หนี้ที่ยังไม่ใช้ จะถูกตามทวงเรื่อยไป
หนี้บุญกับหนี้บาป
ในชีวิตประจำวัน
คุณคงเห็นว่าการยังไม่ใช้หนี้ แล้วจะคาดหวังความเบากายสบายใจนั้น ไม่ใช่วิสัย
นั่นเป็นทำนองเดียวกับหนี้กรรม ตราบใดคุณยังไม่ชดใช้
ตราบนั้นคุณไม่มีทางเป็นสุขราบรื่น
สำหรับหนี้ในหัวข้อนี้หมายถึงภาระต้องชดใช้ในทางใดทางหนึ่ง
เป็นสิ่งที่อาจหลบเลี่ยงไม่ยอมใช้กับเจ้าหนี้โดยตรงก็ได้
แต่เกมกรรมจะใช้ให้คนอื่นไปทวงแทน และการทวงอาจมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
หากเป็นหนี้ขนาดใหญ่ คุณจะรู้สึกแต่ว่าชีวิตมีแต่เรื่องน่าหนักอก
แต่หากเป็นหนี้ขนาดเล็ก คุณอาจรู้สึกเพียงรำคาญ
แต่ไม่ว่าจะหนักอกนานๆหรือรำคาญสั้นๆ
คุณก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังชดใช้หนี้ก้อนไหนอยู่บ้าง
นี่คือกติกาอีกข้อหนึ่งของเกมกรรมที่อาจฟังดูแล้วไม่ยุติธรรมเอาเลย
คุณไม่เคยเห็นใบเสร็จชัดๆ แต่จะโดนทวงอย่างทารุณเมื่อครบกำหนดชำระแล้วไม่ชำระ
หนี้แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ
๑) หนี้บุญคุณ
หมายถึงการที่ใครบางคนช่วยให้คุณดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือนำคุณออกมาจากสถานการณ์ลำบาก
หรือทำให้คุณสุขกายสบายใจเป็นพิเศษ การติดหนี้บุญคุณแตกต่างจากคะแนนติดลบ เพราะส่วนใหญ่การไม่มีโอกาสชดใช้หนี้ยังไม่ทำให้คุณต้องประสบทุกข์
หนี้ประเภทนี้จะให้ผลหนักเมื่อคุณจงใจลืมบุญคุณ หรือกระทั่งทำร้ายผู้มีพระคุณ
ผลของการทำร้ายผู้มีพระคุณอาจคูณสิบ คูณร้อย หรือคูณพันของการทำร้ายคนทั่วไป
พระคุณยิ่งสูงมากตัวคูณยิ่งสูงตาม
๒) หนี้บาปเวร หมายถึงการที่คุณทำให้ใครบางคนต้องบาดเจ็บล้มตาย
หรือทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก หรือทำให้เขาทุกข์กายไม่สบายใจผิดปกติ
การติดหนี้บาปเวรเป็นอันเดียวกับคะแนนติดลบ
จะต่างกันก็ตรงที่คะแนนติดลบธรรมดาอาจไม่เกี่ยวข้องกับใคร
เช่นคุณดื่มเหล้าเมาจนสุขภาพเสื่อมโทรมโดยไม่รบกวนใครจัดเป็นคะแนนติดลบธรรมดา
ทว่าถ้าเมาสุราอาละวาด ทำร้ายคนอื่นด้วย อย่างนี้ถือเป็นหนี้บาปเวรที่ต้องชดใช้
วิธีใช้หนี้บุญคุณ
๑) สำนึกบุญคุณ
หมายถึงการจดจำไว้ไม่ลืม
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่แกล้งลืม ว่าใครเคยให้ความช่วยเหลืออะไรคุณไว้บ้าง
วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ลืมบุญคุณคนก็คือหมั่นระลึกถึงเสมอๆ
อาจจะด้วยการนำรูปบุคคลที่มีพระคุณสูงสุดมาแขวนไว้ในจุดเห็นง่าย
และกราบไหว้อยู่เนืองๆ
การกราบไหว้เปล่าๆกับการกราบไหว้ด้วยความระลึกถึงบุญคุณนั้นแตกต่างกันมาก
ด้วยการระลึกถึงพระคุณท่าน คุณจะรู้สึกถึงความอ่อนน้อม ความเป็นมงคลอันอบอุ่น
อาการทางใจเช่นนี้คือการลดทิฐิมานะและความทะนงลงเสียได้
การสำนึกบุญคุณนั้น
ไม่ว่าจะด้วยการระลึกขึ้นมาเฉยๆหรือการหมั่นกราบไหว้รูปเคารพ
จะทำให้ตัวตนของคุณเล็กลง เพราะตระหนักว่าที่โตขึ้นมาได้ หรือดีขึ้นมาได้
ย่อมไม่ใช่จากตัวเองโดดๆ อย่างน้อยต้องมีการให้ความช่วยเหลือค้ำจุนจากผู้อื่นเสมอ
คนสำนึกบุญคุณเก่งๆจะไม่ลืมตัวง่ายๆ และนั่นก็หมายความว่าจะตกต่ำลงยากด้วย
การระลึกถึงบุญคุณคนทำให้คุณพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้มีพระคุณเต็มกำลัง
หรือเท่าที่มีโอกาสเป็นไปได้ คุณจะไม่มานั่งคำนวณว่าใครให้คุณมาเท่าใด
คุณใช้ไปเท่านั้นหรือยัง
คุณจะรู้สึกอยากตอบแทนตามโอกาสเท่าที่ใครคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
การหมั่นระลึกถึงและตอบแทนบุญคุณ
จะเป็นภูมิคุ้มกันโรคเนรคุณ ผู้ลืมระลึกถึงบุญคุณคนนั้น
ในที่สุดจิตมักลืมอย่างสนิทว่าติดหนี้ใครอยู่บ้าง นั่นเป็นธรรมชาติของจิต
ที่เมื่อไม่เข้าข้างสว่างก็ย่อมยืนอยู่ข้างมืด ความมืดคือโมหะที่เข้าครอบงำ
เมื่อถูกครอบงำหนักเข้าก็มีสิทธิ์ยกชั้นขึ้นเป็นการเนรคุณ
แค่กรรมที่ลืมบุญคุณคนก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
๒) หาทางตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คำว่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
อาจเข้าใจง่ายถ้าเป็นกรณีทั่วไป เช่นเมื่อคุณเป็นหนี้ใครหนึ่งพันบาท
การตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อคือให้คืนเขาพันบาท
หรือควรติดเศษนิดหน่อยเป็นดอกเบี้ยตามอัตรามาตรฐาน
แต่หลายครั้งบุญคุณวัดกันเป็นตัวเงินไม่ได้
อย่างเช่นพ่อแม่นั้น ช่วยให้คุณเอาชนะเงื่อนไขข้อจำกัดทางธรรมชาติ
ที่มนุษย์จะอุบัติและมีความเต็มรูปด้วยตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยท้องคนอื่นเกิด
ต้องอาศัยคนอื่นเลี้ยงดูจนเติบโต ต้องอาศัยคนอื่นส่งเสียให้เล่าเรียน
ซึ่งตามเกณฑ์ปกติจะมีใครเต็มใจ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ
ดังกล่าวแล้วในบทที่ ๒
ว่ากายใจมนุษย์เป็นอุปกรณ์เล่นเกมราคาแพง คุณได้มาจากใคร คนนั้นจึงมีบุญคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ฉะนั้นการตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อจึงมิอาจตีค่าด้วยการให้เงินทองเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้
ถ้าพวกท่านไม่มีคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ได้
แต่ถ้าไม่มีพวกท่านคุณจะไม่มีเลือดเนื้อและชีวิตขึ้นมาได้เอง
ฉะนั้นต่อให้เอาสมบัติทั้งหมดที่คุณใช้เลือดเนื้อนี้หามายกให้ท่านน้ำหนักก็ยังไม่เรียกว่าใช้หนี้ครบ
เพราะเลือดเนื้อทั้งหมดของคุณยังเป็นหนี้อยู่ทั้งก้อน
คุณจะหาสมบัตินอกกายชิ้นใดมาเทียบได้
การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจนับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น คุณต้องมีโอกาสด้วย โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ
และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล แล้วคุณสามารถโน้มน้าว ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
ที่กล่าวได้เช่นนั้นก็เพราะในเกมกรรมนี้
กรรมดีนั่นเองคือที่พึ่งที่แท้จริง เมื่อคุณทำให้ท่านศรัทธากฎแห่งกรรมวิบาก
ตั้งมั่นในทาน ตั้งมั่นในศีล ก็เท่ากับคุณตอบแทนเลือดเนื้อก้อนนี้เป็นอัตภาพดีๆในเกมกรรมครั้งต่อๆไปของท่านนั่นเอง
ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงานก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
เรื่องน่าเศร้าคือเกมกรรมจะปิดบังไม่ให้คุณเห็นช่วงเวลาที่แม่ลำบากตั้งท้องคุณ
ไม่เปิดเผยให้เห็นช่วงนาทีวิกฤตที่ต้องทุกข์สาหัสกับการเบ่งคุณออกมา
กับทั้งไม่ให้คุณรับรู้ว่าพ่อแม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงคุณอย่างไร
คุณจึงเห็นแค่บุญคุณของครู บุญคุณของเพื่อน
บุญคุณของใครต่อใครอื่นๆในโลกที่ทุ่มเทเวลาช่วยเหลือคุณ
และอาจตัดสินว่าน้ำหนักคงพอๆกันกับที่พ่อแม่ช่วยเหลือคุณมา
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ และไม่สำนึกบุญคุณ
หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน
(และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น) หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
ในกรณีทั่วไป สำหรับใครก็ตามที่มีพระคุณ
โดยเฉพาะในระดับที่คุณรู้สึกซาบซึ้งและเป็นหนี้บุญคุณ
การใช้หนี้ที่ดีที่สุดคือการให้ความสุขกับเขา
อะไรก็ตามที่ทำแล้วรู้ว่าเขาจะเป็นสุข จงทำให้มาก และทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย
อย่ากะเกณฑ์ว่าแค่นี้ใช้หนี้ให้แล้ว ถือว่าหายกันแล้ว
เพราะโดยทั่วไปถ้าจิตคุณถึงขั้นรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณใคร
ส่วนใหญ่บุญคุณนั้นจะหนักยิ่ง อย่าประมาณเลยว่าชดใช้แค่นั้นแค่นี้แล้วจะพอ
หมายเหตุไว้ด้วยว่าการใช้หนี้บุญคุณควรเป็นไปตามกำลัง
และไม่ใช่ต้องทุ่มเงินทุ่มทองเท่านั้น ยังมีวิธีในโลกมากมายที่คุณรินสุขสู่ใจใครๆโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเงินทอง
เช่นความคิดปรารถนาดี ก็เป็นคลื่นความสุขที่ส่งและสื่อจากใจถึงใจได้แล้ว
คำพูดและกิริยาอ่อนน้อมให้เกียรติก็นับว่าเป็นการลงมือตอบแทนได้อย่างหนึ่งด้วย
ดังกล่าวแล้วในหัวข้อก่อน
กำหนดระยะการใช้หนี้ในเกมกรรมนั้น
โดยทั่วไปจะ ‘ควรใช้ทันทีเมื่อสบโอกาส’ หรือให้ดีกว่านั้นคือไม่ประมาท คิดว่า
‘รีบใช้เสียก่อนเจ้าหนี้ตาย’ ขอเพียงเริ่มจากความตั้งใจจริง
แม้ยังไม่ลงมือก็ถือว่าใช้ไปบางส่วนแล้ว ชีวิตนี้คุณอาจไม่มีโอกาสใช้หนี้ครบถ้วน
แต่ขอเพียงมีใจคิดอยู่บ้าง คุณก็จะรู้สึกเบาตัวลง เหมือนคนสบายใจได้ใช้หนี้
ไม่ใช่ทำไม่รู้ไม่ชี้ดองหนี้ไว้จนกลายเป็นคนขาดความนับถือตัวเองไป
วิธีใช้หนี้บาปเวร
๑) สำนึกผิด
เป็นขั้นแรกสุดที่ง่ายที่สุด
เหมือนไม่ต้องลงทุนอะไร แต่ดูจากความจริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่าขั้นของการสำนึกผิดอาจยากกว่าขั้นอื่นใด
เพราะขณะที่คนเราทำผิดด้วยความโลภ ความโกรธ หรือความหลงเขลา
จิตมักไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่านั่นเป็นความผิด และเมื่อไม่รู้สึกจริงๆว่าผิด
ก็คงยากที่จะมีใครไปบอกให้มองเห็นว่ามันผิด
กิเลสของคนผิดจะทำให้ไม่ยอมรับและคิดปฏิเสธเรื่อยไป
เหตุของความสำนึกผิดหลักๆมีอยู่สองประการ
ประการแรก หลังจากที่คุณทำอะไรเลวๆลงไป ต่อมาคุณทำดี
แล้วมีเส้นทางพัฒนาความดียิ่งๆขึ้น
พอถึงวันหนึ่งมีสิ่งสะกิดใจให้ระลึกถึงความเลวในอดีต
จิตอันเป็นกุศลแล้วของคุณย่อมเป็นตัวบอกเองว่านั่นมันเลว นั่นมันกรรมดำ
นั่นเป็นเรื่องน่าละอาย คุณจะเกิดความเสียใจและอยากไถ่โทษ
ซึ่งระดับความแรงจะมีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของจิตขณะนั้นๆ
บุญยิ่งมากยิ่งสำนึกผิดแรงมาก
ประการที่สอง
คุณมีบุญเก่าในอดีตชาติประเภทเคยสำนึกผิดอย่างรุนแรง
และเคยได้ชดใช้ความผิดชนิดทุ่มกายถวายชีวิตไถ่บาปมาก่อน เมื่อชาตินี้ทำผิดอีก
อดีตกรรมก็ส่งผลให้สำนึกได้เร็ว และสำนึกได้แรง
โดยทั่วไปการสำนึกผิดที่ประกอบด้วยความตั้งใจว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก
ถือว่าเป็นการใช้หนี้บาปเวรไปแล้วส่วนหนึ่ง
แต่จะมากหรือน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับโอกาสพิสูจน์ตัวเองด้วย
คือภายหลังเมื่อมีโอกาสทำผิดทำเลวดังเคย
หากคุณปฏิเสธโอกาสนั้นแม้ต้องยอมแลกด้วยชีวิต
ก็ถือว่าความสำนึกผิดของคุณแรงในระดับใช้ลบชื่อคุณออกจากบัญชีบาปเวรชนิดนั้นๆได้
และบาปเวรเก่าก็จะเบาบางลงกว่าครึ่ง
๒) ขอโทษ
คนที่ขอโทษบ่อยๆนั้นพูดคำว่าขอโทษง่าย
แต่คนที่นานๆพูดทีจะรู้สึกว่ายาก เพราะจิตต้องยอมรับให้คนอื่นรู้ว่าตนผิด
ซึ่งทิฐิมานะและความอหังการของมนุษย์เราไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นง่ายนัก
อย่างไรก็ตาม
คำขอโทษยังแบ่งออกเป็นอีกหลายชั้น หลายวรรณะ บางคนขอโทษบ่อยเสียจนรู้สึกว่าทำอะไรผิดบ่อยๆก็ได้
ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยขอโทษเอาทีหลัง
คำขอโทษที่ตามหลังการประมาทหรือขาดความระมัดระวังจนติดเป็นนิสัยนั้น
ไม่ใช่คำขอโทษที่มีค่านัก
ส่วนบางคนนานๆขอโทษที
แต่กล่าวออกมาจากใจเต็มๆจริงๆ ประกอบด้วยความสำนึกผิดจริงๆ และมีความตั้งใจที่ดี
ที่จะไม่ทำอีกจริงๆ อันนั้นเป็นคำขอโทษที่มีค่า และเกิดจากจิตอันเป็นมหากุศล
การขอโทษอาจไม่ได้เป็นคำพูดขอโทษเสมอไป
แต่อาจเป็นการทำดีลับหลัง
เช่นในกรณีที่บุคคลที่คุณทำเรื่องเลวๆกับเขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว
คุณอาจพูดสรรเสริญหรือทำอะไรเป็นการเชิดชูท่านเพื่อให้ผู้คนนึกนิยมชมชื่น
อย่างน้อยที่สุดความสุขที่ได้ทำดีจะกลบกลืนความรู้สึกผิดได้บ้าง
หรือถ้าหากคุณจำไม่ได้กระทั่งชื่อแซ่หรือหน้าตา
ไม่ทราบว่าปัจจุบันเขามีชีวิตอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด
คุณก็อาจขอโทษเขาผ่านการทำดีกับคนอื่นแทน
เช่นคุณเคยทำร้ายจิตใจใครด้วยคำพูดเสียดแทง ปัจจุบันคุณไม่มีทางพบใครคนนั้นอีกแล้ว
คุณก็เพียงตั้งใจว่าต่อไปนี้จะพูดแต่คำที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกดี
ปริมาณของบุญคุณที่สร้างขึ้นใหม่จะเหมือนน้ำดีกลุ่มใหญ่ไล่น้ำเสียกลุ่มน้อยได้
๓) ให้อภัย
ก่อนอื่นต้องมองว่าตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น
คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้ เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย
และทราบชัดจากความเบาหัวอก ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง
หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว
เมื่อจิตสะอาดได้ด้วยการคิดอภัย
ปราศจากกลิ่นไหม้ของไฟพยาบาทแล้ว คุณจะค่อยๆนึกออกว่าสิ่งที่คุณถูกกระทำนั้น
คุณเองก็เคยกระทำไว้ก่อนกับคนอื่น ถึงตรงนั้นคุณจะค่อยๆมีสัมผัสเกี่ยวกับกรรมวิบาก
มองเห็นความสอดคล้อง มองเห็นการสะท้อนไปสะท้อนมาของเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน
มองเห็นความยุติธรรม ตลอดจนมองเห็นน้ำหนักความทุกข์ของผู้ที่ถูกคุณกระทำ
เปรียบเทียบได้กับความทุกข์ที่คุณโดนกระทำเข้าให้บ้าง
และนั่นเองจะเป็นการยอมรับกฎการสะท้อนกลับของกรรมอย่างหมดหัวใจ
คุณจะเลิกรู้สึกไปเองว่าทำอะไรก็ได้ไม่ต้องรับผล
นอกจากนั้น
คุณจะค่อยๆสังเกตและมีความรู้เพิ่มขึ้น
คือไม่ว่าคุณเป็นฝ่ายเริ่มก่อนหรือเป็นฝ่ายถูกกระทำ ขอเพียงคิดประทุษร้ายกัน
มีความผูกใจเจ็บกัน เล็งแลกันและกันด้วยแววพยาบาทอาฆาต
เท่านั้นก็เรียกว่าเป็นบาปเวรระหว่างกันแล้ว
ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้อภัยได้ไม่จำกัด ไม่มีความพยาบาทตกค้างแม้แต่ในความคิด
นั่นเองจิตจะทำตัวเป็นน้ำทิพย์ล้างรอยแค้น ทั้งฝ่ายตนและฝ่ายเขา ในที่สุดความอาฆาตในฝ่ายเขาย่อมทนตั้งอยู่ไม่ได้
ต้องเลือนหายไปในที่สุด
สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้นแล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้ ขอให้จำไว้ว่าคุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
มีกรณีที่ยากจะอภัยอยู่มากมาย
และยิ่งเกิดบ่อยขึ้นทั่วทุกหัวระแหงในปัจจุบัน เช่นบางคนรับกรรมที่เคยทำไว้กับลูกในเกมกรรมครั้งก่อนๆ
ต้องมาเกิดกับพ่อแม่ที่ทำเรื่องเลวร้ายกับตน เช่นเมาเหล้าทุบตี
เป็นผีพนันที่หันมาปล้นเงินคนที่บ้าน
เป็นพ่อที่ทำบัดสีบัดเถลิงกับลูกที่ไม่มีทางขัดขืน เป็นแม่ที่ขายลูกสาวกิน
กรณีเช่นนี้อย่าว่าแต่จะมีกำลังใจตอบแทน
แค่ห้ามใจไม่ให้คิดอยากฆ่าพ่อแม่ตัวเองก็นับว่ายากแล้ว
แน่นอน
เมื่อถูกเกมกรรมปิดบังอดีตชาติไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ความหลงลืม’
ก็ย่อมไม่มีทางทราบได้ว่าการถูกข่มเหงในบ้านโดยพ่อแม่ของตนเอง
คือการแสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งของกรรมเก่า คุณอาจทำไว้กับลูกตัวเองหรือทำไว้กับคนอื่น
และเมื่อไม่อาจทำใจให้เชื่อว่านั่นคือกรรมเก่าของตน ก็ย่อมผูกใจพยาบาทอาฆาต
แล้วกลายเป็นปมพยาบาทระหว่างคนในครอบครัวซึ่งยากมากๆที่จะถ่ายถอน
ตามกฎข้อแรกๆของเกมกรรมนั้น
คือถ้าคุณอาฆาตแค้นพ่อแม่รุนแรง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ชีวิตคุณจะเหมือนมีบาดแผลใหญ่
ทำอะไรเจริญยาก ถึงแม้บุญเก่าหนุนให้รุ่งเรืองก็ต้องมีอันเป็นทุกข์
ไม่สุขใจจากความรุ่งเรืองนอกกายดังกล่าว
การอภัยในเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุด
ทำได้ยากที่สุด จึงแทบจะเป็นการทำแต้มสูงสุดในเกมกรรม
และกล่าวได้ว่าเป็นการใช้หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็น่าเห็นใจ
แต่หากทำได้ ก็ไม่มีบุญกุศลชนิดไหนๆอีกแล้วที่คุณจะทำไม่ได้
สำหรับพ่อที่เลว ไม่ดูแลรับผิดชอบลูกเมีย
หรือทำเรื่องเลวร้ายกับลูกๆได้ลงคอนั้น อาจได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้น้ำกามไม่มากนัก
ทว่าสำหรับผู้เป็นแม่ จะดีเลวอย่างไรก็ตาม ทุกคนเป็นหนี้การอาศัยท้องท่าน ๙
เดือนเสมอ จึงกล่าวได้ว่าระหว่างพ่อเลวกับแม่เลว การโกรธเกลียดแม่ที่เลวเป็นบาปกว่า
และในทางตรงข้าม การให้อภัยแม่ที่เลวย่อมได้ผลเป็นบุญเกินประมาณ
๔) ตั้งความปรารถนาดี
สิ่งที่ยากกว่าการอภัยคือการดีตอบกับคนที่ร้ายกับคุณก่อน
สำหรับคนทั่วไปอาจฟังเป็นเรื่องบ้าและไม่น่าเป็นไปได้ หรือแม้เป็นไปได้ก็ไม่ควรทำ
แต่สำหรับคนที่มองชีวิตเป็นเกมกรรม การดีตอบไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย
ตรงข้ามกลับจะเป็นโอกาสโกยคะแนนพิเศษสองเท่าสามเท่าของคะแนนทำดีปกติด้วยซ้ำ
เมื่อมีแก่ใจตั้งความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเคลือบแฝง
คุณก็ย่อมมีทุนพอที่จะพูดดีและทำดีกับเขาในเวลาต่อมา ฉะนั้นปัญหาอยู่แค่ที่ใจ
ทำอย่างไรคุณจึงสามารถตั้งความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจกับคนที่มาทำเรื่องแย่ๆกับคุณได้
ก่อนอื่นใดคุณต้องสร้างกำลังใจให้ตนเอง
กำหนดใจลงไปให้แน่วแน่ ว่าถ้าคุณกำลังอยู่ในเกมกรรมจริง
และการทำดีตอบคนที่ร้ายกับคุณเป็นการทำคะแนนอย่างสูงจริง ก็แปลว่าหากทำได้สำเร็จ
จะต้องมีเรื่องดีๆที่คาดไม่ถึงปรากฏให้เห็นอย่างแน่นอน
และหากคุณไม่รอดูเหตุการณ์ภายนอก
แต่เฝ้าสังเกตเหตุการณ์ภายในจิตใจอันสับสนอลหม่านของตนเอง
ก็จะพบภาวะมหัศจรรย์ที่เรียกว่า ‘มหาโสมนัส’ คุณเป็นคนดี
คุณทำในสิ่งยากที่ใครจะทำได้ และธรรมชาติของจิตก็สนองคืนให้ด้วยความรู้สึกที่ลึกล้ำเกินพรรณนา
การตั้งความปรารถนาดีไว้ล่วงหน้า
ชนิดง่ายที่จะตามมาด้วยการอยากพูดให้เขาเป็นสุข อยากทำบางอย่างให้เขาสบาย
ก็คือรูปแบบหนึ่งของการแผ่เมตตา
หนี้บาปเวรจะหมดไปอย่างรวดเร็วด้วยการชะล้างของเมตตาจิต
ยิ่งคุณแผ่เมตตาได้เข้มแข็งหนักแน่นและต่อเนื่องขึ้นเพียงใด
บาปเวรก็จะยิ่งถอยห่างหนีหายไปมากขึ้นเท่านั้น
ขอให้จำกฎแห่งเกมกรรมข้อนี้ไว้เป็นหลัก แล้วเฝ้าติดตามสังเกตดูว่าเป็นความจริงไหม
หากเป็นจริง
คุณจะได้เริ่มตื่นเต้นกับการเล่นเกมกรรมด้วยความรู้ความเข้าใจใหม่ๆเสียที!
๕) ช่วยชีวิตสัตว์
การทวงหนี้หลายๆครั้งมาในรูปของเมฆหมอกดำทะมึนที่ห่อหุ้มชีวิตทั้งหมดไว้
เช่นโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนอย่างหนักถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ถ้าคุณจิตใจสงบเยือกเย็นในเวลาหนึ่ง
แล้วกลับลุกเป็นไฟ มีความคิดเหี้ยมเกรียมได้เป็นตรงข้าม
ขอให้สันนิษฐานว่าอดีตชาติคุณเคยดุร้ายมามาก
หรืออาจถึงขั้นเหี้ยมโหดเป็นโจรที่ฆ่าฟันคนไม่มีทางสู้
แต่ภายหลังกลับตัวสำนึกผิดได้
และเป็นความรู้สึกที่รุนแรงขนาดเหวี่ยงกลับมาเป็นขั้วตรงข้าม
ประเภทนี้เกิดใหม่มักเป็นคนดี หรืออาจจะแสนดี
แต่ก็มีปมร้าย มีภาคอันตรายซุกซ่อนที่ยากจะอธิบายและไม่เป็นที่เข้าใจแม้กระทั่งต่อตนเอง
รู้แต่ว่าวันดีคืนดีก็ปรากฏเป็นที่ประจักษ์กันได้
หากคุณเข้าข่ายทำนองนี้
ขอให้ทราบว่าคุณหนีนรกมาได้ทีหนึ่งแล้ว นับเป็นโชคดีแล้ว
แต่สิ่งที่คุณจะต้องเผชิญในชีวิตมนุษย์ครั้งนี้ ก็คือสุขภาพที่อ่อนแอ
หรือความเจ็บป่วยทรมานเรื้อรังที่ยากจะหาหมอรักษาให้หายขาด
แม้วิทยาการแพทย์เจริญก้าวหน้าเพียงใด กรรมเก่าจะส่งอาการลึกลับมาเอาชนะจนได้
หรือแม้เจอหมอเทวดาช่วยได้โรคหนึ่ง ก็หนีไปสร้างโรคใหม่ขึ้นอีกทาง
วนเวียนทำความทุกข์ให้กับคุณจนอยากตายไปให้พ้นๆ ซึ่งถ้าฆ่าตัวตายสำเร็จก็นั่นแหละ
เข้าทางกรรมเก่าเขาแล้ว ผู้ตายด้วยจิตที่เศร้าหมองย่อมมีทุคติเป็นที่หวังเสมอ
ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว
ขอให้ลองใช้ชีวิตที่เหลือน้อยนั้นปลดปล่อยสัตว์อื่นให้รอดตายดู
จะคิดว่าเป็นการทดลองครั้งสุดท้ายหรือเพื่อความสบายใจก่อนตายอย่างไรก็แล้วแต่
สำคัญคือไม่ใช่แค่ปล่อยนกปล่อยปลาสองสามตัว คุณต้องปล่อยถี่ๆ ปล่อยมากๆ
และปล่อยอย่างต่อเนื่องนานๆ กระทั่งเกิดจิตเป็นมหาทานที่ตั้งมั่น
เคยชินกับการไถ่ชีวิตสัตว์ ไม่ไถ่ชีวิตสัตว์แล้วรู้สึกว่าความสุขมันพร่องไป
ทุกวันมีสัตว์มากมายต้องตายเพื่อเป็นอาหาร
จุดที่คุณสามารถช่วยพวกมันได้ง่ายหน่อยคือตลาดสด
แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน สัตว์ยิ่งตัวใหญ่มากขึ้นก็ยิ่งมีพลังชีวิตมากขึ้น
การยืดชีวิตของสัตว์ทั้งใหญ่และเล็กไม่เลือกหน้าจะช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยที่ลึกลับทั้งน้อยและใหญ่ได้แบบครบวงจร
๖) รักษาศีล
การตั้งใจรักษาศีลคือการสร้างมหาทาน
เพราะการตั้งใจงดเว้นฆ่าสัตว์ งดเว้นลักทรัพย์ งดเว้นกามที่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น
งดเว้นถ้อยคำอันเป็นทุจริต และงดเว้นการเสพสุรายาเมานั้น
เป็นการกระทำชีวิตให้ปลอดภัยแก่ตนและผู้อื่นอย่างยิ่ง แม้เขาเคยค้างชำระหนี้คุณมา
และเกมกรรมจัดสรรให้คุณมีสิทธิ์ทวงหนี้เขาคืน คุณก็ไม่ทวง อันนั้นแหละ
จึงกล่าวได้ว่าศีลจัดเป็นมหาทานอันเยี่ยม ขอให้พิจารณาเป็นข้อๆไป
ถ้าเจตนางดเว้นฆ่าสัตว์ที่คุณมีสิทธิ์ฆ่าง่ายๆ
เช่นมดและยุง คุณได้ชื่อว่าใช้หนี้เก่าที่อาจเคยก่อกวนให้ผู้อื่นรำคาญ
ส่วนหนี้ที่มดและยุงทำให้คุณรำคาญ คุณก็ยกให้พวกมันไป
ถ้าเจตนางดเว้นลักทรัพย์ที่คุณมีโอกาสทำได้
คุณได้ชื่อว่างดการทำความเสียหายให้แก่ผู้ที่จะต้องเสียหาย
เหมือนเขาได้รับการยกโทษจากคุณ และคุณก็จะไม่ต้องเป็นผู้ติดหนี้ให้เกิดวงจรอุบาทว์
วันหนึ่งเป็นขโมย อีกวันหนึ่งถูกขโมย
ถ้าเจตนางดเว้นกามที่ละเมิดสิทธิ์ผัวเขาเมียใคร
หรือละเมิดสิทธิ์พ่อแม่ผู้ปกครองเลี้ยงดู คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ทำเรื่องบาดใจแก่ผู้สมควรโดนกรรมเก่าเล่นงานให้บาดใจ
และคุณเองก็จะไม่ต้องสร้างหนี้ใหม่จนตกไปอยู่ในฐานะถูกกระทำให้บาดใจด้วย
ถ้าเจตนางดเว้นการโกหก
คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ยกประโยชน์ให้คนที่สมควรถูกหลอก ถ้าเจตนางดเว้นคำเสียดแทงใจ
คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ยกประโยชน์ให้คนที่สมควรได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ
ถ้าเจตนางดเว้นคำหยาบ
คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ยกประโยชน์ให้คนที่สมควรโกรธเกลียดด้วยการฟังคำด่าทอ
ถ้าเจตนางดเว้นการพูดเพ้อเจ้อไร้สติ
คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ยกประโยชน์ให้คนที่สมควรมึนงงฟุ้งซ่านจากการฟังคำพูดอันเลื่อนลอย
ถ้าเจตนางดเว้นการเสพสุรา ยาอี
ยามอมเมาให้สติขาดหายทั้งหลาย
คุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่กระทำตนให้เข้าข่ายบุคคลอันตราย
คุณทำความปลอดภัยให้สังคมจากการดำรงตนเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
คุณจะไม่เป็นเครื่องมือของเกมกรรม
ลงโทษผู้สมควรได้รับอันตรายจากการถูกคนเมาสุราอาละวาด
บทต่อๆไปจะแสดงให้เห็นว่ามีชีวิตจนเติบโตมา
คุณต้องใช้หนี้ไปไม่มากก็น้อย แต่ขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์ก่อหนี้เพิ่มได้ตลอดเวลา
อ่านต่อบทที่ ๕ >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น