ถ้าปราศจากแรงต้านกิเลส
ทุกคนอาจสมสู่กันตามถนนเพียงแรกพบสบตา
แรงต้านจากคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษย์
แม้ไม่รู้จักศาสนาพุทธ แต่ลงถ้าเกิดเป็นมนุษย์ได้
อย่างน้อยก็ต้องมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ได้แก่
๑) มโนธรรม
คือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือความรู้สึกว่าอะไรควรทำ
อะไรไม่ควรทำ มโนธรรมเป็นอันเดียวกับความละอายต่อบาป
และเหตุผลที่จิตมนุษย์มีความละอายต่อบาปโดยดั้งเดิม
ก็เพราะกำเนิดมนุษย์มีได้ด้วยบุญ มิใช่ด้วยบาป
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือจิตมนุษย์นั้นมีความเป็นกุศลโดยพื้นฐาน
แม้คนวิกลจริตในโรงพยาบาลบ้าก็ไม่อาจคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา
ต้องมีขณะแห่งการกลับคืนสู่ภาวะปกติบ้าง แตกต่างจากสัตว์นรก เดรัจฉาน
และเปรตบางจำพวกที่ถือกำเนิดด้วยบาป
ซึ่งจะไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้เลยตลอดอายุขัย
จิตมีแต่ความเศร้าหมองและอาการอาละวาดถ่ายเดียวไปจนชั่วชีวิต
ฉะนั้นหากใครถามว่าจะรู้ได้อย่างไร ว่าอันไหนบาปอันไหนบุญ
อันไหนคุณอันไหนโทษ ก็ต้องให้ถาม ‘มโนธรรม’ อันมีอยู่โดยธรรมชาติของตนนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อโตขึ้นจนเครื่องเพศแสดงตัวชัด
ทั้งชายและหญิงย่อมมีความละอายที่จะเปิดเผย
โดยไม่ต้องให้ใครบอกว่าส่วนสงวนไม่ควรเปิดเผย เพราะย่อมรู้ว่าเครื่องเพศจะล่อตาและดึงดูดใจให้ใครๆคิดมาสมสู่กับตน
เป็นต้น
๒) มนุษยธรรม
คือธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ได้แก่เมตตาและกรุณา
เมตตาคือความไม่อยากเบียดเบียน ไม่อยากจองเวร
แต่อยากเห็นคนอื่นอยู่ดีมีสุข ความมีเมตตาคือเหตุผลที่ทำให้คนเราไม่วิ่งเข้าไปตบหัวคนที่เราหมั่นไส้ดื้อๆ
ส่วนความกรุณาคือการมีน้ำใจลงมือช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ทนนิ่งดูดายไม่ได้เมื่อเห็นใครตรงหน้ากำลังย่ำแย่
ความกรุณาคือเหตุผลที่ทำให้คนกำลังจะจมน้ำได้รับความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม
ระดับของมนุษยธรรมอาจลดลงเมื่อคนเราเติบโตท่ามกลางการพอกพูนกิเลส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขาดการระงับโลภะ โทสะ
มีแต่เพิ่มความเห็นแก่ตัวและความเอาแต่ได้ พอถึงขั้นหนึ่งมนุษยธรรมก็อาจเลือนหายไป
ซึ่งนั่นก็หมายถึงการลดระดับความเป็นมนุษย์ลงไปด้วย
๓) เหตุผล
ด้วยคำถามง่ายๆเช่น ทำไมต้องทำ หรือจะทำไปทำไม
แม้แต่คนไร้มนุษยธรรมก็อาจคร้านที่จะทำร้ายใคร ต่างกับสัตว์บางชนิดเช่นตัวต่อ
ที่อาจบุกจู่โจมสิ่งมีชีวิตไหนๆก่อนก็ได้
โดยไม่ทันต้องสังเกตว่าใครมีสิทธิ์เป็นอันตรายกับตนหรือไม่
ทั้งนี้เพราะกรรมที่ส่งให้เกิดเป็นตัวต่อนั้น เจืออยู่ด้วยโทสะ
เช่นขี้ระแวงขนาดฆ่าได้กระทั่งลูก
หรือถือคติถ้าสงสัยให้ฆ่าก่อนแล้วค่อยสืบสวนทีหลัง
ความมีเหตุผลของมนุษย์อาจเสื่อมลงเมื่อกระทำกรรมอันเจือด้วยโลภะและโทสะจนข้ามเส้น
ปล่อยให้เมฆหมอกโมหะก่อตัวคลุมบังจิตใจจนมืดทึบ เราจึงเห็นฆาตกรโรคจิตที่วิ่งไล่ฆ่าเพื่อนมนุษย์โดยไม่จำเป็นต้องถามว่าจะทำไปทำไม
ทำเพื่อประโยชน์อะไร
เครื่องยับยั้งโลภะ
สิ่งไร้ชีวิต
ได้แก่สิ่งที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้เกิดความโลภอยากได้จนเกินขอบเขต
เช่น เสื้อผ้า เครื่องหมั้น ทะเบียนสมรส กำแพงกั้น กฎหมาย กฎหมู่ และความเหนื่อยอ่อน
ที่โลกมนุษย์ต้องมีเสื้อผ้าก็เพราะโดยธรรมชาติแล้ว
เครื่องเพศเป็นสิ่งดึงดูดให้มนุษย์อยากสมสู่กัน
และมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมสู่กันเอาสนุกโดยไม่จำกัดฤดูกาล
อีกทั้งบุญก็ตกแต่งเนื้อหนังมังสาของมนุษย์ให้เป็นสิ่งน่าพิสมัย
หากปราศจากเสื้อผ้า วันๆมนุษย์คงไม่มีแก่ใจทำอะไรนอกจากคิดอยากสมสู่กัน
แต่ปัจจุบันเสื้อผ้าไม่ได้อยู่ในรูปของสิ่งปิดบังหรือกั้นขวางความรู้สึกทางเพศนัก
ตรงข้าม
ได้มีการออกแบบเครื่องนุ่งห่มให้เน้นการแพลมอวัยวะที่ยั่วยุหรือกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ
บางทีอาจจะยิ่งกว่าแก้ผ้าไปเลยเสียอีก
แหวนหมั้นเพียงวงเดียวมีความหมายยิ่งกว่าการระบุว่าหญิงคนนี้ถูกจองตัวไว้แล้ว
แต่ยังบ่งถึงภาวะยินยอมของผู้หญิงอีกด้วย (จะโดยเต็มใจหรือไม่ก็ตาม)
แหวนเป็นสมบัติที่ฝ่ายชายยกให้ฝ่ายหญิง
กายหญิงก็ถูกสงวนไว้เป็นสมบัติของฝ่ายชายเช่นกัน
แม้ตามประเพณีอันดีงามยังไม่ถึงเวลามอบให้เต็มตัว
แต่ก็จำกัดสิทธิ์มิให้ชายอื่นแตะต้องแล้ว
การตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงของชายหญิงเป็นการประกาศภาวะคู่ครอง
ซึ่งเป็นที่ทราบกันทั่วโลกว่าทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะต้องไม่นอกใจกัน
มีกันและกันเป็นคู่นอนเพียงหนึ่งเดียว ทะเบียนสมรสถูกใช้เป็นใบรับรองตามกฎหมาย มีอิทธิพลทางใจสูงกว่าข้อตกลงด้วยปากเปล่า
เนื่องจากมีอำนาจศาลรับรองรายละเอียดปลีกย่อยในการใช้ชีวิตคู่มากมาย
เช่นการแบ่งทรัพย์สินหลังถูกฟ้องหย่าเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีชู้
รั้วกำแพง ตู้นิรภัย หรือแม้ผนังห้องธรรมดา
ก็เป็นเครื่องกั้นให้เกิดความรับรู้ว่าเป็นเขตส่วนตัว เป็นเขตหวงห้าม
หรือเป็นเขตเก็บสิ่งมีค่า โดยปกติจะถูกออกแบบไว้ให้ผ่านเข้าไปยาก
และวัสดุยิ่งแข็งแรงเพียงใด ก็ยิ่งบอกเป็นนัยว่าของนั้นมีค่า
ถ้าใครคิดฝ่าฝืนเอาด้วยกำลังหรือเล่ห์เพทุบายมากขึ้นเพียงใด
ก็ต้องอาศัยกำลังใจในการก่อบาปหนักแน่นจริงจังมากขึ้นเท่านั้น
ความสำเร็จในการโจรกรรมที่ยากเย็นอาจนำความปลาบปลื้มภูมิใจมาให้โจร
โดยหารู้ไม่ว่าตนได้เพิ่มน้ำหนักบาปให้ทวีขึ้นไปเป็นเงาตามตัว
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกันอย่างมีกติกา
และไม่ใช่แค่กติกาแบบเล่นเกมเอาสนุก
แต่เป็นกฎหมายที่มีความศักดิ์สิทธิ์อันผู้ใดจะละเมิดมิได้
ฉะนั้นเมื่อเพ่งเล็งอยากได้ของใคร
อย่างน้อยก็ต้องคิดว่าถ้าลงมือขโมยมาเป็นของตนแล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อผิดกฎหมายจะโดนลงโทษเป็นคุกหรือเป็นการโบย ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น
หากปราศจากกฎหมายและบทลงโทษเป็นกำแพงกั้นขวางแล้ว
ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นประกันว่ามโนธรรมของคนๆหนึ่งจะทำงานดีได้แค่ไหน
และสำหรับมนุษย์นั้น ถ้าตัวต่อตัวอาจไม่กลัวกัน
แต่หากต้องต่อสู้กับสังคมรอบข้างแล้ว ก็ย่อมเกิดความคร้ามเกรงขึ้นมาบ้าง
ทุกวันนี้ก็ยังมีการประชาทัณฑ์นักข่มขืนกันให้เห็นอยู่
แม้เข้าคุกก็ยังเจอเพื่อนนักโทษในคุกกลุ้มรุมทำร้าย
หากเป็นคดีสะเทือนขวัญหนักๆเช่นข่มขืนฆ่าเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบขวบ
การเป็นไข้ที่ทำให้ขาดกำลังวังชาก็ดี การโหมเล่นสนุกจนเหนื่อยอ่อนโรยแรงก็ดี
ล้วนแต่เป็นธรรมชาติที่ยับยั้งไม่ให้มนุษย์โลภอยากมีเพศสัมพันธ์เลยเถิด
ข้อจำกัดในตนเองของร่างกายมนุษย์จะทำให้ทุกคนต้องหยุดเมื่อถึงเวลา
คนที่ไม่รู้จักหยุดคือคนที่จะอ่อนแอลงและอาจตายก่อนวัยอันควร
โดยรวมแล้ว เครื่องขวางโลภะทั่วไปอาจยับยั้งการกระทำทางกาย
แต่นอกจากความเหนื่อย ความเจ็บ และสภาพใกล้ตายแล้ว
ไม่มีสิ่งใดบั่นทอนกำลังความโลภอันเกิดขึ้นทางใจของมนุษย์ได้ และหลายครั้ง
อาจกลายเป็นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเสียมากกว่า
สิ่งมีชีวิต
ได้แก่การตั้งครรภ์ การเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
ภาวะการเป็นหญิงอายุน้อย ฐานะครูอาจารย์ ความเป็นเพศเดียวกัน ฐานะคนมีเจ้าของ
และความไม่มีใจยินยอม
การมีครรภ์หมายถึงภาระที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะฝ่ายหญิง
ฉะนั้นความอยากมีเพศสัมพันธ์ของฝ่ายหญิงจึงน้อยกว่าฝ่ายชายโดยธรรมชาติ
แต่สำหรับฝ่ายชายที่ไม่ได้รับการศึกษาเรื่องผลของการมีเพศสัมพันธ์ดีพอ
อาจมองไม่เห็นว่าการตั้งท้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไร
ยิ่งถ้าสมัยใดการทำแท้งดูเป็นเรื่องธรรมดา
สมัยนั้นความกลัวอุบัติเหตุจากการมีเพศสัมพันธ์ก็ยิ่งน้อยลงเป็นเงาตามตัว
แต่อย่างไรสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การตั้งท้องโดยขาดความพร้อมยังนับเป็นเรื่องร้ายแรงขั้นคอขาดบาดตาย
ต้องหนักอก ต้องรู้สึกผิด ต้องเสื่อมเสียวงศ์ตระกูล
ต้องรับผิดชอบหาทางแก้ปัญหาหรือปลงใจแบกปัญหา
ฉะนั้นจึงนับว่าธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในข้อนี้ จึงยังคงมีส่วนยับยั้งโลภะได้อยู่
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีการเลือกวันประจำเดือนมาหรือวันประจำเดือนขาด
ไม่ใช่หน้ามืดกันได้ทุกวัน
ไม่มีกรรมตายตัวที่ทำให้เกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องกัน
แต่มีธรรมชาติตายตัวว่าถ้าเกิดจากพ่อแม่เดียวกัน
หรือเป็นพ่อแม่ลูกกันแล้วไม่ควรสมสู่กัน เพราะไหลมาแต่องค์กำเนิดเดียวกัน
ไม่มีมนุษย์คนไหนอยากไหลกลับไปสู่องค์กำเนิดเดิม คนร่วมสายเลือดจะมีความเป็นกันเอง
ร่วมความรู้สึกเป็นเครือพันธุ์เดียวกัน
สัญชาตญาณทางเพศจึงบอกทุกคนว่าควรจับคู่กับผู้ที่กำเนิดมาจากสายเลือดอื่น
อีกอย่างถ้าสายเลือดเดียวกันมีลูกกันแล้วเด็กจะพิการหรือปัญญาอ่อน
สะท้อนให้เห็นภาวะไม่เหมาะสมและควรแก่การละอาย การเป็นคนในครอบครัวเดียวกันเหมือนเป็นเงื่อนไข
ทุกคนรู้โดยสัญชาตญาณว่าเป็นเรื่องผิด ต้องห้าม และบัดสีเกินกว่าที่จะทำ
แต่ความใกล้ชิดและมีโอกาสได้เห็นวับๆแวมๆบ่อยๆก็เป็นเครื่องกระตุ้นความอยากได้ไม่ยาก
ถ้าปล่อยให้อำนาจราคะครอบงำจนคิดฝ่าฝืนด่านกั้นของธรรมชาติ ผลก็คือจะต้องถูกลงโทษด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์หนัก
เหมือนบาดเจ็บทางกายและมีบาดแผลทางใจ
หากยังขืนทำก็จะเป็นชนวนให้ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี
กลายเป็นคนด้านชาไม่ละอายต่อบาปทั้งปวงได้
กล่าวได้ว่าเพศสัมพันธ์ร่วมสายเลือดเป็นหนทางลงไปสู่ความเป็นสหายแห่งเหล่าเดรัจฉาน
ที่ไม่รู้จักการบันยะบันยังเรื่องเซ็กซ์
ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนกำลังขัดขืนอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
ยิ่งหากมีอายุน้อย ก็ยิ่งตกอยู่ในสภาพไร้ทางสู้อย่างสิ้นเชิง
มโนธรรมจะบอกว่าหญิงในวัยเยาว์สมควรได้รับการทะนุถนอมเหมือนไข่ในหิน
แต่โลภะจะบอกไปอีกทางหนึ่ง คือเห็นว่าดีแล้วมันไม่มีทางสู้
เพราะฉะนั้นก็ฉวยโอกาสกอบโกยประโยชน์สุขทางเพศจากวัยเด็กของหญิงนี้แหละ
การรังแกคนไม่มีทางสู้ย่อมส่งให้ตกไปอยู่ในภาวะถูกรังแกโดยไม่มีทางสู้เช่นกัน
ฐานะความเป็นครูอาจารย์นั้น
ไม่ว่าเป็นหญิงหรือเป็นชายย่อมสมควรเป็นที่เคารพ
เพราะหน้าที่คือถ่ายทอดวิชาความรู้ให้นักเรียนเกิดสติปัญญา คิดอ่านเอาตัวรอดได้
ประกอบสัมมาชีพได้ ฐานะสูงส่งเหนือกว่ากันจึงสกัดกั้นไม่ให้นักเรียนอยากอาจเอื้อม
แต่ความไม่อยากอาจเอื้อมนั้นเอง เมื่อพลิกกลับมาเป็นความอยาก
ก็จะเป็นความอยากแบบต้องห้าม ซึ่งถ้าห้ามไม่อยู่ก็กลายเป็นแรงเร่งเร้าเกินธรรมดาเสียแทน
และฝ่ายครูอาจารย์เองถ้าไม่สำนึกในเกียรติภูมิของตนว่ามีความสูงส่งควรรักษา
ก็จะเห็นฐานะครูอาจารย์ของตนเป็นรั้วกั้นที่น่าปีนข้าม
และเมื่อไม่เห็นค่าของฐานะสูงส่ง ยอมเอาฐานะสูงส่งมารับใช้ความสนุกทางต่ำ
จิตใจก็ย่อมตกต่ำลง เสียความนับถือตัวเอง และอยู่บนเส้นทางลาดลงต่ำโดยง่าย
ตามสามัญสำนึกแล้ว ทุกคนจะมองว่า ‘การร่วมเพศ’
หมายถึงการเอาเพศตรงข้ามมาร่วมเสพกามกัน
แต่ความจริงคือธรรมชาติให้เครื่องเพศมาเป็น ‘เงื่อนไข’ เท่านั้น
เงื่อนไขคือคู่ประกอบอันเป็นตรงข้ามทำให้รู้สึกเข้ากันได้อย่างไม่ต้องฝืนธรรมชาติ
แต่ก็ไม่ได้ห้ามความสำเร็จหากจะเป็นเครื่องเพศชนิดเดียวกัน
ฉะนั้นความเป็นเพศเดียวกันจึงเป็นเครื่องต้านชนิดหนึ่ง หาใช่ข้อห้ามตายตัว
กลของธรรมชาติคือใครประพฤติผิดหรือมักมากทางเพศ เช่นมีชู้หรือสมสู่ไม่เลือก
ในที่สุดความหมกมุ่นก็จะทำให้หน้ามืดมัวเมา เห็นไปว่าจะเป็นใครเพศไหนก็สมสู่ได้หมด
จากนั้นก็จะพัฒนาไปอีกขั้น คือเกิดความชอบใจที่ไม่ควรชอบใจ
เกิดอาการเบี่ยงเบนทางเพศ ชอบเฉพาะเพศเดียวกันเอง
ซึ่งขั้นนี้อาจเกิดขึ้นในชาติปัจจุบันหรือชาติถัดไป
สรุปคือความเป็นเพศเดียวกันจะแปรตัวเองจากเครื่องต้านมาเป็นเครื่องลงโทษ
ทำให้อยู่ในสังคมได้อย่างไม่ปกติ
สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องบาดใจได้มากที่สุด
ก็คือการได้เห็นคนที่คุณกำลังหลงรักไปเป็นของคนอื่น
จะทำให้คุณไม่รู้สึกว่าเขาเป็นสิ่งที่แตะต้องได้โดยง่ายเหมือนหนุ่มโสดหรือสาวโสด
ฐานะความเป็นคนมีเจ้าของอาจถูกประกาศผ่านการจูงไม้จูงมือในที่สาธารณะ
อย่างน้อยเมื่อคุณคิดจะจีบเขาก็ต้องรู้แก่ใจว่านั่นคือการแย่งชิง
ส่วนจะรู้สึกผิดน้อยหรือรู้สึกผิดมากก็เป็นอีกเรื่อง
และยิ่งผู้เป็นเจ้าของมีอิทธิพลมากขึ้นเพียงใด คุณก็จะยิ่งคร้ามเกรง
ไม่ด่วนตัดสินใจแย่งง่ายนัก
กล่าวเฉพาะลูกผู้หญิง หากเป็นคนตัวเปล่า พักอยู่คนเดียว
ไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องปรากฏรายรอบ ก็คล้ายดอกไม้ที่ไร้รั้วล้อม
เห็นแล้วชวนให้นึกว่าอยากเด็ดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นหญิงมีพ่อแม่
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเลี้ยงตัวไม่ได้ ต้องให้พ่อแม่ดูแล
อย่างนี้อาจให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้มีราคาในเรือนกระจก
จะเข้าออกไม่เป็นเวล่ำเวลาไม่ได้
คนทำงานแล้วจะเข้าใจความรู้สึกชนิดนี้ได้ดีกว่าเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่ทำงานหาเงินเอง
วัยรุ่นอาจมองพ่อแม่ของเพื่อนหญิงเป็นแค่ตัวน่ารำคาญ
เพราะฉะนั้นการละเมิดสิทธิ์ของผู้ปกครองจึงเกิดขึ้นง่ายในวัยนี้ โดยไม่ค่อยจะมีใครรู้ตัวว่าทำการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นไปแล้ว
เพศที่เป็นฝ่าย ‘เสีย’ ไม่ว่าจะในแง่เสียตัว เสียเปรียบ
หรือเสียความรู้สึก คือเพศหญิง แต่ผู้หญิงก็มีความเป็นมนุษย์
และความเป็นมนุษย์ย่อมมีกำลังต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การไม่สมยอมจึงเป็นแรงต้านในตนเอง ต้องคิดแบบที่นักข่มขืนคิด คือเห็นหญิงเป็นเพียงวัตถุบำบัดความใคร่
และพร้อมจะทำร้ายร่างกายกัน จึงจะสามารถละเมิดสิทธิการครองตัวของสตรีได้
และในเกมกรรมนั้น ผู้ละเมิดย่อมถูกละเมิด
ผู้ข่มเหงหญิงย่อมต้องกลายเป็นหญิงที่ถูกข่มเหงในวันหนึ่ง
โดยรวมแล้ว
ถ้ายังมีมโนธรรมยอมรับเครื่องยับยั้งโลภะตามที่ควร โลภะก็จะไม่กำเริบเป็นการลงมือทำชั่วง่ายนัก
แต่หากมโนธรรมถูกทำลาย เครื่องยับยั้งโลภะก็อาจแปรสภาพเป็นเครื่องยั่วยุเอาง่ายๆ
เครื่องยับยั้งโทสะ
สิ่งไร้ชีวิต
ได้แก่สิ่งที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้เกิดโทสะร้อนแรงจนเกินขอบเขต
เช่น ธรรมชาติที่งามตา เสียงที่รื่นหู และร่มไม้คลายร้อน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าธรรมชาติเช่นพืชพันธุ์ต่างๆนั้น
ไร้ชีวิตในแง่ที่ปราศจากเจตนาก่อกรรมและการรับผลกรรม แต่ก็มีชีวิตในแง่ที่มีวิญญาณรับรู้ความเป็นไปรอบตัว
และคนรักต้นไม้ก็มักสื่อความรู้สึกกับวิญญาณของต้นไม้ได้
และพวกเขาก็จะทราบว่าต้นไม้ส่วนใหญ่แผ่คลื่นความเย็นเป็นวงกว้าง
น้อยพันธุ์ที่แผ่คลื่นความน่าอึดอัดหรือน่าระคายออกมา
ความเขียวของแมกไม้และสีสันสะดุดตาของไม้ดอกทำให้จิตใจคนเราเยือกเย็นลงได้จริง
ดังนั้นหลายคนที่เข้าใจจึงนิยมปลูกสวนหย่อมไว้ในบ้าน นอกจากนี้
ถ้าใครอ้างว่าไม่มีทุน ก็อาจแหงนหน้ามองท้องฟ้ากว้างโล่ง กลางวันมีปุยเมฆขาว
กลางคืนมีดวงดาวพราวพราย ภาพกระทบตาเหล่านี้บรรเทาความรุ่มร้อนในอกได้
กับทั้งเมื่อถวิลหาสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ก็ปรุงแต่งจิตให้อ่อนโยนนุ่มนวลลง
ป้องกันหรือลดความเป็นคนขี้โมโหลงได้
เสียงของธรรมชาติที่รื่นหูอาจมีผลเท่ากับหรือมากกว่าภาพเย็นตาเสียอีก
เนื่องจากจิตคนทั่วไปอาจละความสนใจจากสีสันรูปทรงอย่างรวดเร็ว
แต่จะเพลินฟังส่ำเสียงต่างๆได้นานกว่า ทั้งนี้ก็เพราะจิตมนุษย์มีลักษณะคล้ายคลื่นมากกว่าจะเป็นรูปทรง
ดังนั้นจึงมีความเข้ากันได้กับธรรมชาติชนิดที่เป็นคลื่นมากกว่ารูปทรง
คุณจะพบว่าเสียงคลื่นกระทบหาด เสียงน้ำริน หรือเสียงสายลมผ่านแมกไม้
จะเหนี่ยวนำให้จิตเปลี่ยนระดับความวุ่นวายลงสู่ความสงบราบคาบได้อย่างรวดเร็ว
ต้นไม้มีคุณกับมนุษย์มากมาย ให้ทั้งร่มเงาหลบร้อน
ให้ทั้งอากาศที่สดชื่น ให้ทั้งความรับรู้การมาของสายลม
คนที่ชอบนอนพักใต้ต้นไม้หลังทำงานเหนื่อยอ่อน
มักเป็นคนที่มีความอ่อนโยนและระงับความโกรธได้ง่ายกว่าคนใช้ความคิดอยู่ในห้องแอร์ทั้งวันเสียอีก
การหลบร้อนเข้าสู่ร่มเงาปกป้องของต้นไม้บ่อยๆจะทำให้จิตคุ้นเคยกับธรรมชาติของความสงบระงับ
คือรู้ว่ามีความร้อน รู้ว่าต้องร้อน
แต่ขณะเดียวกันก็รู้จักจังหวะของธรรมชาติที่ให้ร่มเงาไว้เป็นหย่อมๆ
ธรรมชาติจะไม่ให้ความร้อนชนิดไร้จุดพัก แตกต่างจากห้องแอร์ที่มนุษย์สร้างขึ้นหลอกความรู้สึกว่ามีที่ที่เย็นอยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องร้อนเลย พอรุ่มร้อนภายในเลยกระวนกระวาย
เพราะไม่ทราบจะซื้อแอร์แบบไหนมาระงับดี
โดยรวมจะเห็นว่าธรรมชาติให้เครื่องบรรเทาโกรธไว้มากมาย
แต่คนอาจไม่มีเวลาใส่ใจดูหรือใส่ใจฟัง เพราะเอาเวลาไปเกลือกกลั้วคลุกคลีอยู่กับเรื่องชวนร้อนเสียหมด
สำหรับคนที่รู้จักธรรมชาติ เข้าถึงธรรมชาติจนขึ้นใจ
เพียงนึกถึงดอกไม้งามกับความกว้างของทะเลใหญ่ไพศาล
เขาก็มีความสงบจากความกระวนกระวายร้อนรุ่มของปัญหานานาประการได้แล้ว
สิ่งมีชีวิต
ได้แก่ บุคคลผู้มีเมตตาธรรมสูง บุคคลที่มีเหตุผลดี บุคคลอันเป็นที่รักและเข้าใจกัน
ตลอดจนสัตว์ที่อยู่อย่างเป็นอิสระหรือได้รับการเลี้ยงดูด้วยความอบอุ่น
กระแสจิตของคนใจดีไม่ได้เพียงดับความร้อนใจวูบวาบของคนกำลังโกรธ
แต่อิทธิพลของความเย็นจากกระแสจิตที่คงเส้นคงวา จะค่อยๆปรับ
ค่อยๆกลบกลืนกระแสความร้อนในจิตของผู้ใกล้ชิดได้อีกด้วย
นี่เป็นทำนองเดียวกับคนรักต้นไม้ที่อยู่ใกล้ต้นไม้แล้วซึมซับคลื่นความเย็นจากพวกมันมา
ต่างกันตรงที่คนใจดีมีเมตตายังเป็นแรงบันดาลใจให้เห็น ว่าวิธีพูด
วิธีต้อนรับสถานการณ์ร้ายๆ วิธีเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ควรทำกันอย่างไร
เพียงจดจำวิธีพูดและวิธีทำของคนใจดีไว้แม่นๆ ชีวิตก็มีสิทธิ์โน้มเอียงไปในทางเย็น
เป็นคนโกรธยากได้แล้ว
คนมีใจเที่ยงธรรม เห็นเหตุว่าเป็นอย่างนั้น
ผลจึงเป็นอย่างนี้ แม้จะยังเป็นคนธรรมดาที่รัก โลภ โกรธ หลงได้เหมือนใครอื่น
ก็ได้ชื่อว่าสามารถเป็นเครื่องระงับยับยั้งโทสะให้คนอื่นได้
เนื่องจากมนุษย์ทั่วไปมักขัดแย้งก้ำกึ่งกันอยู่ระหว่างอารมณ์และเหตุผล
ดังนั้นเมื่อฟังคนมีเหตุผลดี มีใจเป็นธรรมเห็นตามจริง ภาคของอารมณ์ก็ย่อมลดระดับลง
และเปิดทางให้ภาคของเหตุผลทำงานบ้าง
คนที่รักคุณกับคนที่เข้าใจคุณอาจไม่ใช่คนๆเดียวกัน
แต่ถ้าคุณโชคดีมีคนๆนั้นอยู่ในชีวิต เขาก็จะดับร้อนให้คุณได้เกือบทุกสถานการณ์
กรรมจะตัดสินให้คุณได้มีคนประเภทนั้นอยู่ในชีวิตหรือไม่
และกรรมที่ว่าก็คือการเป็นผู้เคยให้ความเห็นใจ ยอมทำความเข้าใจ
และหมั่นเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากคุณไม่เคยทำกรรมประเภทนี้ไว้กับใคร
หรือไม่สนใจที่จะเริ่มต้นเสียที ก็อย่าหวังจะได้มีใครหันมาเข้าใจคุณ
ทั้งชีวิตคุณจะรู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเข้าใจอะไรคุณเลยสักนิด
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นส่วนประกอบของธรรมชาตินั้น
เพียงใช้ชีวิตตามปกติของพวกมันก็ทำความรื่นรมย์ให้มนุษย์ได้แล้ว
เช่นแค่นกเกาะกิ่งไม้โดยไม่รู้ตัว ก็อาจถูกสายตามนุษย์เฝ้ามองจากระยะไกล
เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ทิวทัศน์กว้างเปี่ยมเต็มด้วยชีวิตชีวาขึ้นมาได้
ป่วยกล่าวไปไยสำหรับสัตว์เลี้ยงน่ารักที่คุณให้ความรัก ความอบอุ่น ความผูกพัน
เพียงมันเห็นคุณกลับบ้านแล้วเข้ามาเคล้าเคลีย คุณก็ลืมได้ว่าโกรธใครอยู่
เพราะพื้นที่ความโกรธในจิตใจถูกเบียดบังไปให้ความรักความเอ็นดูสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณเสียแล้ว
โดยรวมจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตก็เป็นเครื่องห้ามหรือเครื่องบรรเทาความโกรธให้แก่กันและกันได้
แต่ไม่ใช่สักแต่มีชีวิตแล้วจะเป็นเครื่องยับยั้งโทสะ
อย่างน้อยต้องมีภาคของจิตที่รู้จักเย็น รู้จักเมตตาเป็น
คนที่รักกันมักมีเมตตาให้กัน แต่พอแปลกหน้ากันหน่อยก็นึกว่าไม่ต้องไปห่วงความรู้สึกอีกฝ่ายให้เสียเวลา
นั่นเองเป็นต้นเหตุให้โลกนี้เต็มไปด้วยทะเลทรายทางจิต
ยากนักจะหาร่มไม้พักพิงเพื่อผ่อนคลาย
เครื่องยับยั้งโมหะ
ในบรรดาเครื่องยับยั้งกิเลสทั้งหลาย
ความเข้าใจถูกต้องตามจริงมีพลังมากที่สุด เหมือนคุณเล่นเกมเก็บดอกไม้ คุณอยู่ในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง
ตามองเห็นวัตถุทั้งหลายแจ่มชัด ขอเพียงมีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง
ว่าดอกไม้ดอกใดเป็นพิษ ดอกไม้ดอกใดสวยแต่มีหนาม
ดอกไม้ดอกใดงดงามส่งกลิ่นหอมปราศจากภัยอย่างสิ้นเชิง
คุณย่อมไม่หลงเดินเข้าหาดอกไม้มีพิษ หรือเมื่อจะเด็ดดอกสวยที่มีหนามก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ
หรือถ้าอยากได้ดอกไม้งามไร้พิษสงก็เดินเข้าไปเด็ดโดยไม่ลังเล เป็นต้น
เมื่อจะทำกรรมลงไปสักอย่าง
คนธรรมดาคนหนึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าตนมีโมหะหนาทึบหรือเบาบาง
เนื่องจากธรรมชาติของโมหะนั้น จะปิดกั้นความคิดอ่านและสติปัญญาไม่ให้ทำงาน จึงมีคำกล่าวเตือนใจเช่น
‘รักทำให้คนตาบอด’
ซึ่งหมายถึงเวลาหลงรักหัวปักหัวปำคุณจะไม่เห็นเขาเลวแม้จะแสนร้ายกับคุณเพียงใด
หรือนิทานเช่น ‘ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่’
ซึ่งหมายถึงเวลาโมโหหิวคนเราอาจตาลายเผลอฆ่าแม่ตัวเองได้เพียงเพราะนึกว่าแม่เอาข้าวมาให้น้อยไป
เพราะฉะนั้น โมหะจึงไม่ใช่ศัตรูที่คุณสามารถชะล่า
ปล่อยให้เข้าถึงตัวเสียก่อนแล้วค่อยคิดรับมือ
โมหะเป็นศัตรูตัวร้ายที่คุณต้องไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงตัวได้เลย
พูดง่ายๆว่าต้องกันไว้ก่อนแก้ และโดยธรรมชาตินั้น
เครื่องยับยั้งโมหะไม่ให้เกิดขึ้นมีดังนี้
๑) ฝึกเห็นความจริง นี่เป็นเรื่องแปลก
ทุกคนคงคิดว่าสิ่งใดเป็นความจริง สิ่งนั้นย่อมเห็นได้ง่าย
แต่ที่แท้แล้วความจริงเป็นสิ่งเห็นได้ยาก เพราะคนเรามองอะไรๆออกมาจากความรัก
ความเกลียด ความกลัว หรือความเขลา ยกตัวอย่างเช่นเพราะรักตนเอง เข้าข้างตนเอง
ประกอบกับเกลียดชังคู่แข่งของคุณ กลัวว่าเขาจะได้ดีกว่า
คุณจึงเขลาพอที่จะตัดสินว่าเขาผิด เขาเลว เขาไร้คุณค่า
แล้วพยายามหว่านล้อมชักจูงให้คนอื่นเชื่อตามคุณ แต่หากคุณมีมนุษยธรรม
ไม่ปล่อยให้ความรักหน้าตัวเองครอบงำ
กัดฟันยอมรับทีละข้อว่าเขามีข้อดีที่ควรสรรเสริญตรงไหน
มีข้อเสียที่ควรช่วยติเพื่อก่ออย่างไร
ใจคุณจะปรับระดับคุณภาพให้เข้าใกล้ความเป็นกลาง
เหมือนคนเห็นหินใต้ท้องน้ำชัดเจนเพราะน้ำนิ่งใส ไม่ขุ่นกระเพื่อม
๒) ฝึกทำลายความเห็นแก่ตัว
เอาเฉพาะในขั้นที่เป็นไปได้ระดับทานเบื้องต้นก่อน
ลองสัญญากับตัวเองว่าถ้ามีพอและถูกขอ คุณจะให้ ถ้าเขาไม่ทำเกินไป คุณจะอภัยโดยไม่คิดมาก
จากนั้นเขยิบขึ้นมาถือศีลง่ายๆ เช่นสัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้
โกรธแค่ไหนจะไม่ลงมือทำร้าย อยากได้แค่ไหนก็จะไม่โกงเขามา
มันจุกอกแค่ไหนก็ไม่ลักลอบเป็นชู้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่โกหก
และแม้เลิกเหล้าไม่ได้ก็จะไม่ดื่มจนสมองชาขาดสติอย่างเด็ดขาด ข้อสัญญาที่ไม่ยากเกินไปในระดับทานและศีลเหล่านี้จะจำกัดขอบเขตความเห็นแก่ตัวให้อ่อนกำลังลง
หลังจากฝึกเห็นความจริงและทำลายความเห็นแก่ตัวสักระยะหนึ่ง
จิตของคุณจะเกิดภูมิคุ้มกัน และเหมือนคุณได้สร้าง ‘ตัวที่ไม่เข้าข้างตนเอง’
ขึ้นมาตัวหนึ่ง คอยตัดสินเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่มีโมหะครอบงำ แม้คุณยังมีมานะ
มีความถือดี แต่เวลาจะเปรียบเทียบตัวเองกับใคร ก็จะไม่ยกอารมณ์ขึ้นนำหน้า
แต่จะเอามโนธรรม มนุษยธรรม
และเหตุผลดีๆขึ้นมาเป็นหลักตั้งอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นคน
เครื่องต้านการเกิดใหม่
นักฆ่าตัวตายให้คำตอบได้ดีว่าทำไมคนเราไม่ควรมีชีวิตอยู่
คำตอบง่ายๆสั้นๆก็คือชีวิตมันเป็นทุกข์!
นักฆ่าตัวตายถูกอยู่ข้อหนึ่งก็ตรงนี้ ชีวิตเป็นทุกข์!
ไหนจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอด
ไหนจะต้องเจอแรงบีบคั้นให้เลือกอยู่ข้างความดีหรือความชั่ว
ไหนจะต้องเผชิญหน้ากับแรงเสียดทานต่างๆนานาทั้งภายนอกและภายใน
หากไม่เกิดเลยก็ไม่ต้องเข้ามาสู่โลกนี้อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ไม่ต้องพบกับแรงบีบคั้น ไม่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานใดๆให้ยุ่งยากใจ
ความทุกข์ ความท้อ ความทรมานอันไม่น่าพิสมัย
ไม่ชวนให้ติดใจนานัปการในโลกนี้นี่เอง เป็นเครื่องต้าน
เครื่องยับยั้งไม่ให้มนุษย์อยากเกิดมาอีก รสชาติอันน่าเข็ดหลาบของการมีชีวิตนี้
เพียงพอสำหรับหลายต่อหลายคน ที่จะตัดสินใจได้ว่าไม่อยากเกิดใหม่อีก
หากชาติหน้าจะมีจริง
อย่างไรก็ตาม
นักฆ่าตัวตายและคนทั้งหลายผิดอย่างมหันต์ที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่เกิดใหม่อีก
คือเข้าใจว่าเกมกรรมเล่นง่ายปานนั้น นึกอยากเลิกก็เลิก นึกอยากหยุดก็หยุด
เกมกรรมใจร้ายเกินกว่าที่คุณคิด เพียงคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว
อยากหลุดรอดจากเกมด้วยการปลิดชีพตนเองดื้อๆนั้น จะต้องถูกปรับ ถูกทำโทษ
โดยวัดจากเหตุผลบีบคั้นว่าหนักหนาสาหัสปานใด ฆ่าตัวตายเพื่อตนเองหรือคนอื่น
ขณะตายมีจิตที่เศร้าหมองหรือทรงสติไว้ได้
เกมใหม่จะเริ่มเปิดฉากโดยถือเอารายละเอียดของเกมสุดท้ายเป็นเกณฑ์
เครื่องต้านการเกิดใหม่ที่แท้จริงคือการเห็นทุกข์ เห็นโทษ
เห็นภัยของการเกิดมาเล่นเกมกรรมอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กับทั้งรู้ให้ถูก
รู้ให้ตรง ว่ามีเหตุผลอันใดบีบคั้นให้ต้องเกิดมา ซึ่งตรงนี้บทที่ ๔
ว่าด้วยแรงบีบคั้นให้เกิดใหม่ได้ตอบคำถามไว้แล้วคร่าวๆ นั่นคือเพราะความติดใจในสุขซึ่งมีอยู่บ้างในชีวิตคน
ตลอดจนความไม่รู้วิธีหยุดเล่นเกม
อย่างมากก็แค่สันนิษฐานไม่ต่างจากนักฆ่าตัวตายทั้งหลาย นั่นคือถ้าไม่อยากเกิดอีก
ก็คงแปลว่าไม่ต้องเกิดอีก
ความรู้ทางจบเกมไม่ได้มีมาให้เอง แล้วก็ไม่ได้มาบ่อยๆ
ถ้าบทอวสานของเกมกรรมเกิดขึ้นง่ายนัก
วันนี้คุณจะไม่เหลือใครเล่นเกมกรรมให้คุณเห็นเลยสักคน
บทต่อๆไปจะแสดงวิธีพัฒนาฝีมือในการเล่นเกมกรรมให้ดีขึ้น
กระทั่งรู้ว่าจะเล่นต่ออย่างเก่งกาจและเป็นสุขได้อย่างไร
และถ้าอยากหยุดเล่นเกมกรรมจริงๆต้องทำตามกติกาข้อไหน
อ่านต่อบทที่ ๗ >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น