ตอนที่ ๔๐.
กีฬาพลังจิต
ลานดาวเดินตามท่านประธานบริษัทต้อยๆ
ทั้งคู่ลงมาชั้น ๒ ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน
หลายรายที่เดินสวนมาต่างยกมือไหว้สรณะและเมียงมองหญิงสาวด้วยสายตาสนใจใคร่รู้ว่ายายนี่เป็นใคร
ติดตามบิ๊กบอสด้วยเรื่องอันใด เพราะสรณะไม่ค่อยลงมาชั้น ๒ บ่อยนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เคยพาสาวสวยมาด้วยสองต่อสองอย่างนี้
ชายหนุ่มเปิดประตูพาสาวหน้าใหม่เข้าไปในห้องๆหนึ่ง
ในนั้นมีชายวัยกลางคนร่างสูงชะลูดกำลังง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด
กลางห้องเป็นโต๊ะยาวขนาดประมาณ ๒ x ๑๐ เมตร
พื้นโต๊ะพลาสติกลาดเอียงทำมุมประมาณ ๑๐ องศาเข้าหากันจากขอบซ้ายขวา
เป็นร่องทางยาวตรงกลางรูป V กลางร่องนั้นมีลูกเหล็กทรงกลมชุบโครเมียมขึ้นเงาสีเงิน
ขนาดใหญ่กว่าลูกโบว์ลิงเกือบสองเท่าตั้งอยู่บนรางเลื่อน
ดูผิวนอกเหมือนเป็นเหล็กตัน แต่ลานดาวทราบภายหลังว่าข้างในกลวงเบา มีน้ำหนักประมาณ
๕ กิโลกรัมเท่านั้น ทว่าหลอกตาเหมือนหนักกว่าที่เห็นหลายสิบเท่า
จะด้วยอุปาทานหรือสัมผัสรู้ประการใดก็ตาม
หญิงสาวเห็นเหมือนมีกลุ่มพลังแฝงอยู่ในลูกเหล็กนั้นอย่างหนาแน่น
คล้ายกับมันมีชีวิตจิตใจและพร้อมจะกลิ้งได้เองฉะนั้น
“จ๊ะ… นี่ดอกเตอร์สมคิด
หัวหน้าทีมงานวิจัยและพัฒนาของพี่”
ลานดาวพนมมือไหว้และยิ้มให้เขา สมคิดรับไหว้และทักคำแรกด้วยการชม
“คุณสรณะเอาหนังสือของคุณจ๊ะให้ผมอ่านแล้วครับ
ผมอ่านไปงงไปว่าอายุเพิ่งยี่สิบต้นๆเขียนได้ขนาดนี้ทีเดียวหรือ เยี่ยมจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“นี่คืออุปกรณ์สำคัญในการเล่นเกมโชว์ใหม่ของเรา”
สรณะพเยิดหน้าไปทางโต๊ะกลางห้อง
“จ๊ะกำลังอยู่กับความลับล่าสุดที่นีโอเทรนด์ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีพัฒนามันขึ้นมา
เห็นแค่นี้พอจะเดาออกไหมว่ามันคืออะไร?”
ลานดาวมองหัวโต๊ะและปลายโต๊ะที่มีเก้าอี้วางอยู่ทั้งสองฝั่ง
ก่อนจะเบนสายตากลับมาจับที่ตุ้มเหล็กสีเงินยวงเงาวับบนรางเลื่อนอีกครั้ง
“ลูกเหล็กเหมือนมีคลื่นพลังแฝงอยู่
จ๊ะเดาว่าน่าจะมีคนพยายามทำให้มันเคลื่อนที่มาหลายพันครั้งแน่เลยในช่วงปีที่ผ่านมา…
เกมเกี่ยวกับพลังจิตใช่ไหมคะ? แต่คงต้องมีขั้นตอนในการทำให้มันเคลื่อนที่แบบอ้อมๆ
เพราะพี่ณะคงไม่สามารถหานักพลังจิตตัวจริงมาเล่นเกมกันได้ทุกอาทิตย์”
สรณะยิ้มอย่างประทับใจ
“ถูกแล้ว! พี่ตั้งชื่อรายการเกมโชว์นี้ว่า
‘กีฬาพลังจิต’ ซึ่งอาจเป็นเกมโชว์ที่เร้าใจที่สุดเท่าที่คนดูเคยเห็นมา
ลองมานั่งนี่สิ”
แล้วเขาก็พาว่าที่ลูกน้องสาวไปที่หัวโต๊ะด้านหนึ่ง
บอกให้หล่อนนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
“สิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำคือจ้องลูกเหล็ก
บังคับให้มันวิ่งเข้ามาหาตัว จะมีผนังทองแดงตั้งรับอยู่
เมื่อโดนลูกเหล็กชนนิดเดียวก็จะส่งสัญญาณสิ้นสุดเกมทันที
และเป็นอันว่าฝ่ายนั้นชนะไป แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่มีคลื่นพลังแผ่ออกมาเข้มข้นพอจะเคลื่อนวัตถุแม้แต่กระดาษทิชชูได้ไหว
แท้จริงแล้วลูกเหล็กเป็นเพียงเป้าล่อสายตาให้เกิดกิจกรรมทางสมองซึ่งตรวจวัดเป็นคลื่นไฟฟ้าได้
การกลิ้งจะเกิดจากการนำวิธีทางแม่เหล็กไฟฟ้ามาประยุกต์
แต่ผู้ชมจะรู้สึกเหมือนมันโดนแรงกระทำจากผู้เล่นตรงๆ”
ลานดาวเข้าใจทันที ยิ้มกว้างตาเป็นประกาย
“การแข่งก็คือการนำคลื่นสมองของผู้เล่นมาหาค่าความต่างใช่ไหมคะ? หักลบแล้วใครมีคลื่นแรงกว่า ก็ผลักบอลเข้าหาฝ่ายนั้น”
สรณะพยักหน้า
“ใช่! เปรียบเหมือนการเล่นชักเย่อที่ไม่มีเชือก
มีแต่ค่าสัญญาณไฟฟ้าจากสมองเป็นตัวดึงกันไปดึงกันมา”
หญิงสาวก้มลงเห็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งแขวนห้อยอยู่ที่มุมโต๊ะ
มันคล้ายหมวกยางทรงกะลาที่มีครอบหู คล้ายกับเฮดโฟนฟังดนตรีดีไซน์เท่
ก็เดาว่านั่นคงเป็นเครื่องตรวจจับคลื่นพลัง
“นี่ใช่ไหมคะ
ที่จะถ่ายทอดสัญญาณจากสมองคนเล่นเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์?”
“ถูกแล้ว เราดักจับสัญญาณไฟฟ้าจากสองจุดใหญ่
คือคลื่นไฟฟ้าสมอง กับคลื่นไฟฟ้าจากช่วงอก
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีตรวจสัญญาณก้าวหน้าไปมาก รุงรังน้อยกว่าที่เห็นในโรงพยาบาลเยอะ
แถมไม่ต้องเหนอะหนะจากการใช้เจลแล้วด้วย
เหมือนใส่หมวกธรรมดาใบหนึ่งที่มีสายโยงไปแปะหน้าอกอีกจุดเดียวเท่านั้น
เพราะเราไม่ได้จะเก็บค่าสัญญาณละเอียดขนาดเอาไปวิเคราะห์โรคอย่างที่หมอทำ”
“ทำไมต้องเอาค่าของคลื่นไฟฟ้าจากช่วงอกมาร่วมคำนวณด้วยคะ?”
“เราใช้สัญญาณจากกลางอกเป็นแกนอ้างอิง
ทำนองเดียวกับถ้าเรารู้ว่าก้นบ่ออยู่ตรงไหน
ก็สามารถวัดระดับน้ำในบ่อที่สูงขึ้นมาได้อย่างชัดเจน
พี่เปรียบกลางอกเป็นก้นบ่อเพราะให้ค่าเฉลี่ยความต่างศักย์เป็นกลางมากที่สุด
หรือพูดง่ายๆว่าค่าทางไฟฟ้าใกล้เคียงศูนย์โวลต์มากที่สุด
ดังนั้นขณะที่เซลล์ประสาทสมองมีกิจกรรมมากขึ้น
หากเราวัดค่าทั้งจากกลางอกและจากส่วนหัว
ก็จะรู้ความต่างศักย์ระหว่างสองจุดนี้และตีค่าเป็นพลังจิตได้
พลังจิตแรงจะให้ค่าเป็นช่วงคลื่นสูงและถี่ยิบ
คลื่นซึ่งได้จากคนเล่นจะถูกแสดงเป็นกราฟให้ผู้ชมเห็นทางทีวีอย่างชัดเจนด้วย”
“ตอนเราสงบมากๆ ค่าของพลังจิตจะยิ่งออกมาแรงไหมคะ?”
“พลังจิตกับความสงบไม่ใช่สิ่งเดียวกันหรอกนะ
แต่ก็มีส่วนสัมพันธ์กันอยู่
ยกตัวอย่างเช่นขณะรถวิ่งบนทางโล่งเป็นเส้นตรงด้วยความเร็วตามสบาย คนขับอาจผ่อนคลาย
สงบสุข ไม่ต้องเพ่งไม่ต้องเกร็งเป็นพิเศษ ต่างจากรถวิ่งบนทางคับขัน
โดยเฉพาะพวกขับรถแข่งที่ต้องการเร่งสปีด เพ่งสายตาบังคับรถให้ทะยานขึ้นแซงคันหน้า
จะเกิดความรู้สึกเหมือนมีพลังอัดขึ้นในร่าง ซึ่งจะใหญ่หรือเล็ก
คงที่หรือแปรปรวนง่าย ก็ขึ้นอยู่กับความนิ่งของแต่ละคน ยิ่งใครนิ่งได้มาก
เมื่อเกิดกิจกรรมทางเซลล์ประสาทก็ยิ่งส่งคลื่นได้แรงสม่ำเสมอกว่าพวกที่กระวนกระวายเก่ง”
“อย่างนี้เวลาเล่นกีฬา ตั้งใจเตะบอลเข้าโกล์
หรือเล็งธนูแน่วแน่อยู่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงของการเกิดพลังจิตทั้งนั้นสิคะ?”
“คนเราเพ่งอยากได้อะไร ก็ใช้พลังจิตทั้งนั้นแหละ
แม้แต่การนั่งประชุมวางแผนของผู้บริหารที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจของพวกตนไปข้างหน้า
ก็เกิดกลุ่มพลังจิตอย่างใหญ่ขึ้นมาเหมือนกัน
เพราะผลจากการวางแผนสำคัญๆจะมีผลกระทบกับใครอีกหลายๆคน
ก่อเหตุการณ์ขึ้นอีกหลายๆอย่าง”
“นึกภาพออกเลยค่ะ
เหมือนผู้มีตำแหน่งบริหารใช้พลังจิตสร้างสรรค์หรือทำลายสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ”
สรณะหยิบเครื่องตรวจจับสัญญาณสมองขึ้นมาถือ
สายตาเล็งดูประดิษฐกรรมของบริษัทตนแน่วนิ่ง
“หนังไทยและหนังฮอลลีวู้ดทำให้ผู้คนเกิดมุมมองเกี่ยวกับพลังจิตไปในทางลี้ลับและไกลเกินตัว
หรือกระทั่งเป็นเรื่องหลอกเด็กไปเลย ความจริงพลังจิตเป็นเรื่องใกล้ตัวเราอย่างที่สุด
ชีวิตประจำวันของทุกคนต้องประสบอยู่เสมอ อย่างคุยโทรศัพท์กับบางคนแล้วรู้สึกอึดอัด
เหมือนมีอะไรบีบให้เสียงเราแหบแห้งลง นั่นก็คือโดนคลื่นจิตปั่นป่วนของอีกฝ่ายรบกวน
หรือโดนพลังกล้าแข็งของอีกฝ่ายครอบงำเข้าแล้ว”
“ค่ะ เจอคนเก่งมากเข้าจ๊ะก็พบความจริงอย่างหนึ่งด้วย
ว่าความชำนาญในวิชาชีพของแต่ละคนก็อาจก่อให้เกิดพลังจิตเหนือธรรมดาได้แล้ว
อย่างจ๊ะเพิ่งอ่านข่าวเจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งต้องคอยตรวจจับกล่องพัสดุผิดกฎหมายจากทั่วโลกนับแสนชิ้นต่อวัน
พอทำเป็นสิบปี เพียงได้ลูบคลำกล่องต่างๆด้วยใจสงบ ก็อาจสัมผัสถึงความผิดปกติที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน
หรือบางครั้งแค่เห็นไกลๆ ก็บอกถูกแล้วว่าใช่เลย ของในกล่องนั้นผิดกฎหมายแน่นอน”
เจ้าของบริษัทผู้เป็นต้นคิดเกมพลังจิตวางเครื่องตรวจสัญญาณสมองลง
พยักหน้ายิ้มแย้ม
“ใครทำหน้าที่ด้วยใจรักก็มักมีพลังจิตในทางนั้นๆ
คนส่วนใหญ่รักแต่หน้า และเอาแต่ผลักภาระให้คนอื่น
ก็เลยไม่รู้จักคุณภาพพิเศษของจิตกัน…
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องพลังจิตก็จับความสนใจคนได้ง่าย
พี่มาดหมายว่ารูปแบบของเกมโชว์กีฬาพลังจิตจะดึงดูดผู้ชมจำนวนเป็นล้านให้มาสนใจเรื่องจิตวิญญาณของตัวเองบ้าง”
“น่าสนุกจังค่ะ พลังของรายการต้องดึงเรทติ้งได้สูงลิบทีเดียว
แค่แสดงกราฟค่าของคลื่นพลังจิตที่สูงต่ำแปรปรวนอยู่ตลอด
ควบคู่ไปกับสีหน้าท่าทางจ้องลูกเหล็กนิ่งเอาจริงเอาจัง
ก็ถ่ายทอดความลุ้นระทึกกระทบจิตคนดูได้ตรงๆแรงๆเหลือหลายแล้ว
นี่เป็นอะไรที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจริงๆ”
“อยากลองเล่นไหมล่ะ?”
“อุ๊ย! อยากซีคะ เล่นกับพี่ณะเหรอ?”
“ก็งั้นสิ”
สรณะพยักหน้าให้ดอกเตอร์สมคิดมาช่วยติดตั้งอุปกรณ์ให้ลานดาว
ส่วนตัวเขาเองเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ
หญิงสาวใจเต้นรัวเมื่อท่านดอกเตอร์นำหมวกยางมาครอบกระหม่อม
รู้สึกถึงสายคาดที่แนบกระชับกับศีรษะ
สมคิดใช้นิ้วกดสองจุดบนหน้าผากเพื่อให้ขั้วรับสัญญาณไฟฟ้าทองเหลืองเคลือบซิลิโคนชื้นได้แปะติดกับผิวหนัง
และขยับครอบหูให้เข้าที่มิดชิดเพื่อช่วยลดทอนการรบกวนจากส่ำเสียงภายนอก
อันจะทำให้มีสมาธิมากขึ้น
นอกจากนั้นครอบหูยังเป็นอุปกรณ์สื่อสารกับผู้ควบคุมเครื่องอีกด้วย
สมคิดขอให้หล่อนปลดกระดุมเม็ดแรกออก
และนำขั้วรับสัญญาณอีกหน่วยหนึ่งไปแปะตรงจุดเหนือร่องอก เท่านั้นทุกอย่างก็พร้อม
เขาเดินไปเปิดกล้องสามตัวที่เตรียมไว้ถ่ายทำกีฬาพลังจิตระหว่างสรณะกับลานดาว
กล้องหนึ่งถ่ายมุมตรง ยิงเข้าด้านข้างของโต๊ะ
เห็นสองหนุ่มสาวนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีรางลูกเหล็กคั่นกลาง
กล้องสองถ่ายจากมุมทแยงด้านซ้ายเข้าหน้าฝ่ายลานดาว
กล้องสามถ่ายจากมุมทแยงด้านขวาเข้าหน้าฝ่ายสรณะ
ได้ยินเสียงดอกเตอร์สมคิดพูดกับหล่อนผ่านครอบหู
“พอคุณจ๊ะได้ยินสัญญาณกริ๊งหนึ่ง
หมายความว่าเกมเริ่มต้นนะครับ
ให้ใช้ความพยายามนึกเหนี่ยวเอาลูกเหล็กเข้าหาตัวได้เลย”
ลานดาวพยักหน้าเป็นการบอกว่าเข้าใจดีแล้ว
ทุกสิ่งตกอยู่ในความสงัดเงียบแทบได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองทางจิต
เสียงกริ๊งที่มีกังวานเยือกเย็นเสนาะหูดังขึ้น
ลานดาวเผยอหน่วยตาเล็กน้อย กำหนดใจเรียกลูกโบว์ลิงสีเงิน
ทีแรกใจไม่เชื่อนักว่ามันจะถูกรั้งเข้าหาตัวได้ด้วยเพียงอำนาจนึก แต่พอมันเริ่มขยับไหวมาหาหล่อนจริงๆก็สยายยิ้มกว้าง
และรู้ว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะของนีโอเทรนด์เริ่มทำงานแล้ว
ด้วยความมั่นใจว่าปาฏิหาริย์อันบันดาลด้วยเทคโนโลยีเกิดขึ้นจริง
พลังจิตที่ส่งออกไปจึงสม่ำเสมอมากขึ้น
กระแสเจตจำนงที่ถูกแปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์วัดค่าได้สูงขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ลานดาวเห็นต่อหน้าต่อตาจึงเป็นการหมุนตัวของลูกเหล็กที่เร็วกว่าเก่า
และเมื่อจิตของหล่อนแน่วนิ่งสนิท ก็สำเหนียกรู้สึกถึงกระแสลากจูงจากจิต
คล้ายสายเชือกไร้ตนชักจูงตุ้มเหล็กให้ตรงรี่เข้าหาตนราวกับได้แรงฉุดจากเครื่องยนต์พลังสูงฉับพลัน
จากระยะห่างเดิม ๕ เมตร
ลูกเหล็กค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามาเป็น ๔ เมตร ๓ เมตร ๒
เมตรด้วยอัตราเร็วค่อนข้างทวีตัว
กระทั่งพุ่งเข้าปะทะแผ่นทองแดงที่วางเป็นเส้นชัยดักรอ
เมื่อชนแล้วลูกเหล็กก็ถูกจับยึดไว้ให้สนิทนิ่งกับที่
ส่งเสียงคล้ายเคาะเครื่องดนตรีแก้วพริ้งแพรวไพเราะเข้าครอบหู
ทำความปีติให้ลานดาวจนยิ้มกระจ่างออกมาเยี่ยงผู้ลิ้มรสโอชาแห่งชัยชนะด้วยพลังจิตเหนือวัตถุ
เงยหน้าส่งตาทอประกายรุ่งโรจน์ให้สรณะ
อย่างจะประกาศฉายอารมณ์เรืองรองอวดเขา
สรณะยกมือขวาชูนิ้วโป้งให้หล่อนแทนความหมายชมเชย
ถัดจากนั้น ขณะลูกเหล็กค่อยๆเคลื่อนอืดกลับไปยืนตำแหน่งกึ่งกลางรางบนโต๊ะตามเดิม
ลานดาวก็ได้ยินเสียงดอกเตอร์สมคิดในครอบหู
“ยินดีด้วยครับคุณจ๊ะ
คุณดึงลูกเหล็กเข้าชนเส้นชัยด้วยเวลาที่น้อยกว่าผู้เริ่มต้นครั้งแรกคนอื่นๆมาก
คราวนี้ถึงเวลาลงสนามแข่งจริงแล้ว ผมจะเปิดโหมดประลองกำลัง หมายความว่าการลากบอลจะไม่ง่ายเหมือนเมื่อครู่
เพราะคุณจ๊ะต้องต่อสู้ชิงกำลังกับคุณสรณะด้วย
หากกระแสจิตของฝ่ายใดสะดุดชะงักแม้แต่วินาทีเดียว ก็ถือเป็นการเพลี่ยงพล้ำ
เปรียบได้กับการชักเย่อที่เราปล่อยเฉยให้อีกฝ่ายดึงเข้าข้างเขา
ซึ่งก็ต้องเหนื่อยหน่อยกว่าจะลากคืนกลับมาที่เก่า เพราะฉะนั้นคำแนะนำคืออย่าเผลอแม้แต่พริบตาเดียว…
พร้อมนะครับ?”
ลานดาวพยักหน้ารับคำ
“ค่ะ”
สายตาจดจ้องที่ลูกเหล็กกลางโต๊ะแน่วแน่ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลังแห่งตน
ว่าสามารถรวบรวมให้โฟกัสต่อเนื่องสม่ำเสมอไม่ขาดสายได้นานพอควร
ท่ามกลางความสงัดงัน
เสียงกริ๊งอันเป็นสัญญาณเริ่มต้นดังขึ้นในครอบหู
ลานดาวสะกดวัตถุทรงกลมสีเงินให้กลิ้งเข้าหาตน
แต่คราวนี้รู้สึกถึงความฝืดและแรงต้าน
ไม่วิ่งรื่นเข้ามาอย่างสะดวกโยธินเช่นรอบก่อน จึงทำให้ทราบถึงแรงดึงจากฝั่งสรณะ
แม้กระแสจิตไม่ได้กระทำกับลูกเหล็กโดยตรง
แต่ใจที่กระทำต่อใจในลักษณะยื้อยุด
ก็ให้ผลเป็นความรู้สึกขืนสู้ระหว่างใจต่อใจชัดเจน
คล้ายความรู้สึกขณะฉุดเชือกชักเย่ออยู่นั่นเอง
เพียงแต่นี่ไม่ได้หักกันด้วยกำลังกาย ทว่าเป็นการขับกันด้วยอำนาจนึกแห่งใจล้วนๆ
ลูกเหล็กถูกลากจูงเข้าหาแผ่นทองแดงฝั่งของสรณะด้วยอัตราเร็วค่อนข้างมั่นคง
แสดงถึงฤทธิ์ทางใจที่ทรงกำลังสม่ำเสมอ ลานดาวขมวดคิ้วแน่น
พยายามเรียกบอลกลับคืนมาหา
เชื่อว่ากำลังของตนไม่น่าจะหย่อนกว่ามนุษย์เดินดินธรรมดาทั่วไปนัก
เพราะปัจจุบันหล่อนนิ่งในสมาธิได้นานหลายสิบนาที บางวันจิตใจปลอดโปร่งหน่อยก็ไปไกลเป็นชั่วโมง
แบบเดียวกับนักกอล์ฟที่ออกแรงหวดตูมเดียวลูกลอยโด่งขึ้นฟ้า
และแล่นลิ่วค้างเติ่งอยู่บนนั้นเนิ่นนาน มองเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกเสียที
เหมือนกำลังงัดข้อกัน ลานดาวพยายามสงบสติอารมณ์
รวมจิตให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มคุ้นกับการกำหนดใจแบบที่จะเรียกให้บอลหมุนมาทางตน
แต่ก็ยังคล้ายนักชักเย่อที่ถูกฉุดถูลู่ถูกังไปทางฝ่ายตรงข้ามแบบเดียวกับเด็กแพ้แรงผู้ใหญ่ตัวโตๆท่าเดียว
ดอกเตอร์สมคิดที่เฝ้าจับตามองการแข่งขันอยู่อีกทางหนึ่งเห็นชัดว่าลานดาวพยายามทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดแล้ว
ทว่ายังเป็นรองสรณะอยู่อักโข ในขณะที่เมื่อมองไปทางสรณะบ้าง
ก็กลับพบว่าฝ่ายนั้นนิ่งสงบและเหมือนตั้งใจทำงานธรรมดาที่ไม่ต้องเกร็ง
ไม่ต้องออกแรงใดๆทั้งสิ้น
ลูกเหล็กเขยิบเข้าใกล้เส้นชัยของสรณะไปเรื่อยๆ
แม้สะดุดบ้างเล็กๆน้อยๆก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ามีแนวโน้มดึงดูดสูงและมั่นคงมาก
ไม่ส่อเค้าเลยว่าลานดาวจะสามารถฉุดกระชากลากบอลกลับมายังฝ่ายของหล่อนได้
แต่แล้วด้วยความตกใจคาดไม่ถึงของทั้งลานดาวและดอกเตอร์สมคิด
ลูกเหล็กกลับกลิ้งปรู๊ดสวนทางกลับมาหาเส้นชัยของลานดาว
แม้แต่สาวน้อยเองยังเบิกตาโพลง เกือบเสียดุลสมาธิเพราะเห็นสิ่งที่ไม่นึกว่าจะเห็น
แต่ก็ตั้งสติได้เร็ว เดาว่านั่นคงเป็นช่วงกำลังจิตของสรณะตกลง และอาจเป็นโอกาสทองเดียวที่หล่อนอาจคว้าไว้
ลานดาวเม้มปากแน่น
หายใจลึกแล้วโหมทุ่มพลังทั้งหมดรั้งลูกเหล็กที่มาจ่อปลายจมูกในระยะครึ่งเมตร
ดึงดูดให้เข้าชนเส้นชัยให้จงได้ แต่ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าเล่นงัดข้อ
เกือบกดได้อยู่แล้ว แต่ฝ่ายต้านทานก็แข็งมหากาฬ เอาไม่ลงสักที
ลูกเหล็กจ่อเส้นชัยแค่เอื้อมแต่กลับค้างแล้วค้างเล่า เหนียวทนทายาด
ออกแรงเท่าไหร่ๆก็ไม่สำเร็จ
สมคิดมองเสี้ยวหน้าเคร่งเขม็งของลานดาวสลับกับเสี้ยวหน้าเต่งตึงด้วยรัศมีจับตาของสรณะ
จึงเริ่มรู้ว่าที่แท้นี่เป็นแผนอ่อยเหยื่อให้ดีใจเก้อของเสือร้ายผู้เจนสังเวียนมาแรมเดือน
สรณะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กๆ
อันที่จริงถ้าใครอยู่ใกล้จะได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคอด้วยซ้ำ
เขาเอนกายกางศอกในท่าสบาย ปลายนิ้วถูกันด้วยมาดใจเย็น
ส่วนศีรษะเหมือนกระจายสนามพลังเข้มข้น ดูกระจ่างตาน่าคร้ามเกรง
นี่คือสีสันการเล่นที่เห็นจากนักกีฬาพลังจิตแล้วบังเกิดความตื่นตาแก่ผู้ชมยิ่ง
นักพลังจิตหนุ่มเลิกใส่ใจกับเหล็กทรงกลมอันเป็นเพียงเป้าล่อภายนอก
ปิดตาลงกำหนดจิตรวบรวมพลังเอาตรงๆ ซึ่งทำได้ต่อเมื่อจิตมีความนิ่งยิ่งใหญ่พอ
เขาแตะจิตเข้าสัมผัสกลุ่มพลังอันเป็นภายใน รวบยอดมารวมศูนย์ผนึกแน่นทำนองเดียวกับก่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้ามหาศาลขึ้นด้วยเครื่องผลิตขนาดยักษ์
ใจน้อมนึกให้ลูกบอลดีดตัวปราดเข้าหาตนในบัดเดี๋ยวนั้น!
ลูกเหล็กวิ่งเหมือนถูกดีดด้วยมหากำลังแห่งพายุใหญ่
เพราะค่าสัญญาณไฟฟ้าที่คอมพิวเตอร์ตรวจรับได้จากสรณะทวีตัวขึ้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า
นั่นเป็นการปล่อยพลังแท้จริงทั้งหมดออกมาแบบเลิกเก็บเลิกออม
ผู้ชมอย่างสมคิดจึงเห็นบอลพุ่งจู๊ดเข้าชนแผ่นทองแดงฝั่งสรณะโดยไม่ต้องมีการแกล้งยื้ออีกต่อไป
ลานดาวผวาเยือกด้วยอาการของคนสะดุ้งสุดตัว
อันเป็นธรรมดาของคนแพ้แรงจิตกะทันหัน เมื่อครู่กระแสจิตหล่อนถูกรวมได้เข้มข้นด้วยการจับอารมณ์เป็นหนึ่งกับลูกบอล
พอบัดนี้กลับเคว้งไร้หลัก ทำนองเดียวกับคนกำลังไต่เขาขึ้นสูงด้วยการออกแรงสาวเชือก
เมื่อจู่ๆเชือกล่องหนหายไป จึงลอยคว้างกลางอากาศและหล่นลิ่วหวิวโหวง
แม้สมคิดจะเห็นการเล่นกีฬาพลังจิตเกมนี้มาหลายพันครั้ง
เมื่อมีโอกาสดูสรณะเล่นทีไร
ก็พบว่ามือของตนกำเกร็งราวกับเป็นคู่แข่งขันเสียเองทุกทีไป
เขายิ้มด้วยความชื่นชมเจ้านาย แต่เดินเข้ามาถอดหมวกและขั้วรับสัญญาณให้กับลานดาว
ถามหล่อนยิ้มๆ
“เป็นไงครับ?”
ขณะนั้นสรณะเดินเข้ามาสมทบ
ลานดาวหัวเราะและค้อนบิ๊กบอสแห่งนีโอเทรนด์นิดๆ ตอบดอกเตอร์สมคิด
“เหนื่อยสิคะ โดนหลอกให้ออกแรงเปล่า”
ผู้กำชัยอย่างเด็ดขาดหัวเราะเอื่อย
“พี่แค่อยากให้จ๊ะรู้จักทุกรสของเกมนี้
ความเข้าใจจากสัมผัสที่ถ่องแท้จะเป็นส่วนหนึ่งของงานพิธีกรต่อไป”
ลานดาวยิ้มจ๋อยๆ
เขาเพิ่งสอนหล่อนผ่านกีฬาพลังจิตว่าเพื่อเป็นผู้ชนะนั้น
ไม่ใช่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเค้นกำลังดึงดันกันอย่างเดียว
แต่ต้องฝึกตัวเองให้สงบและสบายเป็น กระแสพลังจึงจะรวมถึงจุดยอดได้อย่างเขา
“ค่ะ… พี่ณะสอนจ๊ะให้เข้าใจอะไรได้ลัดๆดีจริง”
“เอาล่ะ… อยากรู้ไหมว่าถ้าออกอากาศ
คนดูจะเห็นอย่างไร ลองตามมานี่”
สรณะพาลานดาวมาอีกมุมหนึ่งของห้อง
ไปหยุดอยู่ที่แผงหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเรียงติดกันสามกรอบ
ขณะนั้นหน้าจอทั้งหมดยังแสดงหน้าต่างควบคุมกล้องเหมือนๆกัน
แต่เมื่อชายหนุ่มใช้เมาส์คลิกๆก็ปรากฏภาพรีเพลย์ของเกมที่เพิ่งผ่านไปสดๆ
สิ่งที่เห็นปรากฏในจอคือความน่าตื่นตาตื่นใจเหลือจะกล่าว
จอตัวกลางฉายภาพลานดาวนั่งเผชิญหน้ากับสรณะในระยะห่างสิบเมตรแบบวายด์วิวจากมุมสูงกว่าระนาบปกติเล็กน้อย
จอด้านซ้ายโคลสอัพเห็นเสี้ยวหน้าลานดาวกำลังก้มลงจดจ้องวัตถุเป้าหมาย ดูโฉบเฉี่ยวคมคายดีไม่หยอก
ประมาณนินจาสาวซุ่มพิฆาตเหยื่ออย่างเงียบเชียบ
ส่วนที่จอขวาโคลสอัพเห็นเสี้ยวหน้าของสรณะ
ดูเขาเหมือนราชสีห์ใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องตั้งท่าแสดงอำนาจมาก
ในเมื่ออยู่นิ่งๆตบะเดชะก็หลามล้นออกมาเต็มพิกัดอยู่แล้ว
เมื่อสัญญาณบอกเริ่มเกมดังกริ๊งเหมือนที่ได้ยินจากครอบหู
ภาพจดจ้องเอาเป็นเอาตายยังดำเนินไป ขณะเดียวกันด้านล่างจอภาพก็แสดงกราฟเส้น
บอกความถี่และช่วงความสูงของคลื่นสมองในย่านที่ตีค่าออกมาเป็นพลังจิต
เห็นได้ชัดว่าเมื่อช่วงความสูงและความถี่ด้านของสรณะสูงขึ้น
ลูกตุ้มเหล็กก็จะเลื่อนเข้าหาตัวเขา แต่เมื่อเส้นกราฟฝั่งของลานดาวตีขึ้นคู่คี่
เจ้าวัตถุทรงกลมอันเป็นเป้าชิงชัยก็จะชะลอลง
หรือทำท่าจะถูกดึงกลับไปทางฝั่งของลานดาวเข้าบ้าง
และเมื่อสรณะอ่อยเหยื่อ
เส้นกราฟแสดงคลื่นพลังด้านเขาก็ลดลงฮวบฮาบ
ปล่อยให้ลูกเหล็กไหลทื่อหาฝั่งของลานดาวราวกับเทรางเข้าข้างหล่อน แต่พอหญิงสาวรวบรวมกำลังอย่างเข้มข้นในวินาทีเฉียดชัยเข้าด้ายเข้าเข็ม
กราฟของสรณะก็ตีขึ้นสูงและถี่ยิบอีกด้วยปริมาณที่เหนือกว่ากราฟของลานดาวเล็กน้อย
จึงเห็นบอลถูกตรึงนิ่งกับที่ ไม่ก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง
กระทั่งกราฟของลานดาวลดระดับลงสะท้อนอาการหมดแรง
กราฟของสรณะก็ตีสูงขึ้นเป็นสองเท่า
ทะลุพื้นที่กรอบแสดงกราฟออกมาเกยทับภาพหนุ่มนักพลังจิตอย่างน่าระทึก
แถมความถี่ยังเพิ่มขึ้นขนาดทำให้เส้นกราฟติดกันเป็นแพดำพรืด
สอดคล้องกับการหมุนกลิ้งลิ่วเข้าเส้นชัยราวกับโดนถีบด้วยเท้าช้าง!
เมื่อเห็นทั้งสีหน้าและเส้นกราฟพลังของผู้เล่น
ผนวกกับอาการกลิ้งของลูกเหล็กซึ่งมีซาวด์เอฟเฟกต์คล้ายล้อรถไฟสีกับรางช้าๆ
ใครดูก็ต้องเชื่อทันทีว่านี่ไม่ใช่เพียงการตบตาด้วยเทคนิคทางคอมพิวเตอร์
แต่มีพลังจิตของจริงอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างแน่นอน
“ไม่เคยเล่นอะไร
หรือเห็นอะไรที่น่าระทึกขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ยากไหมคะกว่าจะได้เครื่องนี่ออกมา?”
“ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ทีมวิจัยต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเก็บสถิติ
กรองสัญญาณย่านที่แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์ว่าเกี่ยวข้องกับพลังจิตล้วนๆ
แล้วก็ต้องคิดค้นวิธีแปรสัญญาณไฟฟ้าทางสมองให้เป็นพลังขับเคลื่อนลูกเหล็กแบบพอดีเวลา
ณ วินาทีนั้นๆ รายละเอียดทางเทคนิคค่อนข้างมาก
อีกอย่างเราต้องเสียเวลากับการคิดค้นสินค้าขนาดย่อมด้วย
เพราะสิ่งที่พี่ต้องการไม่ใช่แค่ให้ดูคนอื่นเล่นทางทีวีอย่างเดียว
แต่อยากให้คนดูได้ฝึกจิตฝึกใจกัน จะเพื่อความสนุกในครัวเรือน
หรือเพื่อเตรียมตัวมาแข่งขันจริงในรายการก็ตาม”
“เด็ดขาดเลยค่ะพี่ณะ!
แล้วสมมุติว่ายื้อกันไปยื้อกันมายังไม่ชนะเสียทีจะทำยังไง?”
“เรากำหนดเวลาไว้ตายตัว
ถ้าเกินสามนาทีแล้วยังลูกเหล็กยังไม่เข้าเส้นชัย ก็ชวดรางวัลด้วยกันทั้งคู่
อันนี้พี่ทำการบ้านไว้แล้วล่ะ ระยะแรกๆที่เปิดรายการ
เราจะคัดเอาดารารูปร่างหน้าตาดี มีแคแรกเตอร์ดึงดูดใจมาเล่น
โดยจะฝึกให้เขาเก่งจริง และสามารถครองแชมป์ได้หลายสมัย
ก่อนที่ในระยะยาวจะเกิดนักพลังจิตตัวจริงขึ้นมา
เพราะผู้ชมซื้อสินค้าของเราไปฝึกจนแก่กล้า”
“ตั้งชื่อสินค้าไว้หรือยังคะ ใช่ไซสปอร์ตหรือเปล่า?”
ลานดาวกล่าวตามที่สังเกตเห็นป้าย PsySport ข้างโต๊ะเครื่องแข่งพลังจิต
เมื่อสรณะผงกศีรษะรับรองก็ถามต่อ
“รูปแบบรายการคงไม่มีแค่ช่วงแข่งพลังจิตอย่างเดียวใช่ไหม? เพราะพี่ณะบอกว่าอย่างมากเวลาเล่นเกมนี้แค่สามนาทีเอง”
“การชักเย่อลูกบอลเป็นแค่จุดเด่นซึ่งใช้เวลาเพียงช่วงแรกสั้นๆ
ใครชนะก็ถือว่าได้ ๒๕ คะแนน ช่วงที่สองจะแข่งกันทำความสงบ
ใครลงสู่ความนิ่งได้เร็วกว่า นานกว่า ก็เอาไปอีก ๒๕ คะแนน”
“อะไรจะเป็นตัวแสดงความสงบคะ? กราฟสมองที่คงเส้นคงวา?”
“เราจะต่อสายตรงจากคอมพ์เข้าอ่างน้ำใสให้เห็นกันจะจะเลย
ความสงบจะแสดงออกมาทางคลื่นน้ำ ราวกับผู้วิเศษแข่งกันบังคับอาโปธาตุ
เครื่องควบคุมน้ำจะถูกออกแบบมาให้ไวมากๆกับคลื่นสมอง
คือที่ค่าเริ่มต้นอาจปั่นป่วนได้ขนาดน้ำวนใหญ่
และที่ค่าความสงบนิ่งต่อเนื่องจะสงบราบคาบเป็นแผ่นกระจก ตัวตัดสินชี้ขาดแท้จริงจะอยู่ที่กราฟซึ่งรายงานได้ชัดเจน
ว่าใครลงได้นิ่งกว่า ใครมีสะดุดกระเพื่อมมากกว่า”
“ช่วงที่สามล่ะคะ?”
ลานดาวซักด้วยความสนใจใคร่รู้ยิ่งขึ้น
“เป็นช่วงพักจากการแข่ง
เราสองคนจะแนะนำการฝึกสมาธิขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง
วิเคราะห์แจกแจงรูปแบบสมาธิแนวต่างๆโดยอาศัยข้อมูลอ้างอิงจากกราฟคลื่นสมอง
รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับคลื่นจิต คลื่นสมอง การแก้ปัญหาความเครียด
แล้วก็มีโฆษณาขายสินค้าแถมท้าย สำหรับช่วงนี้คงยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนไปเรื่อย
ต้องดูความนิยมจากคนดูก่อน”
หญิงสาวเม้มปาก นึกอยากให้ถึงเวลาออกอากาศเร็วๆ
คนดูครั้งเดียวคงติดใจและมาเฝ้าหน้าจอกันแน่นขนัด
กับทั้งบอกต่อแพร่สะพัดยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
“อย่างนี้จ๊ะคงต้องฝึกสมาธิหลายๆแนวไว้ช่วยพี่ณะสาธิตสิคะ?”
“ก็ต้องเปิดใจกว้างหน่อยนะ
พี่รู้ว่าจ๊ะมั่นคงในแนวทางดำเนินจิตแบบพุทธแล้ว
แต่นี่เราจะช่วยให้คนเห็นความแตกต่างอย่างเป็นรูปธรรม
มุ่งเน้นน้ำหนักมาทางพุทธนั่นแหละ
เพราะแนวที่ดีที่สุดย่อมแสดงตัวเองออกมาอย่างเป็นรูปธรรมอยู่แล้วในรายการแบบนี้
เฉพาะเรื่องความสงบ นอกจากจะเห็นทางความไม่กวัดแกว่งไหวติงทางกายแล้ว คนดูจะได้เห็นข้อมูลทางสรีระอย่างเป็นรูปธรรมด้วย”
“จ๊ะไม่มีปัญหารังเกียจแนวทางอื่นๆหรอกค่ะ
เพราะตัวจ๊ะเองทุกวันนี้ก็ยังไม่อยู่ในวิถีทางแบบพุทธเต็มร้อยเลยด้วยซ้ำ
อานิสงส์จากการทำรายการไปเรื่อยๆอาจเหมือนแส้เฆี่ยนให้เร่งบำเพ็ญภาวนาเอาจริงเอาจังเสียบ้าง…
แล้วช่วงสุดท้ายของรายการล่ะคะ? เมื่อกี้พี่ณะบอกว่ามี ๔
ช่วง เพิ่งบอกไปสามช่วงเท่านั้น”
“ช่วงสุดท้ายนี่แหละสำคัญ
ต่อให้ชนะสองช่วงแรกก็มีคะแนนสะสมแค่ ๕๐ แต้ม แต่สำหรับช่วงท้ายนี้จะมี ๕๐
แต้มในคราวเดียว วิธีเล่นคือให้พูดเล่าเรื่องความดีที่ได้ทำไป
พูดอย่างไรก็ได้ให้เกิดกุศลจิตมากที่สุด เราจะวัดค่าหลายๆอย่าง
ประยุกต์ทั้งแนวคิดแบบเครื่องจับเท็จ เครื่องวัดความเครียดของกล้ามเนื้อ
ตลอดจนเครื่องตรวจจับการหลั่งของสารเช่นเอ็นดอร์ฟินและอื่นๆ
ซึ่งเมื่อรวมค่าทั้งหมดแล้วตีค่าเป็นคะแนนได้ชัดเจนพอสรุปว่าคนพูดนั้น
มีใจเป็นกุศลมากน้อยเพียงใด นี่จะเป็นการยิงความดีเข้าหัวใจผู้ชมทางบ้านกันตรงๆผ่านความทรงจำหรือจินตนาการอันแจ่มชัด
แทนที่จะแข่งดีด้วยความคิดเอาหน้าเอาตา คุยโวโอ้อวด
ก็ให้มาเป็นการฝึกพูดถึงความดีด้วยจิตใจเป็นกุศล
และสามารถฉายให้ดูได้อย่างเป็นรูปธรรม”
ลานดาวทำตาวาววาม
“โห! ไอเดีย… อนุโมทนานะคะพี่ณะ
บุญบาปสมควรทำให้ปรากฏเป็นรูปธรรมผ่านเทคโนโลยีปัจจุบันเสียได้ตั้งนานแล้ว”
“จ๊ะเองเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์
ถ้าเห็นอะไรควรเสริมเติมหรือตัดแต่งอย่างไรก็ว่ามาเลยนะ
เราควรเป็นหุ้นส่วนกันอย่างแท้จริงในรายการนี้”
“แบ่งคะแนนแบบมีสิทธิ์เสมอกัน ๕๐–๕๐ อย่างนี้
ก็อาจต้องให้หน้าเก่าแข่งใหม่รอบหน้าทั้งคู่?”
“เสมอกันสามครั้งถือว่าแชมป์ได้
สำหรับคู่แรกสุดเราคัดชนิดที่ต้องได้แชมป์ชัวร์ๆไว้แล้ว”
“พี่ณะตั้งเงินรางวัลไว้อย่างไรคะ?”
“๒๕ คะแนนคือห้าพันบาท
เพราะฉะนั้นถ้าใครชนะทุกรอบก็ได้ไปถึงสองหมื่น สำหรับแชมป์จะมีโบนัสให้
เช่นเล่นถึงสิบสมัยแถมให้อีกแสนหนึ่ง”
“โอ… มีคนสมัครกันทั้งเมืองแน่ล่ะค่ะ”
หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนเสนอไอเดีย “ถ้าได้ผู้ชนะที่พลังจิตสูงจริงๆก็น่ามีรอบพิเศษ
ประเภทสองรุมหนึ่ง หรือห้ารุมหนึ่งนะคะ”
หน่วยตาของสรณะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“เออ!
ก็น่าทำนะ” แล้วเขาก็มองลึกลงไปในตาหล่อน “เราคงช่วยกันคิด
ช่วยกันสร้างอะไรดีๆร่วมกันได้อีกเยอะเลย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น