ถ้าชีวิตคุณเป็นทุกข์
แปลว่าคุณกำลังมีคะแนนติดลบชั่วคราว
วิธีคิดคะแนนในเกมกรรม
เกมทั่วไปมักมีการสะสมคะแนนเป็นบวกขึ้นไปเรื่อยๆ
แล้วตัดสินแพ้ชนะกันตรงที่ใครได้คะแนนมากกว่าเมื่อหมดเวลาเล่น
เช่นในเกมฟุตบอลพอหมดเวลาใครยิงประตูได้มากกว่ากัน
หรือตัดสินกันตรงที่ใครได้คะแนนตามเป้าก่อนคู่แข่งขัน
เช่นในเกมปิงปองข้างใดทำคะแนนถึง ๑๑ ก่อนก็ชนะไป
ส่วนเกมกรรมจะไม่ใช่เช่นนั้น
นอกจากสะสมคะแนนบวกแล้ว ยังมีการสะสมคะแนนลบอีกด้วย คะแนนทั้งบวกและลบจะสั่งสมไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบเกมแล้วตัดสินรวบยอดเมื่อตายลงในชาติหนึ่งๆ
ในระหว่างมีชีวิตแม้จะปรากฏร่องรอยการสั่งสมคะแนนบ้าง เช่นปกติมีสีหน้าหมองคล้ำ
หรือมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เบิกบานเป็นประจำ
ก็ไม่ชัดเจนเท่าเมื่อธรรมชาติกรรมวิบากพิพากษายามขาดใจตาย เพราะใบหน้าทั้งหมดจะถูกปรับเปลี่ยน
แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สำหรับคะแนนบวกจะหมายถึงบุญ
อันเป็นตัวบันดาลให้ใจเป็นสุข และบันดาลชีวิตให้เป็นไปในทางดี
ส่วนคะแนนลบจะหมายถึงบาป อันเป็นตัวบันดาลให้ใจเป็นทุกข์
และบันดาลชีวิตให้เป็นไปในทางร้าย ขอให้เข้าใจว่าคะแนนบุญกับคะแนนบาปจะไม่นำมาหักลบกัน
บุญให้ผลในทางดีส่วนหนึ่ง เป็นต่างหากจากที่บาปก็ให้ผลในทางร้ายอีกส่วนหนึ่ง
เช่นชอบด่าคนสาดเสียเทเสียจนติดนิสัย ผลอาจทำให้ปากเบี้ยวไม่น่าดู
แต่ตอนถวายทานแด่สมณะมีความเลื่อมใสในทาน มีความศรัทธาในผลของทาน
ผลย่อมปรุงแต่งให้ผิวพรรณงดงาม
สรุปออกมาชาติใหม่คือรูปร่างและผิวพรรณงดงามแต่เป็นคนปากเบี้ยว เป็นต้น
การเก็บคะแนนแต่ละแต้มนั้น
วัดกันด้วยนิสัยที่ตั้งมั่นถาวรระดับหนึ่ง
คือไม่ใช่แค่ทำความดีหนึ่งครั้งแล้วเก็บได้หนึ่งคะแนน
และไม่ใช่ทำความชั่วหนึ่งครั้งแล้วถูกหักหนึ่งคะแนน
คุณจะต้องทำดีอะไรอย่างหนึ่งเป็นปกติ จึงจะเพิ่มคะแนนบวกหนึ่งคะแนน
และจะต้องทำชั่วอะไรสักอย่างเป็นประจำ จึงจะเพิ่มคะแนนลบหนึ่งคะแนน
ส่วนการทำดีชั่วเพียงชั่วครู่ชั่วยามจะถูกนำไปเก็บในรูปของแต้มปลีกย่อยต่างหาก
และไม่ถูกนำมาคิดคำนวณตัดสิน ‘แพ้ชนะ’ ยามเลิกเล่นเกมในแต่ละชาติจริงจังนัก
การตัดสินจากผลคะแนนรวม
คล้ายคุณเล่นเกมที่ทำแต้มแลกของรางวัล
พอเล่นเสร็จก็จะมีคนตรวจดูว่าคุณได้กี่แต้ม แล้วเอาของรางวัลมามอบให้คุณตามเกณฑ์
ซึ่งอาจมีความสมน้ำสมเนื้อหรือบิดพลิ้วก็ขึ้นอยู่กับความยุติธรรมของกรรมการตัดสิน
แต่สำหรับเกมกรรมนั้น พอเล่นเกมจบในแต่ละชีวิต
ธรรมชาติจะพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมว่าคุณมีแต้มบวกสมควรได้รับรางวัลเป็นอะไรบ้าง
รวมทั้งดูด้วยว่าคุณมีแต้มลบสมควรได้รับบทลงโทษสักแค่ไหน
ในที่นี้เพื่อความเข้าใจง่ายและเห็นภาพรวมได้ชัด
จะขอกล่าวเฉพาะสมบัติ ๑๐ ข้อที่ทุกคนต้องมีเมื่อเป็นมนุษย์
แต่ละข้อใช้เป็นเครื่องชี้ว่าเอาคะแนนเป็นบวกหรือเป็นลบมาแลก
๑) พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ผู้ปกครองที่เลี้ยงดูคุณ
เฉพาะที่มีอิทธิพลกับชีวิตตลอดจนความรู้สึกนึกคิดของคุณ
หากคุณได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี มีการเอาใจใส่
ทำให้โตขึ้นมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นมั่นคง ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากท่านหรือพวกท่านทำให้คุณโตขึ้นมาท่ามกลางความสับสน ว้าเหว่
และไม่มีฐานความรู้สึกที่มั่นคง ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง
แต่หากคุณรู้สึกว่าโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูแบบครึ่งดีครึ่งร้าย
ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๒) เพศ คุณจะเป็นชายหรือหญิงไม่สำคัญ
สำคัญที่คุณภูมิใจในเพศของตนเองหรือไม่ หากภูมิใจ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากคุณมีปมทางเพศ ไม่ชอบเพศตนเอง อยากเป็นเพศอื่น ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง
แต่หากคุณไม่มีความภูมิใจ ขณะเดียวกันก็ไม่มีความเสียใจในเพศของตนเอง
ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๓) รูปร่างหน้าตา ตลอดจนผิวพรรณ
ถ้าปกติรู้สึกว่าเดินไปไหนมาไหนแล้วเด่นเกินใครเป็นประจำ
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากไปไหนมาไหนแล้วรู้สึกตลอดเวลาว่ามีปมด้อยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากมีความรู้สึกประมาณไม่น้อยหน้าใคร
ขณะเดียวกันก็ไม่เกินหน้าใคร ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๔) แก้วเสียง ขอให้นับเอาตอนพูดปกติ
อย่าดูตอนร้องเพลงหรือพยายามดัดเสียงเฉพาะกิจ
หากคุณภาพเสียงเป็นที่ยอมรับสำหรับตัวคุณเองและคนรอบข้าง ว่าเป็นกังวานน่าฟัง
หรือมีอำนาจดึงดูดใจในทางดี ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากเสียงแหบแห้งไม่น่าฟัง หรือคุณได้ยินตัวเองเปล่งเสียงจากเครื่องบันทึกแล้วรู้สึกระคายโสต
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากน้ำเสียงของคุณฟังธรรมดา
ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๕) สุขภาพ รวมทั้งกำลังวังชาที่จะทุ่มเททำงาน
หากคุณรู้สึกว่าร่างกายโปร่งเบา เคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงไม่ติดขัด
ตลอดจนทำงานหนักได้เต็มที่โดยไม่เหนื่อยง่าย ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากคุณรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง มีอวัยวะบกพร่องเป็นเหตุให้เคลื่อนไหวจำกัด
หรือกระทั่งขี้เกียจเพียงเพราะเหตุผลตื้นๆคือร่างกายอ่อนแอ
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากสุขภาพของคุณอยู่ในระดับพอใช้ได้ ไม่เหนื่อยง่ายเกินไป
แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้กระตือรือร้นอยากใช้กำลังเยี่ยงนักกีฬา
ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๖) ฐานะ ไม่ใช่วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
แต่วัดกันที่ความสบายใจ ความรู้สึกมั่นคงในทรัพย์สินและความสามารถใช้จ่ายตามจำเป็น
อย่างน้อยซื้อหาปัจจัย ๔ คืออาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม
และยารักษาโรคได้ตลอดไม่ขาดสาย
หากรู้สึกว่าคุณมีอำนาจจับจ่ายใช้สอยตามใจชอบได้เกินกว่าปัจจัย ๔
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณอึดอัดกลุ้มใจเกี่ยวกับการเงินที่ลุ่มๆดอนๆ
ใช้จ่ายได้แบบกระเบียดกระเสียร หรือกระทั่งเดือดร้อนเรื่องปัจจัย ๔
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากรู้สึกตึงๆ ไม่มีสำหรับฟุ่มเฟือย
แต่มีรายได้เรื่อยๆเพียงพอสำหรับซื้อหาปัจจัย ๔ ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๗) ที่อยู่อาศัย
คนรวยไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ที่ดี
ลูกเศรษฐีบางคนต้องทนอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตแต่ทึบทึม และเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมน่าอึดอัด
บ้านที่ดีจะก่อความรู้สึกที่ดี และอยู่อาศัยด้วยความปลอดโปร่งสบายใจ
เป็นจุดเริ่มต้นดีๆสำหรับชีวิตและการงาน หากคุณมีบ้านที่น่าอยู่
ชวนให้อยากกลับมามีความสุขที่บ้าน แม้ไม่กว้างขวางใหญ่โต
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณมีบ้านที่ไม่ชวนให้อยากพัก
ชวนให้อยากออกไปค้างคืนข้างนอก แม้กว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่า
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณไม่ถึงกับต้องฝืนใจอยู่
และไม่ถึงกับเจริญตาเจริญใจมากมาย ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๘) ครู ทุกคนต้องมีครู
จะหลงลืมหรือระลึกได้ก็ตาม นับแต่ครูอนุบาลเป็นต้นมา
บางคนก็มีพ่อแม่ที่บ้านเป็นครู
หากใช้ใจของคุณรวมครูทุกคนที่มีอิทธิพลทางความคิดมาเป็นคนๆเดียว
แล้วถามตัวเองว่าท่านทำให้คุณมีความรู้ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
หรือมองโลกในแง่ดีร้ายเพียงใด
หากครูของคุณโน้มเอียงไปทางสอนให้ขวนขวายหาวิชาใส่ตัวและเป็นคนดีมีศีลธรรม
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากครูของคุณโน้มเอียงไปทางสอนให้ทุจริตคิดคดและเป็นคนเห็นแก่ตัวหมั่นเบียดเบียนคนอื่น
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากครูของคุณไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ
คุณมองโลกดีร้ายด้วยเหตุปัจจัยอื่นๆ ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๙) ความเฉลียวฉลาด
หมายถึงความสามารถที่จะเรียนรู้และเข้าใจวิชาต่างๆ
ตลอดจนกระทั่งความรวดเร็วในการพบวิธีแก้ปัญหา โลกนี้เต็มไปด้วยปัญหา
ผู้แก้ปัญหาได้มากและได้ก่อนคือผู้ที่ฉลาดกว่า
หากคุณฉลาดพอจะเอาตัวรอดและช่วยคนอื่นได้มาก ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณฉลาดน้อยและต้องพึ่งพาผู้ฉลาดกว่าเพื่อแก้ปัญหาเสมอๆ
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณเป็นฝ่ายแก้ปัญหาบ้าง
เป็นฝ่ายพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยแก้ปัญหาบ้าง ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๑๐) วิธีใช้สติคิดอ่าน หมายถึงวิธีคิด
วิธีมอง ระดับความหนักแน่นคงเส้นคงวาของจิตใจ
ตลอดจนความสามารถยับยั้งชั่งใจไม่ให้หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณทำให้คุณเป็นสุขและเอาตัวรอดได้ในเกือบทุกสถานการณ์
ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง
หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณลากคุณลงสู่ห้วงทุกข์ทั้งที่ไม่จำเป็น ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง
แต่หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณพาจนบ้าง ลากเข้าสู่มุมอับบ้าง
สลับกับนำความสุขความเจริญบ้าง ส่องให้เห็นทางออกจากความมืดแปดด้านบ้าง
ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
จะเห็นว่าสมบัติแต่ละข้อล้วนก่อแนวโน้มว่าชีวิตคุณจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์
ฉะนั้นเมื่อผสมผสานองค์ประกอบชีวิตเหล่านี้เข้าด้วยกัน
ย่อมเป็นประมาณความสุขความทุกข์ที่เกิดประจักษ์กับใจ
๑) –๑๐ ถึง -๖ คะแนน
แปลว่าคุณเสวยทุกข์มากที่สุดจากชีวิตมนุษย์
๒) -๕ ถึง -๑ คะแนน
แปลว่าคุณเสวยทุกข์มากเอาการจากชีวิตมนุษย์
๓) ๐ แปลว่าคุณครึ่งสุขครึ่งทุกข์
แต่มีความโน้มเอียงที่จะเป็นทุกข์มากกว่าสุข
๔) ๑ ถึง ๕ คะแนน
แปลว่าคุณเสวยสุขเป็นอันมากจากชีวิตมนุษย์
๕) ๖ ถึง ๑๐ คะแนน
แปลว่าคุณเสวยสุขมากที่สุดจากชีวิตมนุษย์
บุญเป็นที่มาของความสุข
ถ้าองค์ประกอบในชีวิตใครสร้างแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสุขทางกายทางใจมาก
ก็กล่าวได้ว่าเป็นคนมีบุญมาก สำหรับคนที่มีคะแนนต่ำ
ก็ใช่จะแปลว่าคุณมีบุญน้อยเสมอไป เพราะบางคนช่วงเสวยอำนาจจากบุญเก่าแล้วหลงเหลิง
เผลอทำบาปได้มาก
ฉะนั้นเมื่อเกิดใหม่จึงอาจมีสมบัติที่สะท้อนให้เห็นคะแนนลบมากสักหน่อย
คะแนนรวมนี้ยังสะท้อนความจริงที่สำคัญ คือถ้าคุณติดลบมากๆ
ก็จำเป็นต้องทำใจนิดหนึ่ง คุณจะต้องเพียรพยายามสร้างคะแนนบวกมากกว่าคนทั่วไป
ชีวิตจึงจะดีขึ้นในทางสว่าง
คุณต้องข่มใจเป็นอันมากที่จะไม่คิดมีชีวิตที่ดีขึ้นบนทางมืด
และหากคุณมีคะแนนติดลบอยู่แล้ว แต่ยังทอดหุ่ยไม่คิดทำชีวิตให้ดีขึ้น ไม่รู้ทางสว่าง
ไม่ขวนขวายปีนป่ายขึ้นจากก้นเหว ก็แปลว่าต้องเตรียมใจตกต่ำย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ส่วนคนที่มีคะแนนสูงๆ
ก็ไม่ได้แปลว่าคุณนอนใจได้ คุณเพียงกระหยิ่มใจได้มากหน่อยว่าถ้าคิดเอาดี
คิดพัฒนาตนเอง ก็ย่อมเป็นเรื่องง่าย ติดขัดอุปสรรคน้อย
เพราะคะแนนหนุนหลังจะช่วยส่งเสริมอย่างแข็งแรง
แต่ที่สำคัญคือถ้าคุณชะล่าใจคิดว่าทำอะไรก็ได้ ความชะล่าจะลากจูงพฤติกรรมผิดๆ
ตั้งแต่ผิดเล็กน้อยจนถึงผิดร้ายแรง สร้างคะแนนลบได้มากกว่าผู้มีทุนต่ำ
นั่นเพราะคนเราบารมียิ่งมากยิ่งเปิดโอกาสให้ทำชั่วได้ใหญ่โตมโหฬาร
เพียงวันเดียวคุณอาจทำคะแนนลบมากมายเสียจนทุนเดิมช่วยให้หลุดจากความหายนะไม่ได้เลย
บทต่อๆไปจะแสดงให้เห็นว่าทำอย่างไรจึงจะเพิ่มคะแนนบวกและลดคะแนนลบลงได้มากๆภายในชีวิตเดียว
อ่านต่อบทที่ ๔ >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น