วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม (ตอนที่ ๓๔. คนดัง)

ตอนที่ ๓๔. คนดัง


ผู้เข้าเยี่ยมเว็บไซต์คู่มือนักฆ่าตัวตายที่เป็นขาประจำเกิดความประหลาดใจเป็นล้นพ้นกับความเปลี่ยนแปลงของเว็บ บางคนที่ทำบุ๊กมาร์กชี้ตรงไปที่กระดานสนทนา ก็ถูกเบี่ยงเบนกลับมาที่หน้าหลักเหมือนผู้เข้าใหม่อื่นๆ เพื่อพบกับรูปถ่ายเต็มหน้าของสาวน้อยโฉมสะคราญนางหนึ่งแย้มยิ้มบาดใจต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมอยู่ที่นั่น

ใบหน้างามแลตะลึงนั้นสะกดให้หนุ่มๆหลายคนหยุดหายใจได้ชั่วขณะ เจ้าหล่อนดูสวยเสียจนคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจทุกคนคือเธอเป็นใคร นางแบบใหม่ชื่อเสียงเรียงไรกัน?

เมื่ออ่านคำบรรยายใต้ภาพก็พบกับคำแนะนำตัวตรงไปตรงมาไม่อมพะนำอำพรางให้เป็นปริศนาอันใด

“สวัสดีค่ะ นี่จิ๊เอง เอารูปตัวเองมาลงตามคำเรียกร้องแล้วนะคะ อยากรู้จักเรานักใช่มั้ย? เอาเลย! รู้จักเสียให้สาแก่ใจ แต่ใครเป็นโรคหัวใจระวังช็อกตายนะคะ…”

เมื่อคลิกที่ป้ายบอก ‘ภาพต่อไป’ ก็จะพบหน้าต่างใหม่แยกเป็นต่างหากขนาดพอดีกับการแสดงภาพ ภาพถ่ายที่ค่อยๆคลี่ตัวเองจากบนลงล่างคือความระทึกแตกต่างไปจากการแสดงความงามของนางแบบที่หาได้ทั่วไป เพราะนี่คือการเผยโฉมเจ้าของเว็บคู่มือนักฆ่าตัวตายซึ่งเริ่มมีคนกล่าวขวัญถึงมากขึ้นทุกที

รูปที่สองถ่ายครึ่งตัวท่าพนมมือไหว้อ่อนน้อมในชุดไทยฟ้าครามห่มสไบเฉียง คำบรรยายใต้ภาพที่รวมไว้ในรูปคือ…

“ยินดีที่รู้จักกับทุกคนค่ะ ชื่อจริงของจิ๊คือ ‘ลานดาว ลีลากีรติ’ ชื่อเล่นที่พ่อแม่เรียกตั้งแต่เด็กคือ ‘จ๊ะ’ ส่วนชื่อในเน็ตที่ใช้มาแต่ไหนแต่ไรคือ ‘จิ๊’ ที่คุณๆรู้จัก ต่อไปจะเรียกว่าอะไรก็ได้ จิ๊ จ๊ะ หรือลานดาว ล้วนแล้วแต่เป็นคนเดียวกัน มีหัวเดียวไม่ใช่มนุษย์สองหัวแน่นอน”

รูปถัดมาอยู่ในชุดผ้าไหม ยืนเท้าเอวเก๋ไก๋ข้างม่านหน้าต่างห้องนอนหรู ดูเหมือนนักธุรกิจสาวไฮโซเต็มตัว ความเนี้ยบเฉียบคมและราศีเฉิดฉายมีพลังจับตาคนจ้องอย่างประหลาด อาจจะเพราะรู้ตัวว่ากำลังเห็นใครคนหนึ่งที่ทรงอิทธิพลต่อหัวใจอย่างยากจะต้านเป็นที่สุด

“ปกติจิ๊ตื่นนอนราวหกโมงเช้า ตามการปลุกของนาฬิกาชีวภาพในตัวเอง เคยชินกับการออกมาสูดอากาศสดชื่นให้ช่ำปอดที่หน้ามุข วันไหนขาดออกซิเย่นยามอรุณรุ่ง วันนั้นจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนตื่นมาหน้าไม่เด้ง คนรับใช้เห็นแล้วอาจมองด้วยสายตาตำหนิได้ สรุปคือจิ๊ถูกปลูกฝังให้ตื่นเช้ามาสูดอากาศเป็นประจำค่ะ เพื่อเช้านี้ที่แจ่มใสกว่าเมื่อวาน”

รูปถัดมาใส่ชุดวอร์มดำรัดรูป กำลังยืดแขน หมัดกำเวทเหล็กชกลมและยกขาขึ้นงอในท่าเก๋สไตล์นางแบบประจำห้องฟิตเนส

“อัตราการเต้นของหัวใจจิ๊หลังตื่นนอนจะต้องเร็วขึ้นเสมอ เพราะออกกำลังกาย และทำกายบริหารเป็นประจำ ข้างห้องนอนมีอุปกรณ์ครบ ที่ชอบคือปั่นจักรยาน เปิดเพลงมันๆเต้นแอโรบิกประกอบการยกน้ำหนัก บางทีก็ออกไปวิ่งรอบบ้านเอาเหงื่อ หรือทำโยคะแบบฝึกหายใจประกอบการเคลื่อนไหวให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น… ธรรมชาติแช่งให้เราแก่เร็วและอ้วนตุ้ย พวกเราต้องตื่นขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาแก้คำสาปเป็นประจำทุกวันนะคะ ไม่งั้นวันหนึ่งจะถูกคนที่คุณรักล้อเลียนให้หัวอกยอกแสลง จิ๊โดนมาแล้ว”

รูปถัดมาอยู่ในชุดวอร์มขาวสว่างตา กำลังวิ่งตัวตรงเป็นสง่าบนสายพาน

“เคล็ดลับที่ไม่มีครูฝึกโรงฟิตเนสที่ไหนสอนคุณ… วิ่งบนสายพานตามปกตินี่แหละค่ะ เท้าแบกระทบสายพานเต็มๆสัมผัส อย่างองุ้ม อย่าขืนเกร็ง ตามองข้างหน้าสบายๆ แต่แทนที่จะปล่อยให้จิตใจฟุ้งกระจายเรื่อยเปื่อยก็ตั้งใจนิดหนึ่ง ลำตัวขอให้ตั้งตรงแบบรู้สึกว่าสติเกิดเฉพาะหน้าถนัดชัด สำคัญที่สุดคือมีใจจดจ่ออยู่แต่ผัสสะระหว่างเท้ากับสายพาน สัมผัสรู้สึกแป๊ะๆๆที่ต่อเนื่องเพียงแค่วันละสิบนาที จะเห็นผลบางอย่างภายในเจ็ดวัน ร่างกายคุณจะกระชับขึ้น สติสตังและหูตาจะกว้างขวางขึ้นมากอย่างน่าอัศจรรย์ใจ บางทีอาจเหมือนวิ่งอยู่บนรางเมฆอันเป็นทิพย์… รับรองผลค่ะ เพราะสติที่จ่อกับผัสสะกระทบถี่ๆอย่างต่อเนื่องนั้น จะแย่งคลื่นความฟุ้งซ่านไปจากสมองเรา ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง เว้นวรรคจากกระแสความคิดสะเปะสะปะชั่วคราว ทำให้เกิดดุลระหว่างกายกับจิตอย่างง่ายๆ ผลอันคุ้มค่าคือสุขภาพที่ดีขึ้นล้นเหลือ”

รูปถัดมาใส่ชุดแม่ครัว ยืนหันหลังให้กล้อง ทำท่าผัดผักในกระทะทะมัดทะแมงภายในอาณาเขตที่ดูลงตัวด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปดีไซน์ทันสมัย

“อย่าว่าจิ๊สาระแนเลยนะคะ ขอแนะหน่อยเถอะ สาวๆเราชอบงดอาหารเช้าเพราะกลัวอ้วน ที่จริงมื้อเช้าจะช่วยให้เรากระฉับกระเฉง อารมณ์ดี สมองปลอดโปร่ง การงดมื้อแรกของวันจะกระตุ้นให้ร่างกายอยากได้มื้อเย็นมากกว่าที่ควร ข้าวเย็นที่กินแล้วนอนนี่แหละตัวการทำให้เราหุ่นเหมือนน้ำแข็งหลอด หรือเคราะห์ร้ายกว่านั้นคือช่วงเอวกางออกมาแบบเดียวกับปลาปั๊กกะเป้า… จิ๊ชอบทำครัวเองค่ะ เป็นคนชอบสูตรอาหารทั้งโบราณและทันสมัย กับทั้งหลงใหลวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ประเภททำให้แต่ละจานบนโต๊ะเข้ารสกัน ร่วมมือประสานงานกันเป็นคอนเสิร์ตแห่งความอร่อยนี่ถนัดนัก… อีกอย่างความรู้ทางอาหารจะได้ทำให้เราคัดของดีให้ตัวเองในยามเช้าถูกด้วย อ้อ… ใครที่ถูกล้างสมองให้เชื่อว่าแฮม เบคอน ไข่ดาวคือความเท่รับอรุณ สเต๊กเนื้อวัวคือระดับชีวิตที่โอ่อ่าประจำเที่ยงวัน ไส้กรอกทอดคือความโรแมนติกยามสายัณห์ หมั่นสะสมไขมันสัตว์ไว้ครบทุกมื้ออย่างนี้ล่ะก็ ขอให้เตรียมพบหน้าหมอโรคหัวใจเป็นระยะๆได้เลยนะเจ้าคะ รู้ไว้เถอะ หมอหล่อแค่ไหนก็ทำให้หัวใจคุณดีขึ้นไม่ได้ในการพบครั้งเดียวหรอก”

รูปถัดมาตากล้องถ่ายจากนอกห้อง ทำให้เห็นทัศนียภาพกว้างรอบด้าน ครบทั้งสนามหญ้า น้ำพุน้อย กอกุหลาบริมบานกระจกใส แล้วจึงทะลุเข้ามาถึงสาวน้อยลานดาวในชุดราตรีเปิดไหล่ขาวบริสุทธิ์นั่งเด่นเป็นสง่า ตัดกันกับแกรนด์เปียโนดำปลอดเป็นเงาวับขนาดมหึมาตรงหน้า กรอบของภาพถ่ายความละเอียดสูงนี้ถูกขยายขึ้นเต็มจอเพื่อให้เห็นชัดครบ นับเป็นฉากอลังการจับตายิ่งฉากหนึ่ง

“จิ๊เล่นเปียโนมาตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนเด็กๆนี่เราก็ชอบกดนู่นกดนี่เปะปะใช่มั้ยคะ ยิ่งถ้ากดคีย์ดำๆขาวๆแล้วเกิดเสียงป๊องแป๊งเพราะหูด้วยจะยิ่งชอบใหญ่ นี่แหละคุณผู้ปกครองทั้งหลายรู้ไว้เถอะ ล่อใจให้ลูกชอบดนตรีตั้งแต่ยังจำความไม่ค่อยได้ แล้วเขาจะมีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดี ส่วนจะต๊องหน่อยๆแบบจิ๊หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง อวดนิดนึง… จิ๊ได้รางวัลที่หนึ่งจากการแข่งระดับนานาชาติมาหลายหน คลิกภาพนี้จะนำคุณไปสู่เว็บของสถาบันซึ่งจัดงานประกวดล่าสุดที่จิ๊ร่วมแจม มีทั้งรูปกับเพลงที่ได้รางวัลมาน่ะค่ะ… แต่ตอนนี้เบื่อๆเปียโนแล้วล่ะ พอใช้ชีวิตแบบที่ต้องรู้ให้ได้ว่าเราอยากเป็นอะไร จ๊ะถึงทราบแก่ใจว่าเราไม่ได้มีจิตวิญญาณของนักเปียโนเอก ที่ยอมทุ่มเวลาวันละแปดชั่วโมงในการฝึกซ้อมเพื่อตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตหรือออกอัลบัมอะไรกับเขาหรอก ขนาดแค่เล่นแบบเล่นๆยามว่างก็ชักไม่หนุกแล้ว”

รูปถัดมาใส่ชุดกระโปรงเขียว เนื้อผ้าเบาบางเผยสัดส่วนโค้งเว้าอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม ลานดาวยืนหันหลังให้กล้อง เห็นเรือนผมชนิดเดียวกับนางแบบโฆษณาแชมพูผู้ครอบครองเส้นผมเป็นเงางามมีน้ำหนักพลิ้วลื่นสลวยกลับคืนทรงง่าย สองมือหล่อนประคองฟลุตลำยาวขนานกับพื้น เบื้องหน้าคือทะเลสาบใหญ่ในหมู่บ้าน รอบด้านชะอุ่มด้วยพฤกษ์พรรณนานาชนิด ราวกับเทพธิดากำลังสำราญอิริยาบถอยู่ท่ามกลางสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน

“เครื่องดนตรีชิ้นใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นค่ะ พี่สาวสุดที่รักเป็นคนสอน เวลาเป่าฟลุตแบบสั่งเสียงได้อย่างใจ จะเหมือนเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นด้วยลมหายใจของเราเอง จิตวิญญาณจะถูกกล่อมเกลาให้สงบราบคาบด้วยพลังในรูปกายที่กลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้าน การฝึกเล่นดนตรีหรือทำกิจกรรมอันเป็นงานอดิเรกอะไรสักอย่างจะมีคุณค่าอย่างเห็นได้ชัดตอนเรากำลังเครียดสุดๆ สิ่งเหล่านี้จะไม่ปล่อยให้เราเขม็งเกลียวถึงขั้นชักดิ้นชักงอต่อหน้าพระแม่ธรณีอย่างเด็ดขาด… จิ๊อัดเพลงมาให้ฟังสองสามเพลง แค่รอสักพักคุณจะได้ยินมันดังเอง”

รูปถัดมาใส่เสื้อยืดคอกลมลายการ์ตูน ออกแนวเด็กวัยรุ่นแจ่มใสที่ใช้ชีวิตธรรมดาอยู่กับบ้าน เบื้องหน้าคือจอ LCD ขนาด ๑๙ นิ้ว กล้องถ่ายจากด้านข้างในมุมที่เห็นลานดาวนั่งยิ้มมุมปากน้อยๆ สายตาจับจ้องจอมอนิเตอร์ซึ่งกำลังแสดงหน้าแรกของเว็บไซต์คู่มือนักฆ่าตัวตาย เฉพาะรูปนี้คงพอยืนยันได้ว่าไม่ใช่การเล่นตลก แอบลักไก่เอาสาวสวยจากไหนมาอำกัน

“อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทำให้โลกมนุษย์ตกอยู่ใต้มนต์อาถรรพณ์ ไม่เคยมียุคไหนที่คนเราสัมผัสอำนาจการสื่อสารยิ่งใหญ่ระดับนี้ ในทางวัฒนธรรมของวัยรุ่นยุคดิจิตอล ถือว่าอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดภาวะไร้พรมแดนขึ้นมาอย่างแท้จริง รุ่นแม่ของพวกเรานะคะ ถ้าจะคบฝรั่งแปลกหน้าหรือแขกหน้าแปลกสักราย เขาเล่นเพื่อนจดหมายกันค่ะ ต้องเริ่มจากการหาชื่อที่อยู่ของคนคอเดียวกันตามนิตยสารต่างประเทศ ต้องนั่งประดิดประดอยข้อความดีๆที่น่าสนใจพอจะผูกมิตร แล้วถ่อสังขารไปถึงกรมไปรษณีย์เพื่อส่งจดหมายข้ามโลก เสร็จแล้วต้องนอนมองเพดานขมุบขมิบปากนับวันนับเดือน รอร้อรอว่าเมื่อไหร่เขาจะตอบกลับมา ถ้าตู้รับจดหมายมีแต่ความว่างเปล่าสักสามเดือนก็แปลว่าเสียเวลาเขียนเปล่า แถมจ่ายเงินค่าแสตมป์ฟรี… แต่เดี๋ยวนี้เป็นไง เข้าอินเตอร์เน็ต ลงทะเบียนไอซีคิวนาทีเดียว ก็ตามล่าหาเพื่อนแปลกหน้าและหน้าแปลกทั้งหลายได้ฉับพลันทันใด คุยกันโช้งเช้งเหมือนชักดาบฟันกันเดี๋ยวนั้นเลย… จิ๊ให้เวลากับส่วนนี้ของอินเตอร์เน็ตมากที่สุด อาณาเขตส่วนตัวของพวกเรา เว็บไซต์คู่มือนักฆ่าตัวตาย! ไม่ยักเป็นสถานที่น่ากลัวอย่างชื่อเนอะ มีแต่คนน่าร้ากท้างน้าน”

รูปถัดมาอยู่ในสูทสีเทา ตำแหน่งเดิมกับภาพก่อน ต่างกันที่ใบหน้าขรึมลงเล็กน้อย สายตาที่จับจ้องจอมอนิเตอร์ดูเป็นงานเป็นการมากขึ้น

“เพิ่งเรียนจบค่ะ สูทนี้ใส่เพื่อแอ๊กเล่นโก้ๆไปอย่างนั้นเอง โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องรีบตระเวนหางาน แต่จิ๊ก็ไม่ใช่บังอรเอาแต่นอนๆๆตอนกลางวันนะคะ จิ๊อยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง นึกว่าชอบนั่น นึกว่าชอบนี่ เอาเข้าจริงก็ทนกับงานนอกบ้านไม่ไหว แม้กระทั่งกิจการเฟอร์นิเจอร์ของคุณพ่อก็เถอะ ตอนนี้เลยเปลี่ยนมุมมองใหม่หมด พยายามทำชีวิตตัวเองให้เข้ารูปเข้าร่างมากกว่าเดิม ไม่ประมาทว่าพ่อจะเลี้ยงเราไปเรื่อยๆ ใครจะรู้ ท่านทนให้เราเอาเตารีดไถหน้าไถหลังไม่ไหวขึ้นมา คว้ายาเบื่อหนูยัดปากหนูน้อยผู้น่าเบื่อคนนี้ ก็คงได้ไปเกิดใหม่ทันที เอวัง… จิ๊เปิดทางเลือกให้ตัวเองทุกๆทาง อย่างเช่นจะลองขยับไม้ขยับมือเป็นนักเขียนกับเขามั่ง คุณๆลองลุ้นดูนะคะว่าจิ๊จะทำได้ไหม”

รูปถัดมาอยู่ในชุดนักเทนนิส ครองตำแหน่งคนขับสปอร์ตบีเอ็มดับบลิวเปิดประทุน รหัส M Power ป้ายแดง ที่ซ่อนขุมพลัง ๖ สูบไว้ภายใต้รูปทรงโฉบเฉี่ยวเพรียวมนบาดตา แค่เห็นแวบเดียวก็รู้สึกแล้วว่ากดคันเร่งหน่อยคงแล่นฉิวปลิวลมอย่าบอกใคร ตัวถังสีเปลือกมังคุดเงาวับ ตัดกันกับเบาะหนังแท้ขาวสะอาด หากเจ้าของรถเป็นหนุ่มรูปงาม ชายใดเห็นแล้วไม่ริษยาคงแปลกคนพิลึก แต่นี่มันคือพาหนะคู่กายของสาวน้อยหน้าสวยที่ชวนจ้องตะลึงยิ่งกว่าตัวรถเองเสียอีก จึงกลายเป็นความบาดตาชวนน้ำลายไหลยกกำลังสอง ให้ความรู้สึกประมาณยลนางเทพธิดานั่งพับเพียบบนหลังหงส์เหินไปโน่น ภาพถ่ายเป็นมุมเงยเล็กน้อยจากหน้ารถที่ล้อกำลังหักเลี้ยวขวา เบื้องหลังคือคฤหาสน์ใหญ่อลังการของคุณพ่อ




“ตกเย็นจิ๊มักออกไปเล่นเทนนิสที่สโมสรของหมู่บ้าน มีเพื่อนที่เล่นเก่งๆอยู่หลายคนค่ะ สำหรับเทนนิสนี่ไม่ถึงกับชำนาญนัก สมัยเด็กๆคว้าถ้วยทองมาแค่ไม่กี่ใบ อิ๊อิ๊ ทุกวันนี้ได้แต่รักษาระดับไว้ให้ตีลูกลงคอร์ดถูกค่ะ ไม่ค่อยอยากเล่นบ่อย สารภาพว่ากลัวมีแขนโตข้างลีบข้าง… จิ๊รักกีฬาหลายประเภท บางประเภทคุณแม่อนุญาตให้เล่นเฉพาะในบ้านอย่างเช่นว่ายน้ำเป็นต้น จิ๊เอารูปมาลงให้ดูไม่ได้นะคะ ไม่ต้องพยายามตื๊อด้วย”

รูปถัดมาอยู่ในชุดกีฬาเดิม แต่เสื้อแสงยับยู่ยี่ ท่าทางเนื้อตัวอาบเหงื่อมาจนโชก ลานดาวกำลังยืนอยู่ข้างสนามเทนนิส กัดมุมปากด้านหนึ่ง หน้าตาเหมือนต่อสู้อยู่กับอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นคือขวดเครื่องดื่มรังนกผสมโสมเกาหลีซึ่งมีหูเปิดฝาในตัว หล่อนกำลังเกี่ยวนิ้วเข้าหูเปิดฝา เห็นได้ชัดว่าพยายามดึงสุดฤทธิ์จนเกร็งไปทั้งร่าง

“ในอนาคตอาจถึงคราวซวย วันหนึ่งจิ๊อาจเป็นยายแก่ที่เป็นลมตายขณะพยายามเปิดขวดเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ พวกซุปไก่สกัด รังนกรังแน็กอะไรทุกวันนี้ฝาเปิดยากเหลือเกิน จิ๊เป็นสาวอยู่แท้ๆยังยอมแพ้เลยอ้ะ โอ้ย! คนเพิ่งเล่นกีฬาเหนื่อยๆยิ่งหน้ามืดอยู่ เดี๋ยวก็คว่ำข้าวเม่าคาขวดเท่านั้น… บางทีในชีวิตที่เรียบง่ายก็มีเรื่องยากเหนือความคาดหมายเยอะแยะนะคะ”

รูปถัดมาอยู่ในชุดนักเรียนมัธยม แวดล้อมด้วยช่อกุหลาบแดง ชมพู และขาวสดเต็มห้อง

“ยังทำหน้าคิกขุอาโนเนะหลอกชาวบ้านว่าเป็นเด็กม.ปลายได้อยู่นะคะ ให้ดูภาพนี้เพื่อยืนยัน ตั้งแต่มัธยมจนจบปริญญาตรี จิ๊ไม่เคยขาดความรัก จิ๊เป็นมิตรกับทุกคน และหวังว่าทุกคนจะเป็นมิตรกับจิ๊ ความมีใจซื่อต่อกันทำให้โลกนี้น่าอยู่ และทำให้รู้สึกว่าชีวิตจิ๊มีทุกสิ่ง แต่…”

รูปถัดมาถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งไปเที่ยวเมืองกาญจน์กับอมฤต ที่หล่อนอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน นั่งกอดเข่าหลวมๆหันหลังให้กล้องอยู่กลางคันนา เงยหน้ามองอาทิตย์ลูกแดงจวนอัสดง เป็นภาพที่ ณ เวลานั้นหล่อนเผลอเหม่อไปกับสายลมและแสงแดดที่กำลังรอนแสงลงจริงๆ

“คุณเชื่อไหม… ว่าจิ๊เคยอยากตายมาก่อน?”

รูปถัดมายืนแขนตกอยู่กลางคันนา ปลายผมปลิวลู่ตามแรงลม ใบหน้าขรึมเพราะขณะถ่ายภาพช่วงแรกยังหวาดกับสถานที่เปลี่ยวกลางนา แต่ยามนี้เมื่อประกอบกับคำบรรยายใต้ภาพ ลานดาวก็ดูเหมือนเด็กหลงทางคนหนึ่งที่ยืนอยู่อย่างเดียวดาย และมีแววหวั่นไหวกับชีวิตตัวเอง

“เพื่อนจิ๊ชอบพูดกรอกหูเสมอว่าอิจฉาจิ๊จัง ฉันอยากเป็นอย่างเธอมั่ง หรือขอแค่ครึ่งจะเป็นพระคุณยิ่งแล้ว… พากันพูดอย่างนี้ตั้งแต่จิ๊เด็กจนโต เคยฟังความปรารถนาของคนอื่น ใครต่อใครน้อยใจโชคชะตา อยากมีอย่างนั้น อยากมีอย่างนี้ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จิ๊มีเกือบทั้งสิ้น อย่างที่คุณเห็นแล้วว่าจิ๊มีอะไรบ้าง คราวนี้ให้จิ๊พูดออกมาจากพื้นยืนที่พวกคุณนึกว่าเป็นฝั่งฟ้าลานดาวกัน… นี่มันก็พื้นโลกธรรมดานั่นเอง เป็นท้องนาที่เงียบเหงาสิ้นดีก็ได้ หรือเป็นสถานที่พักเที่ยวชมทิวทัศน์แปลกตาก็ใช่อีก สุดแต่คนที่ยืนอยู่จะทำไว้ในใจอย่างไร… คุณล่ะคะ เห็นอะไรระหว่างลานดาวกับลานดินในภาพนี้?”

รูปถัดมาเป็นรูปเดิม ต่างแต่ถูกรีทัช ตกแต่งด้วยคอมพิวเตอร์ให้เหมือนรอยไม้แกะสลัก สีสันทั้งปวงถูกกลืนหายกลายมาเป็นเทาอ่อนทั้งหมด มองเห็นแค่เค้าความเป็นมนุษย์ที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอันอ้างว้าง

“พวกเรามีร่างกายเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แตกต่างที่ใครจะมีจิตเป็นมนุษย์เต็มภูมิได้ก่อนกัน เราเรียนรู้ที่จะละอายต่อบาปจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เราอาจต้องรับผลจากความผิดพลาดนั้นซ้ำๆกันยาวนานหลายปีกว่าจะแน่ใจว่าบาปกรรมมีจริง และมันจะไม่หายไปไหนตราบเท่าที่เรายังชดใช้ไม่หมด ต่อให้เราทะยานขึ้นฟ้า พุ่งหลาวลงน้ำ ขุดรูดำดิน ซุกซ่อนในถ้ำ กรรมก็จะไปพร้อมกับเราเป็นเงาตามตัว และกัดไม่ปล่อยตราบเท่าที่ยังไม่หมดกำลัง จิ๊เคยเหมือนตายแล้วเกิดใหม่มาก่อน นี่พูดจริงๆ จิ๊ความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย ซึ้งใจว่าเมื่อปราศจากความจำเพียงอย่างเดียว ก็เหมือนตัวตนของเราสูญสลายกลายเป็นอื่นไปแล้ว แต่ถึงแม้กลายเป็นอื่น ยังไงก็ต้องรับผลกรรมดีร้ายที่เคยทำไว้อยู่วันยังค่ำ”

รูปถัดมาอยู่ในมาดเซอร์ๆคล้ายศิลปินผู้บินเดี่ยวไปในโลกกว้างอันเสรี เสื้อยืดแสดแขนกุด กางเกงยาวสีสดลายพร้อย ผมโพกผ้าน่ารัก คอคล้องสร้อยคล้ายสายประคำยาวจนต้องซ้อนหลายทบ ติ่งหูห้อยตุ้มหูเป็นพวงดอกไม้ทำจากเกล็ดปลา ข้อมือมีกำไลหลากสีเป็นแผง นิ้วสวมแหวนวงโตพรายแพรว ลานดาวยืนแจกจ่ายปลายข้าวปลาป่นอยู่ริมน้ำในวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีนกพิราบเชื่องๆนับร้อยตัวกรูมารุมล้อมครึ้มไปหมด สองสามตัวเกาะแขนซ้ายที่หล่อนยื่นออกไปตรงๆ หญิงสาวยืนเอียงหน้ามองนกบนแขนตนเองยิ้มๆ ขณะเดียวกับที่มือขวายื่นอาหารป้อนพวกมันถึงปาก

“ทำไมคนเราถึงอยากให้ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องให้? นี่คือสิ่งที่จิ๊เคยสงสัยเสมอ และกว่าจะได้คำตอบก็ต้องให้มากเสียจนไม่เหลือที่ว่างเผื่อไว้สำหรับความสงสัยใดๆอีก เราให้เพื่อจะได้เสวยสุขจากการให้ไงคะ หนทางในโลกที่เคยคับแคบและมืดมนดูเปิดสว่างกว้างขวางกว่าครั้งที่จิ๊เป็นนังจอมงกเยอะเลย ตอนเราตระหนี่นี่เหมือนกอดก้อนมืดอะไรก้อนหนึ่งที่น่าอึดอัดไว้กับตัว แต่เวลาใจดีพอจะเผื่อแผ่นี่กลับโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกเสียได้ บางทีเราไม่มีวันเห็นความจริงหลายๆเรื่องจนกว่าจะทำอะไรแตกต่างไปจากเคย อย่างเช่นเมื่อทำทานมากพอถึงจุดหนึ่ง ก็อาจแปรความคิดจาก ‘ให้ให้โง่เหรอ’ เปลี่ยนเป็น ‘หวงทำไมให้หนักกระหม่อม’ ซะอย่างนั้น”

รูปถัดมาสวมชุดขาว เสื้อครึ่งแขนและกระโปรงยาวแบบเดียวกับผู้หญิงที่ตั้งใจถือศีลแปดเข้าวัดปฏิบัติธรรม กำลังนั่งขัดสมาธิเพชรอยู่หน้าตั่งไม้สักอันเรียงชั้นวางพระพุทธรูปงามอร่ามหลากหลาย ใบหน้าอิ่มเอิบ ยิ้มบางอย่างคนมีความสุขอยู่กับตนเอง มีความสนิทนิ่งในภายในที่เป็นของจริงให้รู้สึกได้แม้เพียงเมื่อเห็นด้วยตาเปล่า

“ห้องพระบ้านของจิ๊นี้คุณพ่อคุณแม่ลงทุนไปไม่รู้กี่แสน ด้วยศรัทธาสร้างถาวรวัตถุที่เป็นสิริมงคลประจำบ้าน จิ๊เป็นเด็กใจบาปที่เดินผ่านห้องพระไปเฉยๆอยู่หลายปี เพิ่งมาเมื่อไม่นานนี้เองที่ได้เข้ามาอาศัยความสงบเย็นของห้องให้เป็นประโยชน์ สมาธิเป็นภาวะที่ทำให้เรารู้จักตัวเองในอีกมิติหนึ่ง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลกเมื่อสภาพจิตของเราแตกต่าง สมาธิที่ดื่มด่ำทำให้มุมมองเกี่ยวกับความมีตัวตนของเราผิดแผกไป ความคิดที่เราเชื่อ โลกที่เรายึดมั่น ดูเหมือนหายหนไปหมด เหลือแต่ความสุขสงบไร้ความวุ่นวายปรากฏแก่ใจเท่านั้น… อย่าเชื่อนะคะว่านั่งสมาธิแล้วเป็นบ้า ถ้านั่งถูก เฝ้ารู้ลมหายใจไปเล่นๆเรื่อยๆโดยไม่คาดหวัง พอสงบถูกส่วนเข้าก็เห็นเองแหละว่าคนปกติไม่นั่งสมาธินั้นเป็นบ้าอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยรู้ตัวกันเท่าไหร่… พ่อแม่บำรุงผิวจิ๊ด้วยสารพัดสารสกัดมาตั้งแต่เริ่มสาวแล้ว จิ๊เพิ่งรู้ว่าสารอะไรก็สู้การทำสมาธิไม่ได้หรอก ความเปล่งปลั่งที่ฉายขึ้นมาจากแสงสว่างในจิตวิญญาณนั้น ดูดีกว่าความผ่องอันเป็นผลผลิตของเทคโนโลยีใหม่ๆเยอะ คงเทียบได้กับรัศมีระหว่างเพชรแท้กับพลอยเทียมมั้งคะ”

รูปถัดมาใส่ชุดกระโปรงสีชมพูหวาน ยืนรดน้ำให้กอกุหลาบงามข้างห้องกระจก สายตาจับกลีบใบไม้ดอกอย่างมีความสุข

“ถ้าคนธรรมดาเคยสุข เคยทุกข์ เคยผิดหวัง เคยร้องไห้ เคยเผลอทำสิ่งเลวร้ายกับคนที่เรารัก จิ๊ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน หากคัดแยกเอารูปร่างหน้าตา เอาบ้าน เอารถ เอาฉากสวยงามทั้งหลายออกไป จิ๊จะเหลือแต่จิตใจที่ยังทุกข์ได้แบบเดียวกับพวกคุณทุกคน ถ้ามองอย่างเข้าซึ้งถึงจิตใจมนุษย์ คุณจะเห็นจิ๊เป็นเพียงเพื่อนร่วมทุกข์รายหนึ่ง ไม่ใช่นางในฝันที่นักประพันธ์เสกคำง่ายๆว่าเธอสวย เธอรวย เธอเก่ง เธอมีความสุข แถมว่างๆเธอนั่งสมาธิเดินจงกรมอีกต่างหาก… ใครๆอาจคิดคำพูดพรรค์นี้แบบเห็นเป็นเรื่องเล่นได้ทุกเวลา แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นจริง ก็ต้องอาศัยใครสักคนที่มีตัวตน มีเลือดเนื้อ มีจิตวิญญาณ ก่อกรรมอันสมควรจะได้เป็นเช่นนั้น ทั้งด้วยความคิด ด้วยคำพูด และด้วยการกระทำ… คุณเองและคนทั้งโลกก็สามารถ คิด พูด ทำ ในแบบที่จะเป็นอย่างนี้ได้ เพราะกรรมเป็นของกลาง และเป็นศักยภาพของมนุษย์เสมอกันทุกรูปนาม”

รูปถัดมาแบ่งเป็นสองซีกในหน้าต่างเดียวกัน ซีกหนึ่งยืนเขย่งเท้าขวา ดีดเท้าซ้ายไปข้างหลัง ยืดตัวรวบมือชูสองแขนขึ้นสูง เม้มปากเอียงหน้าเล็กน้อยในท่าชะม้ายตามองกล้อง มีฉากเป็นเขื่อนศรีนครินทร์ อีกซีกหนึ่งคือภาพหัวเราะร่าเตะผิวน้ำกระจายเป็นฟองฝอย มีฉากหลังเป็นชั้นยอดสุดของน้ำตกเอราวัณ

“ชีวิตคนต้องทำอะไรบ้าง ถ้าอ้างว่าทำอะไรไม่ค่อยเป็น ก็หัดทำใจดูเถอะค่ะ ลงทุนน้อยที่สุด และผลลัพธ์คุ้มค่าเกินจาระไนหมด ถ้าทำใจเป็นแล้ว ใครเขาถามว่า ‘สบายดีหรือ’ สักกี่ครั้ง เราก็จะตอบเขาโดยไม่ต้องฝืนโกหกได้ทุกทีว่าสบายและยิ้มง่ายเหมือนคนบ้าเพราะสำลักสุขอยู่ทั้งวัน… แต่หากทำใจไว้ผิด ต่อให้มีเปลือกชีวิตเป็นบ้าน รถ และเสื้อผ้าอาภรณ์แบบจิ๊ หรือยิ่งกว่าจิ๊ร้อยเท่า ใจก็จะไม่สบาย แล้วในที่สุดต้องกลายเป็นคนบ้าชนิดยิ้มไม่ออก สำคัญผิดว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ ตายๆเสียจะได้พ้นไป… สิ่งหนึ่งที่พวกเราเสมอกันมาแต่เกิดคือความไม่รู้ ความไม่รู้บันดาลให้เราทำดี ทำร้าย ตัดสินใจผิด ตัดสินใจถูก และกระทั่งอาจตัดสินใจผิดครั้งร้ายแรงที่สุด ที่ไม่ยอมทนอยู่จนเกิด ‘ความรู้’ เกี่ยวกับตัวเอง ความรู้จริงเกี่ยวกับเรื่องของตนเองเป็นสาระแก่นสารที่ประเสริฐกว่าอะไรอื่น อุตส่าห์เป็นเจ้าของอัตภาพมนุษย์ที่ทำกรรมโกยกุศลเข้าตัวได้สารพัดชนิดแล้วอย่างนี้ ต้องคำนึงทำไมว่ายากดีมีจน ขี้ริ้วหรือสวยหล่อ เปลือกพวกนั้นวันหนึ่งธรรมชาติจะมาเรียกคืนจากเราทุกคน แล้วถามว่าชั่วอายุขัยของความเป็นมนุษย์นี้ เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง สั่งสมอะไรไว้บ้าง เพื่อการเดินทางไกลในครั้งต่อไป… ตระเตรียมคำตอบไว้ดีๆนะคะ”


ผู้เข้าเยี่ยมส่วนใหญ่ที่เป็นขาประจำของเว็บไซต์คู่มือนักฆ่าตัวตายต่างพากันดูภาพและคำบรรยายเหล่านั้นของลานดาวด้วยอาการตกตะลึงอ้าปากค้างราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน เพราะแม้แต่ฝันยังไม่เคยถึงครึ่งหนึ่งของความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าแม่ประจำเว็บที่เรียกว่าตัวเองมาตลอดว่าจิ๊บ้าง พี่จิ๊บ้าง น้องจิ๊บ้าง หนูจิ๊บ้าง

วันแรกของการปรับปรุงเว็บไซต์นั้น มีคนเข้าเยี่ยมชมเพิ่มมากขึ้นอย่างมโหระทึก แฟนๆแย่งกันตั้งกระทู้ครึกโครม ส่วนใหญ่จะส่งสารรัก หรือแสดงอาการคล้ายจะคลุ้มคลั่งอกแตกด้วยแรงพิศวาสลานดาวเกินทน ที่ผ่านมาแค่อ่านความเห็นของหล่อนในนามว่าจิ๊อย่างเดียว ก็มีหนุ่มสาวเพ้อครวญด้วยความหลงใหลเสน่ห์ในอักษรอันทรงเอกลักษณ์กันจะแย่อยู่แล้ว นี่มาบวกเข้ากับรูปคมชัดแสงสีดีเยี่ยมของตัวจริงที่สวยยิ่งกว่านางแบบเข้าให้อีก คนธรรมดาที่ไหนจะไม่หลงรักสุดจิตสุดใจไหวเล่า

วันนั้นอมฤตชวนลานดาวกับมาวันทาไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาที่หัวหินด้วยกัน กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯก็เกือบสี่ทุ่ม ทั้งสามตกลงกันแต่แรกว่าจะมาร่วมดูผลลัพธ์ของการนำตัวตนลานดาวชูเด่นเป็นพรีเซ็นเตอร์ประจำเว็บคู่มือนักฆ่าตัวตายที่ห้องนอนของเจ้าตัว

ลานดาวเปิดคอมพิวเตอร์ต่อเข้าอินเตอร์เน็ตด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งวันหล่อนเฝ้าคิดถึงแต่ผลที่จะออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ แน่นอนว่าร่องรอยปฏิกิริยาของผู้คนจะไปสะท้อนรวมอยู่ที่หน้ากระดานข่าวประจำเว็บนั่นเอง

นางเอกของห้องหัวเราะเบาๆ ถูมือเล็กน้อยก่อนคลิกเข้าสู่กระดานข่าว โดยมีพี่หมอทั้งสองยืนออรอดูอยู่เบื้องหลังอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน

“โอ้โห!”

มาวันทาเป็นคนร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นตัวเลขผู้เข้าเยี่ยมพุ่งพรวดเพิ่มขึ้นจากเมื่อคืนเกือบแปดพัน ทั้งที่แต่ละวันมีขาประจำกับขาจรรวมกันแค่หลักร้อยต้นๆเท่านั้น แน่นอนนี่แปลว่าต้องมีการชักชวนญาติสนิทมิตรสหายแห่เข้ามารุมดูรูปคนสวยกันยกใหญ่ แม่เหล็กใหม่ประจำเว็บอุบัติขึ้นแล้ว

พอเลื่อนลงไปดูส่วนของกระทู้ สองสาวก็ต้องเบิกตาโตพร้อมกันอีกคำรบ เพราะตัวเลขรายงานจำนวนกระทู้ตั้งใหม่เพิ่มกระฉูดจากวันละไม่เกิน ๕ กระทู้เป็นอย่างมาก ทวีตัวขึ้นในคราวเดียว เกือบร้อยกระทู้ นับเป็นจำนวนที่ดุเดือดยิ่ง ฉายกระแสความร้อนแรงสุดขีดเกินพิกัดจริงๆสำหรับกระดานข่าวเล็กจ้อยแห่งนี้

กระทู้ตั้งใหม่จะมีเสียงเรียกพี่จิ๊ คุณจ๊ะ หรือลานดาวกันเสีย ๙๐% มีประเด็นอื่นแทรกแซมอยู่หน่อยเดียว บางตาเต็มที อมฤตเอื้อมมือไปบีบไหล่แฟนสาวเบาๆ

“สงสัยพี่ต้องเตรียมรับมือกับกองทัพคู่แข่งดีๆแล้วล่ะ”

ลานดาวหัวเราะเสียงสั่น ใจฟูจนเกินระงับ ความจริงหล่อนเคยเผชิญกับกระแสความคลั่งไคล้ของฝูงชายบ้ารักมานักต่อนัก ทว่าครั้งนี้แตกต่างกัน เป็นคนละบรรยากาศกัน เพราะหล่อนทำบางอย่างที่รู้สึกว่ามีคุณค่า มีความหมาย และน่าจะมีผลกระทบในทางดีกับโลกบ้างแล้ว

หญิงสาวเลือกคลิกดูกระทู้ของคนคุ้นอย่างน้องโบเอ้ก่อนเป็นอันดับแรก ชื่อกระทู้คือ ‘ว้ายตาย! นี่หรือพี่จิ๊ของน้องโบเอ้?’

“ว้าวๆๆ!!! ไม่นึกเลยว่าพี่สาวของโบเอ้เป็นนางฟ้า เห็นแล้วอึ้งจุกอกพูดไม่ออกเลยค่ะ แค่อยากบอกว่าพี่จิ๊เป็นแรงบันดาลใจของโบเอ้มานาน คราวนี้เลื่อมใสอย่างท่วมท้น ขอสมัครเป็นสาวกเลยค่ะ ไม่ใช่แค่หนึ่งในแฟนคลับแล้ว!”

ถัดจากนั้นคือความเห็นต่อๆมาที่ให้การสนับสนุนผู้ตั้งกระทู้ ทุกคนชื่นชมและเหมือนมีหน้าเปื้อนยิ้มแบบม้าๆกันขณะเขียน เช่นบางคนพูดซื่อคล้ายตะโกนเผยหัวใจว่า‘ผมรักคุณ!’ บางคนพร่ำเพ้อพรรณนารูปโฉมลานดาวเสียหยดย้อยก่อนประกาศตัวเป็นทาสความงามของหล่อนตลอดกาล บางคนก็บอกว่าไม่จุใจ จะเอาอีก เรียกร้องจะให้โพสต์รูปใหม่รายวันกันทีเดียว

หลายกระทู้ที่เจาะจงยิงประเด็นมาหาลานดาวไม่นับว่าไร้สาระไปเสียหมด เพราะมีคำถามเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกัน อย่างเช่นขอให้ช่วยเล่าวิธีผ่านประสบการณ์ยากลำบากในชีวิต หรือขอแนวทางเริ่มนั่งสมาธิ อีกทั้งแต่ละกระทู้ก็มีผู้เข้ามาร่วมออกความเห็นเต็มไปหมด บางที อ่านกันตาลายก็ไม่จบสิ้น ไม่มีกระทู้ไหนเลยที่ขึ้นจำนวนผู้ตอบเป็นศูนย์

“ไหนลองดูกระทู้นี้ซิ”

มาวันทาชี้เมื่อลานดาวปิดหน้าต่างหนึ่งทิ้งไป และกำลังเลือกคลิกกระทู้ใหม่อยู่ กระทู้ที่แพทย์สาวชี้นั้น ผู้ตั้งใช้นามว่า ‘คนเคยคิดจากไป’ โดยมีชื่อกระทู้คือ ‘ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งนะคะคุณจิ๊’ ข้อความที่ปรากฏในกระทู้ให้บรรยากาศผิดแผกจากเคย

“ดิฉันเข้ามาอ่านหาความรู้จากที่นี่ตั้งแต่แรกๆ เพราะสะดุดกับเนื้อหาทางเลือกในการฆ่าตัวตายอย่างสงบของเว็บ เมื่ออ่านแล้วก็เฝ้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะเลือกจากโลกนี้ไปด้วยวิธีไหน…

“ดิฉันไม่เคยอยากได้คำปลอบประโลม เพราะทุกข์ของเรา มีแต่เราเท่านั้นที่เข้าใจ ที่ผ่านมาต้องอยู่ตัวคนเดียว ต่อสู้เลี้ยงชีวิตมาตามลำพัง เคยเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ ๖ ขวบ เคยถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนตั้งแต่ ๑๒ เคยเป็นเด็กหนีออกจากบ้าน เคยเป็นนักเรียนทุนเสี่ย เคยเป็นเด็กเสิร์ฟ เคยเป็นพนักงานขายประกัน เคยเป็นสาวอะโกโก้ เคยแต่งชุดนักศึกษาไปยืนดักเคาะกระจกรถผู้ชาย และในที่สุดก็เคยพบกับความรักที่ไม่นึกฝันว่าจะได้พบ… จึงได้รู้ว่าความเจ็บปวดทั้งหลายในชีวิตรวมกัน ยังไม่เท่ากับถูกคนๆเดียวที่รักเราจริงทอดทิ้งไปในเวลาอันสั้นเลย…

“ดิฉันเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง ทั้งกรีดข้อมือ ทั้งเอาหัวโขกผนัง ทั้งโดดน้ำ แต่ก็ใจไม่ถึงพอ หรือมีคนช่วยมาตลอด ล่าสุดเมื่อสองวันก่อนก็เพิ่งกินยานอนหลับไปกำมือหนึ่ง แต่เวรกรรมที่ยังตื่นขึ้นมาได้อีก… ก็ได้แต่คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรวบรวมกำลังใจได้ค่อยเอาใหม่…

“วันนี้ดิฉันได้ดูรูปและอ่านข้อความของคุณจิ๊ด้วยความยินดีกับชีวิตที่เป็นสุขพรั่งพร้อม เพราะชื่นชมคุณจิ๊มานาน คุณคงไม่รู้หรอกว่าบางวันดิฉันอยากอยู่ต่อเพียงเพื่ออ่านข้อความที่น่ารักของคุณ คำที่คุณเคยบอกกับดิฉันโดยตรงเช่น อย่าจากไปไหนเลย อยู่เป็นเพื่อนจิ๊ก่อน… สั้นๆ ธรรมดาๆแค่นั้น มันมีความหมายกับดิฉันขนาดไหน คุณทำให้ดิฉันเหมือนรู้สึกว่ามีเพื่อน มีคนเห็นใจ มีความอบอุ่นเล็กๆเกิดขึ้นในอก และช่วยยับยั้งดิฉันได้มากกว่าคำขู่เช่น ‘ถ้าอยากรู้ว่าฆ่าตัวตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้นึกถึงทุกข์หนักที่สุดในชีวิต นึกให้ชัดๆแล้วคูณสองเข้าไป’ ดิฉันไม่กลัวคำขู่ของคนไม่รู้จริง แต่ซาบซึ้งน้ำใจของคนเมตตาจริงมากกว่า…

“ค่ะ… ดิฉันใช้ชื่อว่า ‘คนที่กำลังจะจากไป’ มาตลอด และเพิ่งตัดสินใจขอเปลี่ยนอย่างถาวรเป็น ‘คนเคยคิดจากไป’ เดี๋ยวนี้เอง ดิฉันจะไม่จากไปไหนอีกแล้ว ตั้งแต่เห็นคุณจิ๊นั่งกอดเข่ากลางนา ทันทีที่อ่านข้อความใต้ภาพที่ถามว่าเชื่อไหม คุณจิ๊เคยอยากตายมาก่อน ดิฉันถึงกับร้องไห้โฮ หายสงสัยเป็นปลิดทิ้งว่าทำไมคุณจิ๊มาทำเว็บช่วยคนคิดฆ่าตัวตายอย่างนี้ ดิฉันจะพิมพ์รูปนั่งดูอาทิตย์ตกดินของคุณจิ๊มาประดับหัวเตียงไว้ระลึกเสมอว่าดิฉันตัดสินใจอยู่ต่อเพราะอะไร คุณเป็นตัวอย่างของมีชีวิตต่อไปเพื่อให้กำลังใจคนอื่น ดิฉันจะเจริญรอยตามและนึกถึงบุญคุณนี้ตลอดไป”

ลานดาวอ่านจบแล้วหายใจขาดห้วง สะเทือนแรงจนสะกดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต้องปล่อยให้หยาดลงมาเป็นสาย เกิดมาไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกชนิดนั้นเลย อยากปล่อยโฮก็นึกอายพี่ๆที่ยืนอยู่เบื้องหลัง จึงเม้มปากแน่นเพื่อระงับไว้ แต่พอได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเล็กๆจากมาวันทา ทุกอย่างก็ทะลักทลาย ลานดาวหมุนเก้าอี้หันไปโผกอดพี่สาว ปล่อยตัวเองตามสบายให้หัวเราะกึ่งร้องไห้เต็มที่ ซึ่งมาวันทาก็น้ำตาคลอหน่วย กอดตอบอย่างจะร่วมแสดงความยินดีกับรางวัลวิเศษสุดของน้องสาว

สำหรับอมฤตผู้เคยชินกับเรื่องช่วยคนให้รอดพ้นจากความทุกข์และความตาย ทั้งป่วยทางกายและป่วยทางจิตมาหลายปีดีดัก ได้แต่ยิ้มเย็นอย่างปลาบปลื้มในตัวคนรัก เอื้อมมือไปขยี้ศีรษะในอ้อมอกของมาวันทาเพื่อแสดงออกถึงความมีอารมณ์ร่วมตาม

“พรุ่งนี้เราตระเวนแจกซีดีให้ดีเจทั่วกรุงเทพฯกันตามแผนของเอิน เขาเห็นหน้าจ๊ะและฟังเพลงเด็ดแล้วคงยินดีเปิดให้ทันที…”




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น