ตอนที่ ๙.
สงครามความคิด
มาวันทาอาบน้ำใส่ชุดนอนเสร็จก็เข้าอินเตอร์เน็ตเนือยๆ
อ่อนเพลียและง่วงกว่าเคยสำหรับช่วงเวลาเดียวกันนี้
แต่ติดกิจวัตรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทำไมมาช้าจัง
พี่รอตั้งเกือบชั่วโมง”
ข้อความในรูปอักษรไทยนั้นส่งมาจากคนละซีกโลก
“มีน้องคนหนึ่งมาที่บ้านน่ะค่ะ
ขอโทษ”
หญิงสาวพิมพ์ตอบค่อนข้างช้า
ไม่รัวยิบด้วยความชำนาญพิมพ์อย่างเคย
“เพื่อนหมอเหรอ?”
“เปล่าค่ะ
ยังเป็นนักศึกษา เอินสอนเขาเล่นฟลุต”
“วันนี้เอินดูเนือยๆนะ
เหนื่อยหรือเปล่า?”
เขามักมีสัมผัสพิเศษ
อ่านอาการหล่อนได้จากข้อความที่เขียน ซึ่งมาวันทาเลิกประหลาดใจนานแล้ว
กับทั้งประสบการณ์เจอผู้วิเศษตัวจริงในวันนี้ก็ทำให้เห็นสัมผัสพิเศษของสามีนักบินเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็ก
“ก็นิดหน่อย”
“เล่นหมากรุกไหวไหม?”
ลัดธีร์พยายามทำให้หล่อนบ้าหมากรุกเหมือนเขา
จะได้ใช้เป็นสื่อสัมพันธ์ยามกายห่าง ซึ่งก็ได้ผล จากที่มาวันทาต้องฝืนใจในช่วงแรก
กลายเป็นความสนุก เสพรสบันเทิงแห่งการต่อสู้กันทางความคิดด้วยความสมัครใจ
ความจริงหล่อนเกลียดการแข่งขันเอาชนะ
โดยเฉพาะเกมที่ต้องมีใจคิดฟาดฟันฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับอับปางแบบเดียวกับการชกมวยที่ต้องทุบศัตรูให้ช้ำไปเรื่อยๆจนกว่าจะอ่อนกำลัง
แล้วจึงเข้าถึงสุดยอดของความเมามัน เผด็จศึกให้ลงไปนอนกองแบบหมดสิทธิ์ลุก
แต่ลัดธีร์ค่อยๆทำให้เห็นว่าเกมหมากรุกใช่จะเป็นไปเพื่อทำร้ายหรือชิงชัยกันท่าเดียว
การประมือบ่อยๆยังทำให้คู่เล่นรู้เห็นมุมมอง วิธีคิด และใจคอของอีกฝ่ายกว้างขวางขึ้น
มีความรู้สึกจดจ่ออยู่กับกันและกันมากขึ้น โดยรวมจึงทำให้ผูกพันกันมากขึ้น
ซึ่งมาวันทาพบตามจริงว่าเป็นไปตามที่เขาพูดไว้ จึงเห็นค่า
และถือเป็นกิจกรรมสำคัญระหว่างเขากับหล่อนยามห่าง
และการพัวพันกับใครในเกมหมากรุกนั้น
ก็ทำให้อุปาทานไปว่าอยู่ใกล้คนนั้นแค่เอื้อมตลอดเวลาที่เล่น
เนื่องจากสายตาและการใช้ความคิดมองตัวหมากในหน้าจอเป็นความรู้สึกเดียวกับเมื่อเผชิญหน้าเหนือกระดานจริงในระยะใกล้
ความเจ็บใจเมื่อถูกรุกฆาต ความปลาบปลื้มในชัยชนะ
ความตื่นเต้นเมื่อเป็นฝ่ายไล่หรือถูกล่า ปราศจากความแบ่งแยกแตกต่างแม้แต่น้อยระหว่างเล่นออนไลน์กับออฟไลน์
พอเริ่มคล่องในเกม
จากเดิมที่โรมรันกับลัดธีร์เพียงคนเดียว มาวันทาก็เริ่มออกกว้างขึ้น
อินเตอร์เน็ตมีนักหมากรุกรอเล่นด้วยตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทุกระดับฝีมือ
นับแต่มืออ่อนหัดเพิ่งเริ่มเตาะแตะไปจนกระทั่งมือพระกาฬบนหลังคาโลกหมากรุก ทำให้มือหล่อนแข็งขึ้นเรื่อยๆ
และกลับมาเล่นกับลัดธีร์สนุกกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อไปได้เทคนิคใหม่ๆมาเล่นงานเขา
คืนนี้เป็นครั้งแรกที่มาวันทาอยากทำอย่างอื่น
ไม่ใช่เล่นหมากรุก หรืออาจกระทั่งไม่ใช่คุยกับลัดธีร์ทางอินเตอร์เน็ต
หล่อนลองนึกถึงการยอมเสียค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อฟังเสียงจริงของกันและกัน
ก็ไม่รู้สึกถูกใจหรือสบอารมณ์อยู่ดี ทั้งที่ปกติจะคิดถึงสามีมาก
และอยากมีสื่อสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งกับเขาตลอดเวลา
เหมือนจู่ๆทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
แล้วก็ไม่อยากตั้งคำถามกับตนเองว่าเพราะเหตุใดจึงเปลี่ยนไป
เกือบพิมพ์ตอบเขาว่าเพลีย อยากนอน ทว่าก็รู้สึกผิด เพราะเหมือนโกหกกัน
และทำตัวห่างเหินโดยปราศจากเหตุผล จึงฝืนมือพิมพ์แบบจำใจบอก
“เล่นไหวค่ะพี่อ๋อง
ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น”
แล้วก็เปิดโปรแกรมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ซึ่งให้บริการเกมหมากรุกออนไลน์แห่งหนึ่ง
ซึ่งหล่อนกับลัดธีร์พบกันที่นั่นประจำ ลัดธีร์รออยู่ก่อนแล้ว
มาวันทาเรียกดูสถิติการเล่นล่าสุดของสามี ก็พบว่าระหว่างรอหล่อนเขาอาละวาดทั่ว
ขย้ำเหยื่อไปไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย
เกมปัจจุบันเป็นเกมเร็วที่ให้เวลาคิดเพียงฝ่ายละ
๓ นาที แพทย์สาวเข้าไปดูตามหน้าที่ ถือว่าเป็นขาเชียร์ส่วนตัว
ที่ต้องแสดงการชื่นชมความเก่งกาจเมื่อเขาสามารถไล่บี้คู่อริด้วยลวดลายเหนือชั้น
หรือร่วมแสดงความเสียดมเสียดายกับการพลาดท่าแพ้เพราะอ่านหมากผิด ลัดธีร์บอกว่าเล่นอย่างออกรสเป็นพิเศษทุกครั้งที่รู้ว่าหล่อนมาให้กำลังใจ
ยิ่งกว่าสมัยเรียนที่เป็นศูนย์หน้าหวดบอลเข้าประตูแล้วกองเชียร์กรี๊ดทั้งสนามเสียอีก
ขณะนั้นสามีของหล่อนเหลือเวลาคิดหนึ่งนาทีครึ่ง
แต่อีกฝ่ายเหลือแค่ ๕๐ วินาที แถมกำลังปวกเปียกป้อแป้ ออกอาการมั่วคล้ายคนเมาหมัดที่ชกซ้ายป่ายขวาอุตลุด
ลัดธีร์กำลังเป็นต่อ เหมือนกระทิงดุที่ขวิดคู่อาฆาตจนเลือดโชกร่าง
และยังคงมันเมาเข้ากระหน่ำ ชนเอาๆด้วยพลกำลังที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
หากใครอ่านหมากออก จะเห็นกระดานหมากรุกประดุจเวทีประลองกำลัง
สามารถสำเหนียกถึงกลิ่นอายความพ่ายแพ้อันน่าสมเพชของหมูสนาม
ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศสดชื่นตื่นเต็มด้วยกำลังวังชาหูตากว้างขวางของพยัคฆ์ร้าย
เสมือนสภาพจิตใจของแต่ละฝ่ายถูกฉายให้เห็นผ่านรูปหมากที่กำลังปรับแปรคลี่คลายไปเรื่อยๆสู่จุดจบนั่นเอง
ไม่มีการพลิกล็อก
ไม่มีการหลุดตาร้าย ลัดธีร์ทั้งเฆี่ยน
ทั้งเฉือนปฏิปักษ์เป็นแผลเหวอะหวะจนออกอาการขาดใจตาย
ตะกายกระดานยกมือยอมแพ้เสียก่อนจะต้องถูกรุกฆาต อันนับว่าเสียศักดิ์ศรีกว่ากัน
พอเสร็จจากทางนั้น
ลัดธีร์ก็บ่ายหน้ามาหาคู่ปรับคนสำคัญของเขาทันที
“พร้อมหรือยังคนสวย?”
เขาถามมาทางโปรแกรมสนทนาต่างหากจากโปรแกรมเล่นหมากรุก
มาวันทาเกิดความรู้สึกอย่างเคย คือตนกำลังจะเป็นเหยื่ออันโอชะรายต่อไปของเสือสนาม
ชั้นเชิงและประสบการณ์ของหล่อนเทียบไม่ติดเลยกับคนเจนสังเวียน
สามารถเอาชนะผู้ใหญ่มาตั้งแต่ก่อนสิบขวบอย่างลัดธีร์
ทว่าหล่อนก็มือแข็งพอจะไม่จนมุมง่ายๆ อย่างน้อยต้องต้อนกันแบบทุ่มเทพอสมควร
และเขาออกปากเองว่าต้องใช้กำลังในการพิชิตหล่อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ชมว่าหล่อนพัฒนาฝีมือได้เร็ว ชั่วเวลาปีเศษก็มีเรตติ้งของเกมเร็วที่สูงกว่า ๑๙๐๐
แล้ว ทั้งที่นักหมากรุกมือสมัครเล่นส่วนใหญ่นั้น
ต่อให้คร่ำหวอดกันหลายสิบปีก็มักไปติดแถวๆช่วง ๑๕๐๐ ถึง ๑๘๐๐ เป็นอย่างเก่ง
เรตติ้งหมากรุกเปรียบเสมือนค่าไอคิวเฉพาะทาง
ที่บอกความโตและจำนวนหยักในสมองของแต่ละคน
เรตติ้งที่เซิร์ฟเวอร์หมากรุกสาธารณะมีความน่าเชื่อถือสูง
เนื่องจากใช้สูตรคำนวณปรับคะแนนหลังแพ้ชนะเป็นสากลแบบเดียวกับสมาพันธ์หมากรุกโลก
แถมค่าบ่งบอกความแม่นยำก็มีตัวแปรเป็นผู้เล่นทั่วโลก ทุกเพศ ทุกวัย ทุกวรรณะ
ทุกเผ่าพันธุ์ ใครแน่ที่นี่ ก็น่าจะแปลว่าแน่ไปทุกมุมโลกด้วย
อัตตาของลัดธีร์พุ่งโด่งด้วยเรตติ้งช่วง
๒๔๐๐ ถึง ๒๕๐๐ ซึ่งเข้าขั้นไร้เทียมทานสำหรับนักเล่นทั่วไป
ทั้งในโลกอินเตอร์เน็ตและโลกความจริง
ส่วนใหญ่ถ้ามือแข็งระดับนี้มักเป็นนักหมากรุกอาชีพที่เล่นหากินตามรายการสำคัญมากกว่าจะเป็นพวกสมัครเล่นที่เข้ามาไล่ล่าหาเหยื่อเอาสนุกไปวันๆ
กระดานแรกของการเล่นระหว่างสองสามีภรรยาในค่ำคืนนี้
เซิร์ฟเวอร์ให้ลัดธีร์ได้หมากขาว ซึ่งเชื่อกันทั่วไปว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบเล็กน้อยในช่วงเปิด
นักหมากรุกหนุ่มขึ้นเบี้ยหน้าคิง ส่วนนักหมากรุกสาวตอบด้วยการขึ้นเบี้ยหน้าบิช็อป
กลายเป็นการเปิดแบบ Sicilian Defence ซึ่งถือว่าเป็นหมากอันตราย
เพราะเริ่มตั้งเค้าสู้กันได้ตั้งแต่ตาแรกๆ
ดูเหมือนลัดธีร์กำลังคะนองชัยจากการห้ำหั่นที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ
เขาขึ้นหมากสูง ละเลยการป้องกันตัวด้วยความประมาท เพียง ๗
ตาเดินแรกก็เห็นชัดว่าเป็นหมากเปิดใหม่ซึ่งหล่อนไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน
บ่อยครั้งที่เขาคิดขึ้นเองสดๆแบบอ่อยให้หล่อนมีโอกาสจัดสร้างชัยภูมิดีๆ
แล้วค่อยหาทางบุกเจาะให้ถล่มทลายภายหลัง
เช่นในครั้งนี้
เดินไปแค่ ๑๔ ตาลัดธีร์ก็ทำเรื่องน่าตกใจโดยการสละบิช็อปทิ้งแลกกับเบี้ย
เพื่อเปิดช่องโหว่ในปราการที่คิงมาวันทาหลบซ่อนอยู่
คล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาท่ามกลางอากาศปลอดโปร่ง ปราศจากเค้าเมฆฝนใดทั้งสิ้น
เป็นการตัดสินใจที่เหี้ยมหาญแบบนักรบที่ไม่กลัวตาย ขอให้ได้เป็นฝ่ายเริ่มเข้าทะลวงฟันก่อนท่าเดียว
จากสายตาของมาวันทา
สิ่งที่ลัดธีร์ทำในครั้งนี้น่าจะเป็นการทุ่มเสี่ยงแบบเล็งผลเลิศ
เอาพิมเสนแลกกับเกลือด้วยใจระห่ำ หาใช่เกิดจากความรู้แจ้งรอบคอบ
เขาคงเก็งด้วยสายตาคร่าวๆเท่านั้นว่าสละบิช็อปแล้วตำแหน่งด้านคิงของหล่อนจะอ่อนแอลง
แต่ไม่มีอะไรประกันเลยว่ากำลังหนุนระลอกต่อไปจะสามารถรวมพลเข้าซ้ำเติมจนตีด่านแตกได้
ทว่าด้วยความจำกัดจำเขี่ยของเวลาคิด
ก็ไม่มีความน่าเชื่อมั่นเช่นกันว่าหล่อนจะเลือกเดินถูก
ไม่พลั้งเปิดเส้นทางลำเลียงพลหนุนของฝ่ายตรงข้ามเข้ามากระแทกอัด
หลายคราวที่ผ่านมา
มีบ้างที่หล่อนเจอดี นึกว่าน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่เพียงพลาดหลงลืมระวังจุดตายเพียงน้อย สถานการณ์ก็พลิกเปลี่ยน
เหมือนคนอยู่ในสมรภูมิเห็นฝูงเครื่องบินรบเหาะมาจากอากาศว่าง
แล้วเข้าโหมกระหน่ำทิ้งระเบิดครึกโครม ไม่ให้โอกาสตั้งตัวรู้เหนือรู้ใต้เลยสักนิด
จึงทำให้เข็ดและไม่ประมาทสามีเซียนหมากรุกง่ายๆ
ดังนั้นแม้สรุปในใจว่าการเซ่นสังเวยหมากสำคัญครั้งนี้เป็นจิตวิทยาของคนถือแต้มเหนือกว่ามาตลอด
คือแกล้งฟาดสายฟ้าเข้าผ่าป้อมให้หล่อนเกิดความสับสนงงงันเล่น
แต่พอคิดอีกทีมาวันทาก็ถอดใจ เกรงจะเป็นไพ่ตาย ไม่ใช่แค่ไพ่ขู่
เหมือนเช่นที่เขาพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าสามารถเห็นเส้นทางลึกลับที่หล่อนไม่เห็น
การเล่นแนวฟ้าผ่าปราศจากเมฆฝนเช่นนั้นของลัดธีร์
บันดาลให้มาวันทาตื่นตัว เกิดความไม่อยากเป็นหมูสนามเหมือนเหยื่อรายล่าสุดของเขา
ใคร่ครวญอยู่นานว่าจะฮุบหรือไม่ฮุบเหยื่อ
ต้องอ่านให้ออกเร็วๆว่าถ้ากินจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่กินเขาจะพลิกแพลงด้วยไม้ไหนต่อ
ตอนนี้หล่อนคือนางกวางที่ถูกสิงโตโดดเข้าขย้ำถึงตัวเป็นคำแรก
หากขาดทางหนีทีไล่ที่ชัดเจน
ก็อาจต้องนอนกองให้เขาแทะเล่นหมดทั้งตัวภายในไม่กี่ก้าวข้างหน้านี่เอง
หล่อนตัดสินใจไม่ฮุบเหยื่อ
ยอมรับกับตนเองว่าเป็นการเลือกด้วยความขลาดมากกว่าเชื่อมั่นในสติปัญญา
“ฮ่ะๆ
กลัวพี่ขนาดนั้นเลยหรือเอิน?”
มาวันทาย่นคิ้ว
อ่านข้อความนั้นแล้วรู้สึกเหมือนเป็นยายโง่ให้เขาเยาะเย้ยถากถางเล่น
ลัดธีร์ยอมเสียเวลาอันมีค่าหลายวินาทีเพื่อพิมพ์ประโยคเย้าแหย่
จัดเป็นการสะท้อนความใจเย็นของผู้มีภาษีเหนือกว่า หล่อนเงียบเฉยไม่โต้ตอบ
รอดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อในกระดานสองมิติ ๘x๘ ตรงหน้า
แทนที่จะถอนบิช็อปกลับ
แบบแทงดาบเข้ามาแล้วชักออกเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ต่อ เขากลับเดินหมากอื่น
ปล่อยบิช็อปคาไว้ คล้ายแบะท่าให้หล่อนตัดสินใจใหม่อีกทีว่าจะกินหรือไม่กิน
ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คิดได้สองทาง ทางแรกคือลัดธีร์ซ่อนไม้เด็ดไว้จริง
ถ้าหล่อนกินบิช็อปของเขา ก็ต้องมีอันเป็นไปอย่างหมดสิทธิ์หลีกเลี่ยง
แต่อีกทางคือลัดธีร์เห็นหล่อนแหยแฝ่น เลยได้ทีขี่แพะไล่ ปล่อยตั้งเด่ค้างไว้เล่นๆเป็นมิเตอร์วัดความตาขาวของหล่อนต่อด้วยความขบขัน
เหลือเพียงสองนาที
และยิ่งชั่งใจใคร่ครวญเวลาก็ยิ่งลดน้อยถอยลงตามลำดับ มาวันทาแพ้แรงฉิว
ใช้อารมณ์ในการเลือก ลองดีดูซิถ้าฮุบเหยื่อจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
เป็นอีกครั้งที่มาวันทาเรียนรู้ถึงพลังอำนาจอันน่าพิศวงของการเกณฑ์พลผสมหมากในสงครามทางสมอง
ว่ามีความพลิกแพลงล้ำลึกสุดหยั่งเพียงใด เพียงเขาขยับควีนกับม้าไปวางถูกจุด
หล่อนก็เห็นล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะเกิดการประสานงานอันแยบยลเหนือชั้นเพียงใดในอนาคตอันสั้น!
เหมือนถูกบีบจนตัวเหลือเท่าลูกหนู
ปาฏิหาริย์บนกระดานหมากรุกมีจริง ทั้งที่เป็นเกมแห่งตรรกะแท้ๆ
บางครั้งเมื่อลัดธีร์เผยทีเด็ดราวกับมายากลของจอมคณิตชั้นสูง หล่อนจะยิ้มทึ่ง
และปลื้มใจที่สามีเป็นพวกสมองเพชร แต่บางครั้งเช่นหนนี้ ที่โดนสัพยอกก่อนขยอกขย้ำ
หล่อนก็นึกเกลียดขี้หน้าเขาขึ้นมารำไร
จนต้องสะกดอารมณ์และหาทางแก้ไขสถานการณ์ลำบากด้วยความกดดันยิ่ง
ทว่ายิ่งคิดเวลายิ่งหดสั้นจนเหลือครึ่งนาทีสุดท้าย
เขาวาดลวดลายฉีกหล่อนเป็นชิ้นๆ ทีละเปลาะ ทีละขั้นอย่างถูกต้องสมบูรณ์
หล่อนไม่อยากให้เขาสะใจกับการไล่ขยี้จนเข้าขั้นรุกฆาต
จึงเลือกคำสั่งยอมแพ้เพื่อปิดเกมแต่เนิ่นๆ
“โอ๊!
ไม่น่ายอมง่ายๆเลย กำลังมัน”
เขาบ่นผ่านข้อความไร้เสียง
แต่คล้ายหล่อนเห็นลัดธีร์ยื่นหน้าหัวเราะเยาะหยันออกมาจากจอแก้วถนัด
พอเห็นหล่อนเงียบและไม่ยอมเล่นเกมใหม่ที่เขาส่งคำขอมา ลัดธีร์ก็พูดต่อ
“เมื่อวานเพิ่งอ่านสัมภาษณ์นักหมากรุกหญิงคนหนึ่งแล้วคิดถึงเอินชะมัด
แบบว่าผู้หญิงฝรั่งน่ะนะ เลยกล้าพูดหมดเปลือก
สารภาพหน้าตาเฉยว่าใครชนะเธอได้บ่อยๆก็อยากนอนกะคนนั้น
พูดทำนองว่าเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานทางเพศ ที่ผู้หญิงอยากอ่อนแอ
อยากเป็นฝ่ายถูกกระทำจากบุรุษเพศที่เหนือกว่า เพราะฉะนั้นยิ่งแพ้ใครมากก็ยิ่งเสียความต้านทานทางเพศต่อคนนั้นมากขึ้นทุกที
ข้อความจากเขาส่งมาต่อเนื่องเป็นสายราวกับฟังเสียงจริงทางโทรศัพท์
“พี่ว่าชายกับหญิงแข่งอะไรกันนี่ต้องมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
รู้ไหม แต่ละครั้งที่ลิดกำลังของเอินออกจากกระดานได้
พี่ตื่นเต้นเหมือนถอดเสื้อผ้าเอินออกทีละชิ้นในวันแรกของเราเลยทีเดียวเชียว”
มาวันทาเอนหลังพิงพนัก
อ่านข้อความของสามีเงียบๆ เป็นที่รู้กันระหว่างหล่อนกับลัดธีร์ว่าเขาเห็นเกมหมากรุกผูกโยงอยู่กับเซ็กซ์
คือหาความสำราญจากหมากของหล่อนแบบเดียวกับที่ชายสักคนหาความสำราญจากเรือนร่างหญิงอันน่าปรารถนาและท้าทาย
ในชีวิตคู่ผัวตัวเมีย
เซ็กซ์อาจขอกันดีๆได้ แต่หมากรุกนั้นต้องออกแรงทุกครั้งถึงได้มา ลัดธีร์ทำให้หล่อนค่อยๆเชื่อผ่านประสบการณ์ตรงทีละน้อยว่าผู้หญิงควรเป็นเบี้ยล่างของผู้ชาย
จึงจะเป็นธรรมชาติ และมีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คืนนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนว่าแม้การเล่นหมากรุกก็คือการยอมเป็นเบี้ยล่างทางเพศของเขา!
“ทำไมเงียบจัง
ติดใจนั่งจ้องอะไรอยู่หรือเปล่า?”
เขาถามหลังจากรอการโต้ตอบเก้อเปล่าอยู่นาน
“กำลังคิดอยู่ว่าจะพูดกับพี่อ๋องยังไงดีน่ะค่ะ”
มาวันทาตอบจนได้
“เรื่องอะไร
มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
“ค่ะ…
มี!”
“’งั้นเอาเลย
คุยเถอะ เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะคุยกันทุกเรื่อง”
“บางเรื่อง…
คุยแล้วอาจทำลายความสุขของพี่อ๋องเปล่าๆ”
“เอ…
ยังไงนี่ ช่างความสุขของพี่เถอะเอิน มีอะไรก็คุยกัน”
“แน่นะคะ”
“แน่ซี
มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องทฤษฎีทางเพศแบบแปลกๆของพี่น่ะค่ะ”
ลัดธีร์นิ่งอึ้งงุนงงอยู่เป็นครู่
“ทฤษฎีไหน?”
“อย่างที่พี่อ๋องเชื่อทั้งหมดนั่นแหละค่ะ
เช่นเรื่องนักหมากรุกหญิงให้สัมภาษณ์ถูกใจพี่อ๋องคนนั้นเป็นอาทิ
เรื่องกดขี่ทางเพศชัดๆ”
“อ๋อ…
ฮ่ะๆ ถ้าทำให้เขินก็ขออภัย”
“เปล่า!”
มาวันทารีบพิมพ์ปฏิเสธไปรอบหนึ่ง แล้วอธิบายตามหลัง “นอนเตียงเดียวกันมานาน
เอินเลิกเขินหรืออายแล้วค่ะ
แต่วิธีที่พี่คิดเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้ทั้งหมดทำให้เอินชักรู้สึกไม่ดี”
ลัดธีร์ต้องกอดอกเกาคางอยู่คนเดียว
ที่ผ่านมาเขามั่นใจเสมอว่าเข้ากับมาวันทาได้ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในห้องนอน
หล่อนร่วมเป็นสุขสดชื่น เห็นดีเห็นงามตามเขาไปหมด แม้ก่อนเดินทางครั้งนี้
หากแต่งตั้งมาวันทาเป็นกรรมการให้คะแนนตัดเกรด
พิจารณาจากสีหน้าและแววตาของหล่อนแล้ว เขาควรจะได้อะไรแถวๆ A บวกโน่น
“อือม์…
พูดต่อสิเอิน พี่กำลังรอฟัง ให้พี่รับรู้ว่าทำอะไรผิดไป”
สองสามีภรรยาโต้ตอบข้อความกันช้าลง
ด้วยความระมัดระวังการใช้ถ้อยคำมากขึ้น
“คือ…
จู่ๆเอินก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่เครื่องรองรับอารมณ์สกปรกของผู้ชาย
ผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องสนองความใคร่ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการเท่านั้น”
นาทีนั้นลัดธีร์สำเหนียกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติไป
มาวันทากำลังโกรธเขา และท่าทางจะมีคำบริภาษอัดอั้นอยู่ในหัวมากมาย
สังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆมาวันทาก็คิดขึ้นเอง
แต่ต้องมีต้นสายปลายเหตุแน่นอน
“มันเริ่มจากตรงไหนพอบอกพี่หน่อยได้ไหม?”
“อย่างเมื่อกี้
ที่พี่อ๋องบอกว่ากำจัดหมากของเอินออกจากกระดานแต่ละตัวแล้วเหมือนถอดเสื้อผ้าเอินทีละชิ้นในครั้งแรกของเรา
มันสะกิดแผลเก่า ยังไม่ลืมที่พี่อ๋องใช้กำลังกับเอินตอนอายุแค่สิบหก
ถึงวันนี้บางคืนยังนอนฝันร้ายอยู่ด้วยซ้ำ กับการเห็นพระเอกที่เคยปกป้องทะนุถนอมเรา
กลับกลายเป็นโจรรังแกเด็กไม่มีทางสู้เสียเอง”
มาวันทานึกเปลี่ยนใจอยากยั้งไว้
เพราะรู้สึกว่านั่นอาจเป็นชนวนการมีปากเสียงที่จุดติดแล้วยากจะดับ
แต่มือไวกดปุ่มส่งข้อความไปเสียก่อน จึงเลยตามเลย
แล้วพิมพ์ข้อความไล่หลังเพื่อผ่อนบรรยากาศให้เบาลง
“ทบทวนย้อนไปต่างๆนานาเลยคิดมาก
อาจเป็นแค่อารมณ์หนึ่งก็ได้นะคะ ประเภทแพ้แล้วพาล
หรือห่างกันบ่อยจนหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากรบกวนความสุขของพี่ก็ขออภัย
ลืมๆเสียเถอะ”
ลัดธีร์นั่งนิ่งประเมินสถานการณ์อยู่เกือบครึ่งนาที
เขาอยากจับต้นชนปลายให้ติดก่อนพูดอะไรต่อ เพราะเท่าที่รู้จักมาวันทามาแปดปี
หล่อนไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตีเด็ดขาด
และเขากับหล่อนก็คุยกันบ่อยเสียยิ่งกว่าผัวเมียทั่วไปที่เจอหน้ากันทุกวันเสียอีก
ฉะนั้นลืมได้เรื่องเหงาจนหงุดหงิด ชนวนต้องเป็นบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น
“เอิน…
เราพูดกันหลายครั้งแล้วเรื่องความผิดของพี่เมื่อเกือบแปดปีก่อน
พี่ขอโทษที่อดใจไม่อยู่เพราะสถานการณ์พาไปนับครั้งไม่ถ้วน
ตลอดแปดปีนี้พี่ก็พยายามไถ่โทษด้วยการเอาใจเอินสารพัด
น่าจะพิสูจน์ธาตุแท้ของใจพี่ได้เกินพอ… ส่วนเรื่องหมากรุก
ขอยอมรับว่าตัวเองมีอารมณ์ผยอง กระหยิ่มยิ้มย่องที่อยู่เหนือใครต่อใครอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่เคยเห็นหมากรุกเป็นเครื่องมือกดขี่ทางเพศเลยนะ เกมคือเกม
ตอนเอินเอาชนะพี่ได้ เคยเห็นพี่ออกงิ้วสักครั้งไหม
มีแต่หัวเราะชื่นชมแล้วๆเล่าๆไปทั้งวันด้วยซ้ำ”
“อย่าเลย!
พอพี่แพ้ขึ้นมา พี่จะขอแก้มือทันที ถ้าเอาชนะคืนได้ถึงค่อยชมย้อนหลัง… บอกอะไรให้นะคะ
ตอนเล่นใหม่หน้าตาพี่เครียดจัดเหมือนพวกโรคจิตดีๆนี่เอง!”
“เอาล่ะ
ถ้าเรื่องสมัยเอินอยู่ปีหนึ่งยังเตือนให้เอินระลึกว่าพี่เป็นพวกชอบรังแกผู้หญิง
พี่ก็ขอโทษ… ส่วนเรื่องแพ้ชนะ ถ้าพี่เผลอทำหน้าเหมือนพวกโรคจิต
คราวหลังจะพยายามแผ่เมตตาก่อนเล่น หน้าตาจะได้อ่อนโยนลงกว่าเดิม”
ลัดธีร์พยายามโอ๋ด้วยการหยอดมุขตลกเมื่อเห็นเค้าว่านี่อาจบานปลายเป็นการถกเถียงยืดยาว
เขากับมาวันทาไม่เคยทะเลาะกันชนิดหน้ามืดหูอื้อตาลาย
หล่อนไม่เคยแง่งอนกระบึงกระบอนเกินเหตุเกินผล
อย่างมากเขาแค่ต้องเหนื่อยใจใช้เวลาชี้แจงเพื่อยุติเรื่องขัดแย้งนานหน่อยเท่านั้น
และเท่าที่ระลึกได้ นับแต่วันลั่นระฆังวิวาห์เป็นต้นมา ทุกเรื่องเออออกันสิ้น
เขาตามใจหล่อน หล่อนตามใจเขา เป็นการผลัดกันยินยอมเพื่อปรับตัว
แบบเดียวกับการรู้จักปรับจังหวะช้าเร็วทางดนตรีให้เสมอกันพอดี
เขาเรียนรู้ว่าการถกเถียงด้วยโวหารไม่อาจเอาแพ้เอาชนะกันได้
เพราะปราศจากกฎตายตัวให้ชี้ขาดเป็นแพ้ชนะอย่างเกมหมากรุก
คนเราถ้าไม่ยอมกันเสียอย่าง งัดเหตุผลมาใช้จนตายก็ไม่สำเร็จ
ถ้าอยากทำให้อีกฝ่ายยอมรับจริง
ต้องอาศัยจิตวิทยาและความประนีประนอมมากกว่าความอยากชนะ หากเทียบเป็นเกม
ก็ต้องใช้หัวใจในการเล่น และมุ่งจะเอาผลเสมอกันมากกว่าอย่างอื่น
“คราวนี้รู้ตัวล่ะ
สรุปคือต่อไปนี้พี่ไม่ควรพูดจาแทะโลมหาความบันเทิงส่วนตัวระหว่างเล่นหมากรุกกับเอินใช่ไหม?”
พอมาวันทาเห็นเขาเริ่มประโลม
หล่อนก็ผ่อนท่าทีลงบ้าง
“คืนนี้เอินอาจจะแค่สับสน
อึดอัด แต่ไม่ใช่อารมณ์อยากหาเรื่อง หรืออยากทำลายความสุขระหว่างเราหรอกนะคะ”
ลัดธีร์พยักหน้าอย่าพอใจขณะพิมพ์
“จำได้ไหม
พี่เคยบอกว่าเห็นเอินเซ็กซี่ที่สุดตอนนั่งนิ่งก้มหน้าก้มตาพยายามเอาชนะพี่?”
“ค่ะ
จำได้”
“แล้วก็ไม่ใช่ว่าชอบมองเฉพาะตอนเซ็กซี่
พี่ชอบมองเอินหลายๆมุม ทั้งตอนเอินทอดอารมณ์ ตอนเอินจ๊ะจ๋า ตอนเอินเพลินเป่าฟลุต
ดีออกที่นั่นแสดงว่าพี่เสน่หาเอินได้รอบด้าน
ตอนเอินนั่งนิ่งทุ่มเทความคิดทั้งหมดลงในกระดานหมากรุก
มันมีอะไรบางอย่างที่น่าพิศวาสกระจายออกมา ความเป็นหญิงเมื่อเข้าคู่กับกระแสความอยากชนะนี่
จะว่าไงล่ะ… เป็นการผสมผสานระหว่างรูปอิตถีที่สวยหวานเข้ากับพลังกระหายอยากมีชัย
ดูเร้าใจดี อือม์… อ่านพี่ออกหรือยัง นี่ไม่ใช่เรื่องการกดขี่ทางเพศ
แต่เป็นเรื่องการอยากได้ความเร้าใจชนิดหนึ่ง เอินควรภูมิใจที่มีหลายมุมให้พี่มอง”
“เอินอาจช่างอุปาทานไปเอง
แต่ท่าทางพี่อ๋องมองเอินในมุมต่ำมากกว่ามุมสูงนะคะ อยู่ในครัวยังไม่เว้น!
เอินไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ถูกคิดในแง่วัตถุเร่าร้อนทางกามหรอก ไม่ภูมิใจเลย”
“ผู้หญิงที่ไหนไม่อยากเป็นที่น่าใคร่ของคนรัก?”
“ก็เอินไงคะ
เอินจะรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามาก ถ้าพี่อ๋องต้องการกอด
หรือจับมือเอินด้วยใจถนอมรักษา ไม่ใช่เข้ามาด้วยผัสสะทางกามารมณ์”
คราวนี้ลัดธีร์เป็นฝ่ายเงียบยาว
เหลือเพียงมาวันทาทำหน้าที่พิมพ์สนทนาอยู่คนเดียว
“รู้แต่ต้นแล้วว่าเซ็กซ์ระหว่างเราไม่พอดีกัน
แถมที่ผ่านมาเอินกลัวพี่อ๋องเบื่อ กลัวว่าห่างกันจะทำให้พี่อ๋องอยากหาเศษหาเลย
เอินถึงโอนอ่อนผ่อนตามตลอด บางทีพี่อ๋องเล่นแผลงๆ อย่างเช่นใส่กุญแจมือก็ยอมทน
หลับหูหลับตาคิดเสียว่าตัวเองเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง เรื่องความอยากเป็นฝ่ายอ่อนแอ
เป็นฝ่ายแพ้แรงอะไรที่พี่อ้างใครมาพูดนั่นอาจจะใช่สัญชาตญาณดิบของผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ใช่ทั้งหมด เอินรู้จักความต้องการของตัวเองดี
ตามนิยามของเอิน การร่วมรักคือความร่วมมือระหว่างสามีภรรยาที่มีใจเสมอกัน
แต่ถ้ามีเรื่องการแสดงอำนาจหรือเอาสนุกตามอำเภอใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
อันนั้นคงเป็นได้เพียงการสมสู่ที่ถูกขับดันจากสัญชาตญาณในระดับเดียวกับ...สิ่งมีชีวิตทั่วไป”
ลัดธีร์เม้มปาก
พิมพ์ตอบหลังเงียบเสียนาน
“ใช้คำตรงใจก็ได้
เอิน เสียเวลาพิมพ์ตั้งหลายคำทำไม สิ่งมีชีวิตทั่วไป...พิมพ์คำเดียวสั้นๆ
พี่ไม่โกรธหรอก”
“ค่ะพี่อ๋อง
เอินก็หวังว่าพี่อ๋องจะไม่โกรธ เอินรักพี่มาก
และความจริงพี่ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเอินด้วยอาการรุกรานหรือป่าเถื่อนจนเหลือฝืน
ตรงข้าม ครึ่งต่อครึ่งพี่สุภาพ นุ่มนวล แล้วก็ให้เกียรติกัน
คุยคราวนี้เอินก็ไม่มีเจตนาประท้วง แต่พี่อ๋องถามเองว่ามีปัญหาคาใจหรือเปล่า
เอินเลยแค่อยากระบายความอัดอั้นตันใจเสียบ้าง...ว่าบางทีเอินขยะแขยง”
ไม่อยากเดาว่าเขาจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่ออ่านข้อความของหล่อน
รู้แต่ว่าพิมพ์ส่งได้ก็โล่งเหมือนปลดปล่อยบางสิ่งที่เก็บกดไว้แน่นอกมานาน
ดูเหมือนเขาใช้เวลามากหน่อย
กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้
“ลองคิดอย่างนี้นะ
เอินเป็นของพี่มาหลายปี ถึงแม้ว่าก่อนแต่งจะยอมพี่แค่ปีละหนสองหนก็เถอะ
แต่ขอให้ดูว่าพี่ยังเสมอต้นเสมอปลายอย่างไร เรื่องวอกแวก เรื่องหญิงอื่น
แม้มาไกลหูไกลตาเพียงใด ก็ซื่อสัตย์กับเอินคนเดียว ทำไมพี่ถึงทำได้? เพราะพี่พิศวาสเอินอยู่คนเดียว โปรแกรมตัวเองไว้ด้วยเครื่องแวดล้อมทั้งปวง
ไม่เฉพาะเรื่องบนเตียง
แต่สร้างปัจจัยทั้งหมดที่จะจูงเราสองคนขึ้นเตียงด้วยความเรียกร้องตามธรรมชาติ”
“ด้วยการทำให้เอินเห็นตัวเองเป็นนางบำเรอ
ต้องอยู่ใต้ฝ่าบาทพี่อ๋องตลอดเวลาหรือเปล่า?”
“สาบาน...พี่ไม่เคยเห็นเอินเป็นผ้าเช็ดเท้าเลยนะ
แต่ยอมรับว่าในมุมมองของพี่
หน้าที่ของสามีบนเตียงก็คือทำให้ภรรยารู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิง
ถ้าหากผู้ชายไม่สามารถเก่งกว่า วันหนึ่งผู้หญิงก็คงกลายเป็นทอมบอย
คืออารมณ์แบบหญิงๆ จะหายไป ต่างฝ่ายต่างเป็นท่อนไม้แห้งที่ขาดแรงดึงดูดระหว่างกัน
และนั่นก็เหมือนกับเรื่องนอกเตียง หากผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงไม่ได้
ในที่สุดความนับถือก็จะค่อยๆ เหือดไปจากใจ อารมณ์เพศก็ไม่ตามมา”
“ทำให้เป็นแบบเดียวกับเล่นดนตรี
ที่ต่างเสมอกัน ยืนอยู่คนละตำแหน่ง แต่สามารถช่วยกันประสานให้ไพเราะเพราะพริ้งไม่ได้หรือคะ? พูดอย่างนี้พี่คงบอกอีกล่ะซีว่าดนตรีเป็นคนละเรื่องกับเซ็กซ์”
“ไม่ใช่คนละเรื่องหรอก
ดนตรีเป็นสื่อที่ทำให้เรามีลีลากลมกลืนกัน ฟังไปในทางเดียวกัน
เล่นไปในจังหวะเดียวกัน และที่สุดคือปรับใจให้อยู่ในกระแสเดียวกัน
ความอ่อนโยนเป็นประตูไปสู่ความรักชนิดหวาน
ความรักอ่อนหวานเป็นฐานรองรับเซ็กซ์ที่ถึงใจ เอินดูด้วยว่าดนตรีระหว่างเรา
ส่วนใหญ่ฟลุตจะเด่นกว่า มีปริยายของฐานะเป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม
เห็นไหมว่าเราผลัดกัน ความละเมียดละไมเป็นธรรมชาติของเอิน
ขณะที่ความกร้าวแกร่งเป็นธรรมชาติของพี่ เมื่อมาอยู่ร่วม เราก็ถ่ายเทสิ่งที่อีกฝ่ายขาดให้กันและกัน
จนวันหนึ่งคงสมดุลบนฐานของความรักที่มีเสมอกัน”
ข้อความของเขาราวกับน้ำไหล
ต่อเนื่องยืดยาวเป็นชุด
“ปัญหาสำคัญในชีวิตคู่ของเราจะเกี่ยวกับเวลา
เอินเป็นหมอ อยู่เวรบ่อย ส่วนพี่ยิ่งแล้วใหญ่ หายหน้าทีละสองวันบ้าง สี่วันบ้าง บางทีซวยหน่อยสิบวันยังเคย
สุดแล้วแต่เครื่องบินพาไป
นับว่าโชคดีทุกวันนี้มีอินเตอร์เน็ตกับโทรศัพท์มือถือเป็นสื่อช่วยให้เราเหมือนใกล้กัน
โจทย์ของเราคือจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสื่อสารให้เต็มที่ได้อย่างไร
ให้มันโยงเราทั้งใจ ทั้งคำพูด และเหมารวมมาถึงเซ็กซ์ ในส่วนของพี่
ในมุมที่พี่เห็นตัวเอง พี่ไม่เคยนอกใจเอินเพราะมีเรื่องเร้าอารมณ์บนกระดานหมากรุก
และได้พูดแหย่เอินให้ครึ้มๆ ใจบ้าง หลายครั้งที่รุกชนะเอินได้ในตำแหน่งยากๆ
ความรู้สึกพี่แทบไม่ต่างจากจังหวะที่พาเอินไปถึงยอดของความสุขได้
และเกมพวกนั้นก็มักทำให้อยากกลับมาหาเอินเร็วๆ ”
มาวันทามองกรอบข้อความของเขานิ่ง
ลัดธีร์มักคิดได้แตก และทำให้หล่อนจำนนต่อเหตุผลได้ทุกครั้งที่มีเรื่องขัดใจ
แม้ยังนึกต้านอยู่มากก็ตาม
“พี่อ๋อง...ฟังแล้วเอินคล้อยตามนะคะ
แต่ทำไมความรู้สึกว่าภาวะข้าทาสหรือนางบำเรอยังค้างอยู่ในใจก็ไม่ทราบ”
“เพราะเอินไม่ได้เอาใจไปใส่ในที่ที่ควรใส่น่ะซี
ลองทบทวนดีๆ ตั้งแต่เราคบกัน พี่ปฏิบัติต่อเอินเยี่ยงทาสหรือเจ้าหญิง? มีไหมลืมของขวัญวันเกิด มีไหมเอินอยากกินอะไรไกลแค่ไหนแล้วพี่ขัดใจ
มีไหมเอินจะเอาโน่นเอานี่แล้วพี่ปฏิเสธ หรือพี่อ้างเหนื่อยอ้างขี้เกียจ แต่ในส่วนของเอิน
พี่ขอสิบครั้งแล้วได้ตามต้องการกี่ครั้ง?”
ผู้เป็นภรรยาถลึงตาใส่จอมอนิเตอร์
รีบพิมพ์ตอบทันควัน
“ดูเหมือนจะทุกครั้งนะคะ”
“เหรอ? หยุดสองวันตรงกันคราวก่อนพี่อยากไปนอนเล่นชายทะเล แต่เอินบอกว่าไง
ต้องไปเยี่ยมพ่อแม่ที่อยุธยา แถมอีกวันนัดกินข้าวกับเพื่อนจากอังกฤษของเอิน
อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะ ไม่ใช่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ
แค่อยากเอามาอ้างอิงว่าพี่ไม่อุทธรณ์เลย
ถึงอยากไปทะเลกับเอินมากขนาดไหนก็ยอมเอินหมด”
“จะให้เอินปฏิเสธพ่อแม่บ่อยๆ
ได้ไงคะ โดยเฉพาะคราวก่อนนี่วันเกิดย่าเอินด้วย ส่วนเรื่องเพื่อนสนิทของเอิน สองสามปีเขาถึงจะกลับมาสักครั้ง
ช่วงเราแต่งเป็นจังหวะที่เขากำลังวุ่น พอว่างก็รีบมาทันที
นี่ก็ไม่ใช่จะแก้ตัวกลบเกลื่อนนะ แค่ขอโอกาสชี้แจงนิดหนึ่ง
ที่พี่อ๋องหาว่าเอินไม่ตามใจ ก็ใช่จะเป็นเพราะนิสัยเสีย ชอบเอาเปรียบ
ไม่สมน้ำสมเนื้อกับที่พี่พะเน้าพะนอเอิน แต่เพราะเกิดเหตุจำเป็นหรอก”
ลัดธีร์เสียดายที่เท้าความถึงเรื่องจ้อย
เพิ่งนึกออกว่ามีเรื่องใหญ่กว่านั้น แต่ก็คร้าน ขี้เกียจพิมพ์เสียแล้ว
เพราะเกลียดบรรยากาศข้นหนักตอนถกเถียงกับมาวันทา แม้ต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยเหตุผล
ก็แตกประเด็นบานปลายได้ไร้ที่สิ้นสุด ไม่ต่างกันเลยกับคู่ที่ขาดเหตุผลทั้งหลาย
เช่นคราวนี้ จากแรกที่เริ่มด้วยเรื่องการกดขี่ทางเพศ
นี่กำลังจะเปลี่ยนเป็นเรื่องตามใจไม่ตามใจเสียแล้ว
“อย่าเถียงกันเลยนะเอิน
พี่รักเอิน แล้วก็อยากอยู่กับเอิน เพราะฉะนั้นเพื่อให้มีเราอยู่ด้วยกันตลอดไป
พบกันครึ่งทางได้ตรงไหนก็เอา ย้อนกลับไปที่ต้นเหตุก่อน พี่จะตามใจเอิน
ต่อไปนี้ก็บอกเป็นครั้งๆ เลยแล้วกันว่าทำอะไรแล้วเอินเกลียด
จะระหว่างเล่นหมากรุกหรือระหว่างอยู่บนเตียงก็ตาม”
“แค่อยากให้พี่อ๋องรู้
ผู้หญิงไม่เหมือนกันนะคะ ระหว่างความอยากได้ผู้นำกับความอยากได้คนช่างเอาใจ
เอินอยากได้คนช่างเอาใจ ไม่ต้องเป็นผู้นำมากก็ได้
ตอนเสียตัวให้เผด็จการอย่างพี่ครั้งแรก รู้ไว้เลยว่าไม่มีความสุขสักนิด
วันนั้นเอินไม่พร้อม ไม่สมยอม ห้ามแค่ไหนพี่ก็ไม่ฟัง จะดึงดันเอาให้ได้
แผลทางใจที่ถูกข่มขืนเป็นยังไงผู้ชายไม่มีทางรู้หรอก
พี่อ๋องทำให้เอินมองมาตลอดว่าเพศผู้เป็นพวกเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้
สนุกกับการได้มาด้วยกำลัง บูชากามเป็นสรณะไม่ต่างจากยักษ์มาร!”
“แหม!
เป็นชุดเชียวนะเอิน”
“รู้ไว้เถอะค่ะ
ทุกวันนี้เอินก็ยังเกลียดผู้ชายอยู่ในส่วนลึก
พี่อ๋องทำให้จิตใจเอินเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างรักกับชัง
พี่อ๋องสนุกครั้งเดียว แต่เอินต้องฝันร้ายเป็นพันหนซ้ำแล้วซ้ำอีก
นึกขึ้นมาทีไรก็ไม่เข้าใจทุกที ว่าทำกันลงคอได้ยังไง เอินยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ
ความสัมพันธ์ที่เหมือนใสสะอาดระหว่างเรา แท้จริงมีรอยเปื้อนอยู่จุดหนึ่ง
ไม่เคยชะล้างได้หมด มองทีไรก็ยังเห็น”
ลัดธีร์ยกมือเกาศีรษะกรากๆ
อย่างเริ่มหงุดหงิด
เพราะภรรยาพูดแบบเอาโทษอะไรสมัยไหนก็ได้มาตั้งข้อหาเพื่อต้อนเขาไปสู่ความเป็นคนผิด
แถมยิ่งพูดถ้อยคำก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกที
แต่ว่าไปก็ถูก
ระหว่างเขากับหล่อนใช่จะอยู่บนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดสายอย่างที่หลายคนคิด
การถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์ก่อนวัยอันควรทำให้มาวันทาเลิกคบกับเขาหลายเดือน
และเมื่อกลับมาคบใหม่ก็ไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวแม้ปลายเล็บเป็นปี
ยังจำแววร้าวเสมือนตราบาปในดวงตาหล่อนสมัยนั้นได้ดี ทุกอย่างเสียหายไปหมด
มาวันทาเจ็บจริง เจ็บนานทั้งกายทั้งใจ นั่นเป็นสิ่งที่เขาตระหนัก
แต่เขาก็พยายามทำคุณไถ่โทษมาตลอด
แม้ไม่มีโอกาสช่วยหล่อนให้รอดพ้นจากสถานการณ์คอขาดบาดตายแบบในหนัง
ทว่าการจ้องเอาอกเอาใจ มอบความรักความสุขสุดความสามารถ รวมทั้งทำตัวเสมอต้นเสมอปลายเป็นเวลาเนิ่นนาน
ก็ควรมีน้ำหนักเพียงพอชดใช้ และแน่ใจว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเอง
ในเมื่อหล่อนกลับมาเป็นฝ่ายให้ท่า ส่งสัญญาณขอร่วมอภิรมย์เองเมื่ออายุราวยี่สิบ
ที่จุดนั้นลัดธีร์ถือว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เขาควรพ้นจากความรู้สึกผิดได้แล้ว บาดแผลทางกายใจของหล่อนสลายหายหนไปหมดแล้ว
เขาเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ทำงานทำการ เก็บเงินรอแต่ง
และไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปในรูปลักลอบได้เสีย
มีการขอผู้ใหญ่จัดพิธีหมั้นเป็นเรื่องเป็นราว มีแผนการชัดเจนว่าจะตบแต่งเมื่อใด
แล้วมาวันทาก็ไม่เคยย้อนอดีตชวนระลึกชาติสมัยเขาเป็นโจรปล้นสวาทอีกเลย
จวบจนวันนี้ ที่ท่าทีหล่อนเริ่มประหลาดขึ้นมาใหม่
“เอิน...งั้นลองพูดแบบตรงไปตรงมากันไหมล่ะ
พี่ว่าเอินแปลกไป ถือสาหาความกระทั่งฝอยเล็กฝอยน้อยหยุมหยิม
ขนาดเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยไหนยังขุดขึ้นมาถล่มพี่ วันนี้ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ
...ใช่ไหม?”
หน่วยตาของมาวันทาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“คิดไปเองแล้วนะคะ
เอินอึดอัดและเก็บกดมานานต่างหาก!”
อธิบายตนเองไม่ได้เช่นกันว่าทำไมพิมพ์ข้อความครั้งนี้จึงมือสั่น
จิ้มผิดจิ้มถูก ต้องแก้หลายหนกว่าจะสามารถส่ง
ลัดธีร์อ่านแล้วเงียบกริบ
สำเหนียกได้ถึงอาการลนลานแปลกๆ ของภรรยา ส่วนมาวันทาเมื่อเห็นเขาไม่โต้ตอบใดๆ
ก็นั่งมือสั่นอยู่คนเดียว จึงกลายเป็นช่วงพักยาวร่วม ๑๕ นาที
กว่าที่ฝ่ายสามีจะสงบสติอารมณ์ลงและตั้งหลักใหม่
“เราต้องช่วยกันระวังกับดักทางธรรมชาติ
รักกับชังใกล้กันนิดเดียว ยิ่งเรารักกันแรงๆ ก็เท่ากับเราเตรียมชิงชังกันมากๆ ด้วย
ขอแค่สลับจาก ‘อย่างใจฉัน’ เป็น ‘ผิดใจฉัน’เท่านั้น
พี่มีความทุกข์ที่สุดก็ตอนเอินโกรธหรือเกลียดพี่นี่แหละ”
มาวันทาถอนใจยาว
“เอินง่วงแล้วค่ะ
ขอตัวเข้านอนนะ”
“โอเค...แล้วพรุ่งนี้เย็นเจอกัน”
“พี่อ๋องคะ...มื้อเย็นพรุ่งนี้มีน้องคนหนึ่งร่วมโต๊ะด้วยได้ไหม?”
“ตามสบาย”
นักบินหนุ่มกัดฟันพิมพ์ตอบ
“ขอบคุณนะคะ
ราตรีสวัสดิ์จากฝั่งไทยค่ะ”
ออกจากอินเตอร์เน็ต
ปิดคอมพิวเตอร์ แพทย์หญิงมานั่งเงียบบนเตียงนอน มีความรุ่มร้อนตามราวีในอก
บางครั้งคนเราประสบเหตุแห่งความกังวลใจหลายหลากเสียจนสับสนว่ากำลังเป็นทุกข์เพราะสิ่งใดแน่
บัดนี้เมื่อได้อยู่กับตนเองตามลำพัง มาวันทาเริ่มงุนงงกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น
เพราะสำรวจแล้วเจอแต่เรื่องไร้เหตุผลทั้งสิ้น
แทนการเข้านอนดังตั้งใจแต่แรก
แพทย์สาวเลือกออกจากห้องมายืนที่หน้ามุขในอาการครึ่งเหม่อ
แหงนมองห้วงฟ้ามืดแล้วตระหนักว่าหล่อนกำลังอยู่คนเดียวตามลำพัง
สดับความเงียบงันรอบด้านราวกับไม่เคยมีใคร ไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยเสียภาวะโสดไปไหน
ความทึบแน่นด้วยพายุฟุ้งซ่านเกี่ยวกับลัดธีร์ค่อยๆ
เบาบางลงจนปลอดโปร่ง
น่าแปลกที่คลื่นแทรกในหัวระลอกต่อมากลายเป็นสุ้มเสียงหวานซึ้งของลานดาวยามสาธยายความงามของฟ้าราตรีผ่านเพลงร้อง
ริมฝีปากมาวันทาค่อยๆ คลี่ออกเป็นยิ้มกริ่ม
เสน่ห์ลี้ลับของเพดานประดับดาราเบื้องบนอาจเทียบได้กับเสน่ห์ล้ำลึกของลานดาวผู้พราวพร้อมด้วยสมบัตินานาชนิด
แม้ผู้หญิงด้วยกันยังต้องแอบหลง
พักหลังหล่อนห่างเพื่อนเก่าๆ
ไป เพราะต้องกระจายออกต่างจังหวัดกัน ดีไม่น้อยที่มีลานดาวเข้ามาในชีวิตช่วงนี้
เพิ่งรู้ตัวว่าเหงา และอยากมีใครเป็นเพื่อนใกล้ตัวยามเดียวดาย
เพลินมองหมู่ดาว
พรุ่งนี้หล่อนคงไม่เหงาอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น