินเหล้าเคล้าความอาลัยคนรักแทบขาดใจแดดิ้นอยู่นั่นเอง เผอิญวัยรุ่นไล่ยิงกันแล้วคุณดันเจอลูกหลง กระสุนเจาะเข้ากลางท้ายทอยขาดใจตายคาที่ ก็คาดหมายได้เลยว่าจิตจะทำงานครั้งสุดท้ายเป็นการปรุงแต่งฝันร้ายให้เกิดขึ้น คุณอาจเห็นตัวเองเมามายเดินโผเผไปตามถนน แหกปากเรียกชื่อคนรักที่นอกใจแทบไม่เป็นภาษา จากนั้นเมื่อจิตสุดท้ายดับลง คุณจะคงสภาพของเปรตขี้เมา ร่ำอาลัยรักไปอีกนาน กว่าที่บุญอันสว่างไสวอย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงเวลาให้ผล มาช้อนรับคุณให้พ้นจากสภาพของเปรตได้

สรุปคือความเป็นคนดีอาจไม่พอจะเล่นเกมให้ชนะในแต่ละครั้ง คุณต้องมีเหตุผล มีสติ มีศรัทธาที่เหนือกว่าเครื่องยั่วให้เป็นบ้าไปกับโลกนี้ด้วย

เมื่ออ่านเกมกรรมออก จะเริ่มเห็นรางๆว่าคุณต้องเล่นไปเรื่อยเพื่อความเหนื่อยเปล่าอย่างไร้แก่นสาร ทั้งต้องดิ้นรนหากิน ทั้งต้องหาซื้อบ้าน ทั้งต้องวุ่นวายจัดการภาระต่างๆในชีวิตให้ลงตัว เสร็จแล้วก็ตาย ต้องไปหาใหม่เอาข้างหน้าอีก เท่านั้นไม่พอ ยังต้องสุ่มเสี่ยงต่อการได้ไปทุคติภูมิเอาง่ายๆเพียงด้วยการเผลอปล่อยใจให้เศร้าหมองแล้วจับพลัดจับผลูชะตาขาดเดี๋ยวนั้น

คุณจะเห็นมนุษย์และสัตว์ทุกตัวบนโลกร่วมเล่นเกมกรรมอยู่กับคุณ คุณเห็นใจตัวเองอย่างไรก็ควรเห็นใจพวกเขาเท่าๆกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็อยู่ในวังวนแห่งเกมอันไม่เป็นที่รู้กฎนี้เหมือนๆกัน มีสิทธิ์แปรเป็นนั่นเป็นนี่ ได้ดีบ้าง ตกยากบ้าง หยาบบ้าง ประณีตบ้างเหมือนๆกัน ต้องร้องไห้อย่างไม่รู้ทางแก้เหมือนๆกัน ตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่จะลงต่ำได้เสมอเช่นกัน

การคิดเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อเล่นเกมกรรมจึงมิใช่นโยบายที่ดี อย่างน้อยคุณควรวางแผนที่จะหยุด รวมทั้งชักชวนคนรอบข้างให้รู้ตามและคิดตามด้วย ขอให้ลองนึกถึงคนที่คุณรักที่สุด คุณทนได้ไหมถ้าจะปล่อยให้เขาหรือเธอพลัดไปอยู่ในหมู่อันธพาล อีกทั้งตกอยู่ในสภาพความจำเลอะเลือน พร้อมจะถูกสาดโคลนให้มอมแมม พร้อมจะถูกข่มเหงให้บอบช้ำ?

นั่นอาจเป็นเรื่องสมมุติ แต่เรื่องจริงก็คือถ้าคนที่คุณรักยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เขาหรือเธอจะต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นมาก เพราะโคลนที่จะสาดมาเปื้อนเขาไม่ได้มาจากที่อื่น แต่สาดมาจากความไม่รู้ของเขาเอง

เช่นนี้คุณคงบอกตัวเองถูกว่าควรทำอะไร?

ใช่แล้ว… คุณควรหาทางหยุดเล่นเกมเสีย


ทำความรู้จักต้นเค้าของเกมกรรม

ก่อนจะหยุดเล่นเกมได้ คุณควรจะรู้ที่มาที่ไปเสียก่อน ว่าทำไมคุณถึงตกมาอยู่ในเกมนี้ และที่สำคัญคือทำไมคุณจึงยังไม่เลิกเล่นเกมนี้เสียที

คุณอย่าไปคิดถึงเรื่องเวลาอันเป็นต้นตอของสรรพสิ่ง เพราะเวลาไม่มี มีแต่ลำดับการเกิดดับของกายใจ การได้อุปกรณ์เล่นเกมแต่ละครั้งต้องมีเหตุที่มาที่ไปเสมอ จะผุดขึ้นลอยๆจากอากาศไม่ได้ ฉะนั้นแม้ชาติแรกที่สุดที่ทุกอย่างจะอุบัติขึ้นโดยปราศจากเงื่อน ปราศจากเค้า ก็ย่อมไม่มีเช่นกัน

โจทย์ที่เราควรเพ่งเล็งจึงไม่ใช่คำถามแบบไข่กับไก่อันไหนเกิดก่อนกัน แต่ต้องเล็งลงไปในสิ่งที่กำลังเห็นได้ ว่าอะไรเป็นเงื่อน อะไรเป็นต้นเค้าให้ต้องอยู่ในเกมกรรมต่อ

สิ่งที่เราสามารถเห็นได้จริง จับต้องได้ทันที ไม่มีอะไรเกินไปกว่ากายใจอันปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ หากมองว่าคุณเล่นเกมกรรมมานับอนันต์ภายใต้กฎเกณฑ์เดิม ก็แปลว่าถ้าเห็นความจริงและเงื่อนไขต่างๆที่ทำให้มีกายใจนี้ได้ คุณก็สามารถเห็นต้นตอกำเนิดเกมกรรมทั้งหมดได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องระลึกชาติ ไม่ต้องมีญาณหยั่งรู้อนาคต คุณก็มีสิทธิ์เห็นเงื่อนไขความจริงเกี่ยวกับกายใจในทุกกาลได้เช่นกัน

อุปกรณ์เล่นเกมกรรมคือกายใจมนุษย์นั้น นอกจากเอาไว้ก่อกรรมทำบุญบาปแล้ว ยังประกอบด้วยช่องทางเชื่อมต่อกับโลกภายนอกมากมายหลายชนิด ได้แก่ตา เอาไว้มองดูรูป หูเอาไว้ฟังเสียง จมูกเอาไว้ดมกลิ่น ลิ้นเอาไว้ลิ้มรส ประสาทกายทั่วร่างเอาไว้รับสัมผัสกระทบ และใจเอาไว้รับรู้สภาพธรรมทั้งปวงนอกเหนือจากที่ช่องรับอื่นๆรับไม่ได้

เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อรับผัสสะมาแล้วไม่จบแค่ทราบว่าเกิดผัสสะ แต่ยังมีแรงกระทำทางระบบประสาทที่ก่อให้เกิดความสบายและความอึดอัดทางกายอีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะรู้เรื่องเกมกรรมมากหรือน้อยแค่ไหน ตราบใดที่คุณยังติดใจรสชาติความสบายอันเกิดจากผัสสะกระทบทั้งหลาย ตราบนั้นคุณได้ชื่อว่าตกอยู่ใต้การบังคับให้เล่นเกมกรรมต่อเสมอ โดยไม่มีข้อยกเว้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความติดใจจะก่อให้เกิดอาการดิ้นรนทะยานอยาก ถ้ายังไม่ได้สักคืบก็จะเอาคืบ ถ้าได้คืบแล้วจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวาต่อ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อไม่หยุด ไม่ว่าง ไม่วาง จิตก็จะมีการทำงานเข้ากระบวนการต่อภพต่อชาติโดยอัตโนมัติ เหมือนตกอยู่ในห้วงฝันประหลาดที่ไม่อาจตื่นขึ้น เพราะแรงอุปาทานว่าความฝันเป็นเรื่องจริงนั้น จะยึดไว้ หน่วงไว้ เกาะกุมจิตใจของคุณไว้อย่างเหนียวแน่น

ฝันครั้งสุดท้ายก่อนตายจะเป็นห่วงเชื่อมต่อกับฝันครั้งต่อไป นี่คือกลไกอันลึกลับของเกมกรรม เห็นได้ครั้งเดียวและไม่อาจกลับมาบอกเล่าให้ญาติพี่น้องฟัง ธรรมชาติกรรมวิบากจะประมวลคะแนนทั้งหมดที่คุณเล่นได้ในเกมกรรมครั้งหนึ่งๆ แล้วตัดสินให้ว่าจะส่งคุณไปเล่นเกมใหม่ต่อกันที่ไหน จิตที่ยังมียางเหนียว ยังมีความยึดติดถือมั่น อยากได้ดี อยากเป็นคนสำคัญในเกมกรรมนั่นเอง จะทำให้คุณหมดสิทธิ์ปฏิเสธการหยุดเล่นเกม

อย่างไรก็ดี ประสาทกายนี้เป็นเพียงเครื่องรับ บังคับให้สุขทุกข์เองไม่ได้ และโลกนี้ก็กลาดเกลื่อนไปด้วยเครื่องกระทบร้อนหนาวให้เกิดความอึดอัดไม่สบาย เมื่อใดเกิดความอึดอัดก็จะนำไปสู่ความรังเกียจ อยากหนีไปสู่สภาพที่ดีกว่า หรือไม่ก็อยากปิดเกมด้วยวิธีลัดสั้นคือฆ่าตัวตาย

การใช้ชีวิตตามใจอยาก ก็เหมือนการเล่นเกมตามใจชอบ ยากที่คุณจะเล่นได้ดี และคุณจะไม่มีวันเล่นชนะเกมยากๆเพียงด้วยการหวังรอความบังเอิญ ยิ่งสำหรับเกมกรรมอันเป็นของใหญ่มหึมานี้ เล่นยากที่สุดก็คือเล่นอย่างไรให้หยุด เพราะฉะนั้นอย่าฝันว่าจู่ๆคุณจะเดินไปตกช่องแจ็กพอต เป็นผู้โชคดีได้หยุดเล่นเกมกันดื้อๆ ไม่เชื่อลองถามตัวเองดู ว่าให้ทิ้งคนรักและของหวงที่สุดเดี๋ยวนี้ได้ไหม? ให้ไม่หวังจะได้อะไรมาอีกเลยไหวไหม? เสียงของความอาลัยที่ตอบขึ้นมาว่า ‘ไม่ได้!’ แม้ใกล้ขาดใจตายอยู่รอมร่อนั่นเอง คือความยากเย็นที่สุดที่หยุดคุณไม่ให้เลิกเล่นเกมกรรมสำเร็จ

ทุกคนอยากเอาของรักของหวงติดตัวไปโลกหน้า หรือหวังให้โลกหน้าดีกว่านี้ ไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้ ไม่ต้องทุกข์อย่างนี้ แต่นั่นแหละ เกมกรรมไม่ได้รับฟังอุทธรณ์ว่าคุณอยากได้หรือไม่อยากได้อะไร เกมกรรมแค่ดูว่าคุณทำอะไรมา แล้วก็ให้อะไรคืนคุณกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ สิ่งที่คุณจะพกติดตัวไปในเกมหน้าก็มีแต่บุญบาปที่ทำไว้ด้วยอุปกรณ์เล่นเกมปัจจุบัน ไม่มีสมบัติข้าวของหรือลูกเมียคนใดติดตามไปได้เลย


รู้จักเบื้องต้นวิธีถอนจิตออกจากเกม


เห็นค่าของการออกจากเกม

ถ้าไม่รู้ตัวว่ากำลังเล่นเกมกรรม คุณก็ไม่มีสิทธิ์เลือกใดๆทั้งสิ้น ต้องเล่นต่ออย่างเดียว แต่เมื่อรู้แล้ว เชื่อแล้ว หรือตระหนักแล้วว่ากำลังเล่นเกมกรรม คุณมีสิทธิ์เลือกที่จะต่อหรือหยุด

หากเลือกที่จะหยุด คุณคงต้องมีเหตุผลที่แข็งแรงไว้บอกตัวเองว่าทำไมจึงควรหยุด อันนี้หลักวิธีก็คือเพ่งโทษของการตกอยู่ในเกมกรรมด้วยความไม่รู้ให้มากเข้าไว้ แล้วเห็นค่าของการหยุดเล่นเกมกรรมอย่างละเอียด

หมั่นถามตัวเอง ว่าเกมกรรมอยากให้คุณเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ พิจารณาให้รอบด้านก็เห็นจะต้องตอบว่าอยากให้เป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่ปล่อยให้คุณต้องทุกข์อย่างเดียว เกมกรรมจะเล่นเอาเถิดเจ้าล่อโดยการส่งเสบียงความสุขและภาพลวงตาล่อใจให้เกิดความหวังมาเป็นระยะๆ อาศัยบุญเล็กใหญ่ที่คุณได้เคยทำเป็นปัจจัยนั่นเอง ขืนเกมกรรมมีให้แต่ทุกข์ เดี๋ยวสรรพสัตว์จะอยากหลีกลี้หนีหน้า เลิกเล่นเกมกรรมกันเสียหมด

การหยุดเล่นเกมเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่คุณไม่รู้จัก ไม่ใช่ความน่าเบื่ออย่างที่คิด และหาใช่อะไรที่คุณจะจินตนาการขึ้นมาด้วยประสบการณ์อันแคบจำกัดของหูตานี้

แต่อย่างหนึ่งที่พอกล่าวให้อนุมานได้ก็คือเมื่อหยุดเล่นเกมอย่างเด็ดขาด คุณจะไม่ต้องผูกพันกับอุปกรณ์เล่นเกมกรรมใดๆ ไม่ต้องตกอยู่ในภาวะโง่เขลาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัว ไม่ต้องเดินทางไกลอย่างไร้จุดหมายแน่ชัด กับทั้งไม่ต้องสุ่มเสี่ยงเล่นผิดเล่นถูกอีกต่อไป

พูดให้ง่ายก็คือ ถ้าคุณเห็นโทษเห็นภัยของการเล่นเกมกรรมให้ชัด แล้วเห็นการหยุดเล่นเกมเป็นการยกตนเองจากห้วงทะเลใหญ่ขึ้นบกอันปลอดภัย คุณจะคิดถึงการหยุดเล่นเกม

แค่ตั้งใจหยุดเล่นเกม รากของชัยชนะก็ปรากฏแล้ว อะไรดีๆก็เตรียมพร้อมจะทยอยตามมาแล้ว การตั้งใจหยุดเล่นเกมนั่นแหละคือสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง และเมื่อได้คิดก็จะพบว่านี่เองคือเส้นทางแห่งความสุขและการมีชีวิตที่คิดไม่ถึงอย่างแท้จริง เพราะการเลือกหยุดเล่นเกมจะเป็นการเล่นเกมอย่างมีจุดหมายปลายทางครั้งใหญ่ที่สุด อันจะเป็นที่มาของความฉลาดในเกมกรรมโดยรวม ชนิดยิงนัดเดียวได้นกทั้งฝูง หรืออีกนัยหนึ่งคือพยายามเอาชัยแบบหนึ่งเดียวครอบจักรวาล

อย่าคิดว่าการหยุดเล่นเกมจะเหมือนกับการฆ่าตัวตายที่จะยุติทุกสิ่งลงเดี๋ยวนี้ คุณยังมีเวลาเสพสุข มีเวลาเรียนรู้ทุกข์ และปล่อยให้ชีวิตคลี่คลายไปตามทางของมันจนกว่าจะสุดทางเอง ขอให้ท่องไว้ว่าการฆ่าตัวตายคือเล่ห์หนึ่งของเกมกรรมที่จะทำให้คุณได้เล่นต่อเกมหน้าอย่างลำบาก ส่วนการหยุดเกมอย่างแท้จริงจะไม่มีเกมหน้าหรือเกมไหนอีกเลย


เข้าใจหลักวิธี

คุณกำลังจมอยู่ในแรงดึงดูดของเกมกรรม ถ้าจะเอาชนะแรงดึงดูดอันทรงอำนาจได้ ก็ต้องอาศัยแรงส่งมหาศาลช่วย ถึงจะถีบตัวขึ้นสูงไหว กระทั่งเข้าสู่ภาวะว่างเหนือแรงดึงดูดได้เด็ดขาด แล้วจึงค่อยลอยลำสบาย ไม่ต้องอาศัยแรงส่งใดๆช่วยอีก

บาปเหมือนแรงฉุดรั้งหน่วงเหนี่ยว ยื้อแขนยื้อขาคุณไว้กับทรายดูด บุญเหมือนแรงขับดันให้เขยื้อนขึ้นพ้นทรายดูดได้ นั่นหมายความว่าเมื่อใดคุณตั้งมั่นในบุญและเว้นขาดจากบาป จิตคุณค่อยพร้อมทำความเข้าใจขั้นตอนต่อไปอย่างสบาย เหมือนคนขึ้นจากหล่มสามารถเดินทางต่อ

เมื่อจิตไม่มืดด้วยบาปแปลว่าสว่างด้วยบุญ เมื่อสว่างด้วยบุญย่อมเห็นตามจริงได้ง่าย คือเห็นว่าเกมกรรมเล่นชนะยาก แต่พลั้งเผลอผิดพลาดง่าย เต็มไปด้วยกับดัก ไม่มีคะแนนสะสมใดคงที่ ไม่มีรางวัลใดเป็นของคุณนาน ควรที่จะเบื่อหน่าย คลายความยินดีจากการเล่นเกมกรรมเสีย

ความเบื่อหน่ายในที่นี้ไม่ใช่ลักษณะของคนอมทุกข์ แต่ต้องเป็นในแบบคนที่ทรงสติสมบูรณ์ มีความเป็นกลางอยู่เหนือความหดหู่ เหนือความโทมนัส และเหนือความมีใจแห้งทั้งปวง

ที่สุดแล้วเมื่อออกจากกรงรั้วของเกมกรรมสำเร็จ คุณจะพบกับ ‘อะไรอีกอย่างหนึ่ง’ ที่ไร้รูปรอยเหนือจินตนาการ เหนือรสสุขหวานชื่น และเหนือความสว่างโพลงใดๆในโลกรวมกัน

เมื่อมองมาจากด้านนอกกรงขังของเกมกรรม คุณจะเห็นความจริงกระจ่างขึ้น เช่น…

ถ้ายังมีความโลภ ติดใจเพศรส ก็ยังตกอยู่ภายใต้อาณัติขององค์กำเนิด ยังต้องเป็นผู้กำเนิดอีก

ถ้ายังมีความโกรธ อภัยไม่ได้หรือเมตตาไม่พอ ก็ยังตกอยู่ภายใต้อาณัติของความผูกเวร ต้องเป็นผู้ตามใช้เวรกันอีก

และสุดท้าย ถ้ายังมีความหลง เปิดความรับรู้ตามจริงไม่ได้ ฆ่าความมืดไม่ได้ มีจิตส่องสว่างเป็นไทแก่ตัวไม่ได้ ก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของเกมแห่งความไม่รู้ เกมแห่งการลวงประสาทเรื่อยไป

ผู้ใดกำจัดความโลภ ความโกรธ และความหลงเสียได้ ก็ย่อมยืนอยู่เหนือเกมกรรมได้อย่างสง่าผ่าเผย เป็นผู้ปลอดภัย เป็นผู้อยู่นอกกรงขัง ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างสูญเปล่าอีก


เล่นเกมรักษาสัตย์

หลังทำความเข้าใจหลักวิธีแล้ว คุณควรค่อยๆถอยห่างจากแรงดึงดูดของเกมกรรมด้วยการรู้จัก ‘ทำตัวออกห่าง’ จากกามเสียบ้าง

ขอให้สัญญากับตัวเองว่าหนึ่งเดือนจะเว้นขาดจากเพศสัมพันธ์และการสำเร็จความใคร่เป็นเวลา ๔ วัน เลือกเอาวันสะดวกวันไหนก็ได้ในสัปดาห์ ควรให้เป็นวันเดียวกัน เพื่อมีกำหนดระยะที่ชัดเจน หมายความว่าในวันที่กำหนดนั้น คุณจะมีหรือไม่มีอารมณ์เพศก็ไม่มีสิทธิ์ตามใจตัวเอง

เมื่อสัญญากับตนเองในข้อนี้ ขอให้ตระหนักว่าคุณกำลังเล่นอยู่กับแรงดึงดูดที่มีอำนาจสูงสุดในเกมกรรม ถ้าทำได้ตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ เช่น ๓ เดือนหรือ ๖ เดือน ก็แปลว่าคุณต่อสู้กับอำนาจบีบคั้นไป ๑๒ หรือ ๒๔ ครั้ง

คุณจะพบว่าในสิบหรือยี่สิบกว่าครั้งดังกล่าว มีหลายคราวที่เกิดความต้องการอย่างรุนแรง เพราะอย่างที่บอกว่าคุณกำลังคิดจะฝืนแรงดึงดูด หากผ่านด่านได้สำเร็จแต่ละครั้ง ขอให้สังเกตว่าคุณจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีอำนาจควบคุมตนเองมากขึ้น และเหมือนอยู่เหนือกามได้บ้างแล้ว จากที่ไม่เคยคิดจะอยู่เหนือมันมาก่อน มีแต่ยอมอยู่ใต้อิทธิพลของมันมาตลอด

ขอให้สังเกตดีๆ ไม่ว่าคุณจะตั้งใจรักษาศีล ๕ หรือเริ่มเกมรักษาสัตย์อันดูเหมือนง่ายแต่เล่นยากนี้ เกมกรรมจะส่งบุคคลหรือสถานการณ์ยั่วยวนชวนให้ผิดสัญญามาหาคุณเสมอ อาจจะในรูปของคำพูด อาจจะในรูปของภาพเสียงชวนหวิวไหว อาจจะในรูปของเนื้อหนังกระทบกระทั่งโจ่งแจ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลยก็เป็นจินตนาการร้อนแรงที่จู่ๆก่อตัวขึ้นมาเฉยๆในหัวคุณเอง

อย่ากดข่มแบบกัดฟันกรอดๆ ขอให้ตั้งสติดีๆ และสังเกตแบบสบายๆ คุณจะเห็นและอัศจรรย์ใจกับมายาของเกมกรรม ช่วงแรกที่ฝืนใจต้านจะทรมาน เต็มไปด้วยความคันคะเยอ และเหมือนจะลืมเหตุผล มองไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมจะต้องมัวทรมานตัวเองอย่างนี้

แต่หากข่มใจผ่านช่วงวิกฤตไปได้ คุณจะพบกับความจริงคือแรงของกามนั้นมีหนักได้เบาได้ และเมื่อเบาจะเบายาว ไม่เหมือนปวดอุจจาระแล้วต้องระบายออกท่าเดียว

รางวัลของการรักษาสัจจะได้สำเร็จคือความเบาเนื้อเบาตัว ปลอดโปร่งโล่งใจ กับทั้งเกิดขันติ คือมีความอดกลั้น มีความแน่วแน่ และมีความคลายวางในกาม พิสูจน์ตัวว่าเป็นมือใหม่พยายามเลิกเล่นเกมกรรมได้ระดับหนึ่ง


เปลี่ยนฐานะผู้เล่นเป็นคนดู

เมื่อไม่ศึกษาวิธีเลิกเล่นเกมกรรม เมื่อไม่รักษาสัตย์ที่จะตีตัวออกห่างจากกามเสียบ้าง คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้เล่นเกมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเกมกามหรือเกมโกรธ คุณทุ่มใจเล่นเต็มที่ และเกิดความปักใจว่าคุณจะต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะผู้เล่นเท่านั้น

แต่เมื่อฝึกรักษาสัตย์ จนควบคุมระดับกามได้ตามกำหนด คุณจะเริ่มเห็นต่างไป คือถ้าเกิดอารมณ์ทางเพศแล้วมีสติเท่าทัน ไม่ปล่อยตามอารมณ์ทันทีที่มีโอกาส อารมณ์เพศจะแสดงความไม่เที่ยง มีขึ้นได้ก็มีลงได้ของมันเอง

ขอเพียงทำความเข้าใจ ว่าอารมณ์เพศเป็นสิ่งที่ถูกเห็น และสิ่งที่เห็นอารมณ์เพศคือจิต ต่อๆมาคุณจะเริ่มเห็นตามจริงมากขึ้น คืออารมณ์เพศกับจิตจะเป็นต่างหากจากกันอย่างชัดเจน จิตมีภาวะปลอดโปร่งสบาย มีธรรมชาติรู้อยู่เห็นอยู่ ส่วนอารมณ์ทางเพศอาจคืบคลานมาปรากฏด้วยธรรมชาติหยาบๆทางกาย เป็นคนละภาวะ เป็นคนละมิติกัน

ในที่สุดคุณจะพบว่าอารมณ์เพศไม่ใช่ตัวคุณ แต่เป็นสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นให้รู้สึกว่าเป็นตัวคุณ โดยเฉพาะในชั่วขณะที่คุณยอมหลงมันหัวปักหัวปำจนโงไม่ขึ้น

เมื่อสามารถเปลี่ยนฐานะตัวเองจากผู้เล่นเป็นคนดูได้เพียงเท่านี้ คุณจะเริ่มเห็นอะไรๆแตกต่างไปจากเดิมมาก อย่างน้อยก็ได้คิดว่าการที่คนเราต้องติดคุกหรือกระทั่งถูกประหารด้วยคดีข่มขืน แท้จริงไม่ได้เกิดจากความชั่วช้าเป็นปฐมเหตุ แต่เกิดจากกามราคะในธรรมชาติอันยากจะห้ามใจต่างหาก เมื่อคนเรามีมโนธรรมไม่มากพอจะต้านแรงฝ่ายต่ำ ก็พร้อมทำอะไรๆผิดพลาด และบางทีต้องชดใช้ความผิดพลาดกันด้วยชีวิตทั้งชีวิต!


เตรียมตายอย่างโสดาบัน

หลังจากฝึกมองสภาพจิตของตนเองเมื่อให้ทานและรักษาศีล ตลอดจนเขยิบขึ้นมารักษาสัตย์และฝึกเป็นคนดูแทนการเป็นผู้เล่นได้ระยะหนึ่ง คุณจะพบว่าตนเองกำลังหันหลังให้กับเกมกรรมอย่างช้าๆ คุณยังทำดีอยู่ แต่ความดีนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อต่อเกม ทว่าเป็นไปเพื่อหยุดเกม

คุณยังเสวยสุขในกามอยู่ แต่จะมีภาคหนึ่งที่ตระหนักว่านั่นไม่ใช่ความสุขอันเลิศลอยสักแค่ไหน คุณยังโกรธได้ แต่จะหายเร็วและไม่เห็นประโยชน์กับการผูกใจเจ็บนานๆ คุณยังหลงผิดหลงพลาดอยู่ แต่จะไม่มีเมฆหมอกใดมาห่อหุ้มจิตให้มืดทึบเกินกว่าจะรู้สึกตัวได้ในภายหลัง ทั้งนี้เพราะผู้ตั้งจิตให้อยู่ในทิศทางทำคะแนนบวก มีจุดหมายปลายทางแน่ชัดว่าเป็นไปเพื่อหยุดเล่นเกมแล้วนั้น จะมีอนุสติอย่างหนึ่ง เหมือนใจบอกตัวเองว่าต้องบ่ายหน้าหนีจากศูนย์กลางแรงดึงดูด ไม่ใช่ปล่อยทอดหุ่ยให้ถูกดูดกลับไปเต็มตัวเหมือนเคยๆ

ตามกฎของเกมกรรม ผู้เที่ยงที่จะออกจากเกมกรรมได้นั้น อย่างน้อยจะต้องเห็น ‘ความว่างจากเกม’ เสียก่อน จึงประกันว่าไม่หลงทางออกจากเกมแน่ รู้วิธีออกจากเกมอย่างถูกต้องแน่

ความว่างจากเกมก็คือความว่างจากกฎแห่งกรรมวิบาก ว่างจากสภาพอันถูกปรุงแต่งขึ้นด้วยกรรม ไม่มีการประชุมกันของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ ไม่มีกระทั่งสภาพการรับรู้อันเกิดจากตากระทบรูป หูกระทบเสียง

ความว่างจากการตกแต่งด้วยกรรมวิบาก ก็คือความว่างจากความไม่แน่นอน ว่างจากอันตราย ว่างจากความเปียกปอนด้วยบาป กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความว่างจากการตกแต่งด้วยกรรมวิบาก ก็คือความเที่ยงแท้แน่นอน คือความปลอดภัยถาวร คือบกอันแห้งสนิทจากบาป ตลอดจนมีความวิเศษอยู่เหนือบุญ

ความว่างอันเป็นที่สุดของรสดังกล่าวนี้ จะสมมุติชื่อเรียกอย่างไรก็ได้ ถ้าสำหรับคนพุทธแล้ว ความว่างนี้เรียกว่า ‘นิพพาน’ ผู้ที่เห็นนิพพานได้เป็นครั้งแรกเรียกว่า ‘โสดาบัน’

การเป็นโสดาบันนั้น ก็คือการเป็นผู้ปรับจิตปรับใจให้พร้อมจะเข้าสู่ภาวะโพล่งเฉียบพลันเห็นนิพพาน และวิธีที่จะปรับจิตปรับใจดังกล่าว ก็คือการให้ทาน ถือศีล และเปลี่ยนตนเองจากผู้เล่นเป็นคนดู ดังที่แสดงมาตามลำดับ

หลังจากเห็นนิพพานแล้ว คุณจะไม่คิดอีกเลยว่ามีตัวตนถาวรอยู่ที่ไหน ถึงแม้คุณจะยังหลงโลภ หลงโกรธ และหลงรู้สึกว่ามีตัวคุณอยู่เดี๋ยวนี้ แต่ก็จะไม่หลงเห็นผิดว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเป็นตัวคุณ เพราะเห็นชัดว่ามันเป็นแค่การประชุมรวมของธาตุ ๔

และคุณจะไม่เห็นกระทั่งจิตใจตัวเองเป็นตัวคุณ เพราะเห็นชัดว่าอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และแม้กระทั่งการรับรู้ต่างๆ มาด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา พูดง่ายๆว่าสภาพธรรมอันประกอบกับจิตของคุณทั้งหลายล้วนแปรปรวนไปเรื่อยๆ เป็นสภาพที่ไม่ซ้ำกับสภาพเดิมสักชุด

เมื่อเป็นอิสระจากการปิดบังของกายใจ จิตคุณจึงโพล่งทะลุออกไปเห็นอะไรอีกอย่างหนึ่งที่อยู่นอกขอบเขตของกายใจ เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์อันแตกต่างจากทุกสิ่งที่คุณเคยรับรู้ และเมื่อเห็นนิพพาน คุณเห็นด้วยสติ เห็นด้วยจิตที่ทรงอุเบกขา ไม่ได้เห็นด้วยอาการหลงเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้กำลังยืนอยู่ข้างกิเลส ไม่ถูกครอบงำด้วยโมหะ ดังนั้นจึงไม่สงสัยอีกเลยว่านิพพานมีจริงไหม และด้วยวิธีอย่างไรจึงสามารถเห็นนิพพานได้

เมื่อเห็นแบบประจักษ์ คุณจึงไม่สงสัยด้วยว่าคนอื่นเห็นได้อย่างคุณไหม ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือใครเป็นผู้นำวิธีเห็นนิพพานมาเปิดเผย คนนั้นย่อมเป็นผู้มีพระคุณสูงสุด ได้แก่พระศาสดาของพุทธ ซึ่งองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ‘โคดม’

เมื่อเป็นโสดาบันบุคคล คุณจะยังอยู่กับลูกเมียได้เหมือนชาวบ้านชาวเรือนอื่นๆ คุณยังดูหนังฟังเพลงได้ คุณยังไม่ต้องเลิกคบกับเพื่อนเก่า คุณทำทุกอย่างได้ตามปกติ สิ่งที่ผิดไปคือคุณจะไม่ยืนอยู่ข้างบาปอันเกิดจากการผิดศีลอีกเลยจนชั่วชีวิต ซึ่งนั่นก็หมายถึงการปิดอบายตลอดกาล เนื่องจากไม่มีเหตุสมควรให้ต้องตกต่ำลงไปรับโทษในกำเนิดนรก กำเนิดเดรัจฉาน และกำเนิดเปรตอีกแล้ว

หากยังไม่ใช่โสดาบันบุคคล ก็ยังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะทำบุญสั่งสมคะแนนบวกมาแค่ไหนก็ตาม เพราะปุถุชนยังมีความประมาทได้ ถูกโมหะครอบงำได้ตลอดเวลา

การเป็นโสดาบันไม่ใช่ประกันได้เฉพาะแค่ชาติหน้า ชาติถัดๆไปจนถึงนิพพาน คุณก็จะไม่ต้องพลาดลงต่ำกว่าความเป็นมนุษย์อีกแล้ว คือต่ำที่สุดแค่มนุษย์ สูงที่สุดแค่พรหม พ้นจากนั้นคือถึงนิพพานอันปราศจากการข้องเกี่ยวกับภพน้อยใหญ่ทั้งหลาย

หากคุณไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ ยังไม่มีกำลังใจแก่กล้าพอจะตั้งสติดูกายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน ก็มีทางลัดง่ายๆอีกทางหนึ่ง คือเตรียมตัวตายอย่างโสดาบัน

วิธีเตรียมตัวนั้น ไม่ใช่ระหว่างมีชีวิตคุณไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างน้อยก็ต้องให้ทานรักษาศีลถึงระดับที่จิตใจเปิดกว้างสบายและปลอดโปร่งสะอาดสะอ้านระดับหนึ่ง จากนั้นเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธเจ้าว่าพระองค์รู้จักนิพพานจริง ทราบทางไปนิพพานจริง คุณยึดศาสดาองค์เดียวเป็นสรณะ ไม่หวังมีที่พึ่งอื่นอีก

คุณควรสำรวจอยู่เรื่อยๆ ว่าถ้าให้ตายตอนนี้ จิตจะคิดห่วงหน้าพะวงหลังถึงอะไรบ้าง ก็ฝึกพิจารณาเสีย ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยง มีอันต้องเสื่อมสลายไปแม้ขณะที่คุณยังไม่เลิกหวงแหนอยู่นั่นเอง ฝึกหยอดความคิดสะสมความปล่อยวางวันละเล็กวันละน้อย อย่าดูถูกการได้คิดเล็กๆน้อยๆ เพราะเมื่อสั่งสมมากแล้ว การได้คิดจะกลายเป็นการ 'คิดได้' แบบตกผลึกเต็มภูมิ

เมื่อปล่อยวางเล็กๆน้อยๆได้ ก็เขยิบขึ้นมาปล่อยวางอย่างใหญ่ขึ้นอีกหน่อย อาศัยหลักความจริงที่ว่าถ้าจะเป็นพระโสดาบัน ต้องเห็นกายใจนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น เราก็ค่อยๆฝึกดูความจริงวันละนิด เช่น เมื่อนอนเหยียดกายยาวก่อนหลับ ให้สมมุติว่านั่นเป็นนาทีสุดท้ายของชีวิต พอจะตายจริงก็ต้องทอดนอนอย่างนี้ และเตรียมเผชิญภาวะลมหายใจขาดสูญไปจากกายเช่นนี้

การสมมุติเช่นนั้นถ้าทำครั้งสองครั้งจะเหมือนจินตนาการเล่น ไม่เกิดผลอะไร แต่ถ้าทำสม่ำเสมอ ก็จะเป็นการซักซ้อมอารมณ์ก่อนตายได้จริงๆ คือเมื่อมาถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต จะเหมือนคุณคุ้นเคยและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตามที่ได้ซักซ้อมไว้แล้ว

ธรรมดาลมหายใจมีทั้งเข้าออกและขาดหายอยู่ตลอดเวลา เวลาจะตายก็เพียงเข้าออกครั้งสุดท้ายแล้วไม่มีการเข้าอีกเลยชั่วนิรันดร์ ขอให้ถือความจริงนั้นแหละเป็นเครื่องพิจารณา ทุกคืนคุณดูลมหายใจเตรียมตัวตายครั้งเดียวพอ คือมีสติลากลมหายใจเข้า แล้วเห็นตามจริงว่าเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจเข้า เราบังคับให้มีแต่ลมหายใจเข้าไม่ได้ เรารักษาลมหายใจเข้าไว้ตลอดไปไม่ได้

จากนั้นมีสติระบายลมหายใจออก แล้วเห็นตามจริงว่าเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจออก เราบังคับให้มีแต่ลมหายใจออกไม่ได้ เรารักษาลมหายใจออกไว้ตลอดไปไม่ได้

เอาแค่นั้นพอแล้ว เห็นลมหายใจ เห็นความจริงของลมหายใจ ทุกคืนขอเพียงชั่วขณะเดียวที่คุณเกิดความรู้สึกว่างจากตัวตน ความว่างชนิดนั้นจะขยายชัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นอิสระจากความเกาะเกี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับขับเคลื่อนไปสู่ความตายอย่างโสดาบันได้เต็มพิกัด หากคุณมีเวลาเหลืออีก ๑๐ ปีเพื่อเตรียมตัวตายด้วยวิธีดูลมหายใจคืนละหนึ่งครั้งก่อนนอน คุณจะสะสมความว่างจากตัวตนได้ ๓,๖๕๐ ครั้ง ซึ่งก็ทรงพลังพอใช้แล้ว

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความว่างจากอัตตาในนาทีที่จิตกำลังจะเปลี่ยนภพนั้นมีผลสำคัญใหญ่หลวง ภาวะก่อนตายจะเป็นตัวช่วยให้รู้สึกชัดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวต้องไปแน่ ไม่มีอะไรให้มือนี้กำได้อีก ความเด็ดเดี่ยวเฉพาะหน้าจึงเกิดขึ้น เมื่อปราศจากความห่วงหน้าพะวงหลัง แถมไม่รู้สึกว่าลมหายใจที่กำลังจะขาดจากกายเป็นสมบัติของเรา จิตก็มีสิทธิ์สงบรวมลงถึงฌานด้วยอาการปล่อยวางได้ในช่วงสั้นๆ ตรงนั้นแหละที่ภาวะแบบโสดาบันจะปรากฏ คือคุณจะเห็นนิพพานอันปราศจากนิมิต ปราศจากรูปรอยใดๆ หมดจากภาวะรับรู้เช่นนั้นก็จะตระหนักว่าประตูอบายปิดสนิทเด็ดขาดแล้ว มีแต่ความสว่างโพลงทั่วตลอดแล้ว

เงื่อนไขของเกมกรรมมีอยู่นิดเดียว เพื่อจะเป็นโสดาบันได้นั้น ชาตินี้คุณห้ามฆ่าพ่อแม่ ห้ามฆ่าพระอรหันต์ แล้วถ้าคุณเป็นพระก็ห้ามทำให้สงฆ์ในวัดแตกกัน เพราะบาปหนักเหล่านี้จะจำกัดสิทธิ์ไม่ให้จิตเข้าถึงความผนึกแน่นเป็นฌานก่อนตาย ซึ่งเท่ากับปิดกั้นไม่ให้มีทางเห็นนิพพานไปด้วย




บทต่อๆไปจะแสดงให้เห็นว่าหลังจากทำความรู้จักกับเกมกรรม คุณมีคะแนนบวกเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

อ่านต่อบทที่ ๑๐ >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น