วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม (ตอนที่ ๓๕. ออกสู่โลกกว้าง)

ตอนที่ ๓๕. ออกสู่โลกกว้าง


จากเช้าตรู่ถึงเย็นวันอาทิตย์นั้น ดีเจประจำสถานีวิทยุประเภทเปิดเพลงตามคำขอเกือบยี่สิบรายทั่วกรุงเทพฯได้พบกับความประหลาดใจ เมื่อมีหนุ่มสาวสามคนแวะมาขอเยี่ยมถึงห้องส่ง โดยเฉพาะสาวน้อยหน้าสวยบาดจิตในชุดขาวลายรุ้งเลื่อมพรายที่โดดเด่นฉายรัศมีดาราดัง มาถึงก็แนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของเว็บไซต์ช่วยเหลือคนคิดฆ่าตัวตาย ที่กำลังต้องการโปรโมตให้คนรู้จักผ่านเพลง ‘ฆ่าคุณ’ ที่หล่อนประพันธ์ขึ้น

อมฤตทำหน้าที่เป็นเด็กหิ้วเครื่องเสียงเปิดเพลงให้เหล่าดีเจฟัง ดนตรีของลานดาวเป็นแนวป๊อบร็อกผสมนิวเอจที่เพียงได้ยินทำนองกับคำร้องแล้วติดหูทันที เนื้อหาเชิญชวนให้รู้จักชีวิตและแก้ทุกข์ให้ตกเสียก่อนจากโลกนี้ไป ชื่อเพลง ‘ฆ่าคุณ’ นั้นเมื่ออ่านออกเสียงครั้งแรกอาจฟังเป็น ‘ค่าคุณ’ ก็ได้ และเนื้อหาภายในเพลงก็มีฮุกเด็ดเล่นคำเช่น คุณค่าทุกข์ ใช่มีไว้ฆ่าคุณ ค่าของคุณ สิมีไว้ฆ่าทุกข์…

เผอิญมาวันทามีเพื่อนเก่าเป็นดีเจดัง ผู้ได้ชื่อว่ามีวัยรุ่นติดกันมากที่สุด มักออกอากาศในช่วงเวลาที่มีคนฟังมากสุด จึงเอาแผ่นซีดีไปมอบให้ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน และได้ฤกษ์เบิกโรงในช่วงสายวันอาทิตย์นี้เอง ดีเจเพื่อนของมาวันทาเอาใจโดยการเปิดให้เป็นเพลงแรกของรายการเสียด้วย และสามหนุ่มสาวก็ได้ฟังจากวิทยุในรถของอมฤตขณะตระเวนแจก จึงสามารถทราบผลของการออกอากาศครั้งแรกเดี๋ยวนั้น

หลังพักโฆษณา ดีเจกลับมาช่วยเชียร์ด้วยการเล่าว่าเจ้าหน้าที่ได้รับโทรศัพท์สายแทบไหม้ ไถ่ถามชื่อเพลงและชื่อนักร้องกันยกใหญ่ บางคนยังฟังเนื้อเพลงไม่ถนัดด้วยซ้ำ แต่แก้วเสียงดุจมนต์สะกดและท่วงทำนองที่ติดหูง่ายหลายๆช่วง ทำเอาตาตื่นทั้งที่เพิ่งงัวเงียลุกจากที่นอน และรี่มาต่อโทรศัพท์ถึงทางรายการทันที ทุกคนขอฟังซ้ำเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งแน่นอนดีเจย่อมทนเสียงรบเร้าไม่ไหว ต้องรีบเปิดอีกรอบเพื่อเอาใจพระคุณท่านทั้งหลายเป็นการด่วน

แม้ว่าลานดาวจะใช้ซินธิไซเซอร์ประกอบคอมพิวเตอร์ในการทำดนตรีแบบโฮมสตูดิโอ ไม่ได้อาศัยมืออาชีพกับอุปกรณ์ในห้องบันทึกใหญ่มาช่วย ก็ปรากฏว่าคนฟังต่างเข้าใจว่าเป็นดนตรีเข้าขั้นมาตรฐานซึ่งส่งมาจากค่ายเพลงใดค่ายเพลงหนึ่ง ไม่มีเลยที่นึกว่าเป็นมือสมัครเล่น เห็นได้จากการที่มหาชนยิงคำถามกันเสียงหลง ว่าเพลงนั้นมาจากค่ายใด ทำไมไม่เคยเห็นวี่แววจากแหล่งข่าวไหนมาก่อน

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแนะนำชื่อนักร้องโนเนม ลานดาว ลีลากีรติ เจ้าของเว็บไซต์คู่มือนักฆ่าตัวตาย ดีเจบอกหลักแหล่งที่อยู่ที่ทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ และสามารถดาวน์โหลดเพลงในรูป MP3 อื่นๆมาฟังกันให้หนำใจต่ออีกด้วย

ตลอดสัปดาห์ถัดจากนั้นคือความโกลาหลของวงการเพลงอย่างแท้จริง ค่อยๆมีรายการวิทยุต่างๆกระจายเสียงเสนาะของลานดาวไปสู่คอเพลงมากขึ้นๆราวกับการผุดของดอกเห็ด ความแปลกใหม่คือเพลงของลานดาวหาซื้อตามแผงไม่ได้ ไม่มีสังกัด ไม่มีชื่อชุดอัลบัม มีแต่ที่อยู่เว็บไซต์ให้เข้าไปดาวน์โหลดเพลงมาฟังฟรีๆ ทุกคนต่างบอกต่อกันปากต่อปากจนกลายเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ คือผลงานของมือสมัครเล่นบนอินเตอร์เน็ตกลับโด่งดังเป็นที่กล่าวขวัญถึงของนักวิจารณ์ได้เท่ากับหรือมากกว่าผลงานจากค่ายเพลงใหญ่ทั้งหลายในห้วงเวลานี้

อาทิตย์เดียวลานดาวบังเกิดแรงบันดาลใจ ชื่นมื่นมากพอที่จะแต่งเพลงเพิ่มเข้าไปอีกสองเพลง เนื้อหาและถ้อยคำคัดมาจากการโต้ตอบเสวนากับบรรดาผู้เข้าเยี่ยมเว็บไซต์นั่นเอง คราวนี้แขกของเว็บทวีจำนวนขึ้นอย่างถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ เจ้าของเว็บเห็นเลขเข้าเยี่ยมตีขึ้นถึงวันละหลายหมื่นแล้วขนหัวลุก

พื้นที่กระดานสนทนาเริ่มมีความหลากหลายขึ้นจนต้องแยกกลุ่ม คัดประเภทกระทู้ ลานดาวกลายเป็นที่ปรึกษาด้านความรัก ด้านการบริหารชีวิตให้เป็นสุข ตลอดจนกระทั่งด้านการทำสมาธิภาวนา เดี๋ยวนี้หล่อนพูดอะไรใครๆก็เงี่ยหูผึ่ง ความสามารถอันหลากหลายน่าทึ่งของลานดาวกลายเป็นสีสันดึงดูดให้คนทุกประเภทเข้ามาสนใจฟังไม่ขาดสาย

ชีวิตของลานดาวเหมือนท่วงทำนองดนตรีที่เร่งขึ้นสู่จังหวะเร้าใจสูงสุดเมื่อหล่อนขอทุนจากพ่อพิมพ์หนังสือ ๕,๐๐๐ เล่ม ติดต่อกับสายส่งซึ่งเจ้าของเป็นเพื่อนแม่ให้กระจายเฉพาะในกรุงเทพฯก่อน กับทั้งขอแรงช่วยโฆษณาจากดีเจคลื่นต่างๆที่หล่อนผูกมิตรสร้างความคุ้นเคยไว้ หนังสือเพิ่มงานเขียนของหล่อน รูปของหล่อน รวมทั้งแจกซีดีเพลงซึ่งรวบรวมเอาเพลงเก่าและใหม่ของหล่อนแบบที่มีเนื้อหาเป็นกำลังใจให้สู้ทุกข์หรือทำใจให้สดใสไว้ถึงเกือบ ๒๐ เพลง

ปกหนังสือ ‘คู่มือนักฆ่าตัวตาย’ ที่ประกอบกับภาพสาวน้อยยืนอ้างว้างกลางท้องนา เพียงพอจะเป็นที่สะดุดตาบนหิ้งหนังสือใหม่ของหลายๆร้านอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับที่เห็นใครต่อใครมาหยิบไปทีละเล่มสองเล่มฉึบฉับโดยไม่ต้องพิจารณาเสียก่อน เลยทำให้คนอื่นที่แม้จะไม่เคยรู้จักลานดาว ไม่เคยเข้าเยี่ยมเว็บไซต์ ไม่เคยฟังเสียงของหล่อน พลอยโดนกระตุกมือให้หยิบขึ้นเปิดอ่านจากความอยากรู้อยากเห็นไปด้วย หลายคนแค่พลิกดูภาพชุดประกอบคำบรรยายของลานดาว หลายคนแค่เห็นป้ายแถมซีดีที่แปะห้าดาวจากรายการวิทยุดัง หลายคนแค่เห็นเนื้อหาในสารบัญน่าสนใจ ก็หยิบจากหิ้งไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์โดยไม่คิดอะไรมาก เพราะหนังสือราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับความหนาและเนื้อหาภายใน

,๐๐๐ เล่มขายหมดภายในสามวัน เป็นที่ตกตะลึงงุนงงในแวดวงบรรณพิภพยิ่ง เพราะลานดาวก้าวขึ้นมาจากความเป็นคนโนเนม ไม่มีประวัติคนดัง ทุนที่มีคือเว็บไซต์ ดีเจรายการวิทยุ กับเสียงเล่าลือปากต่อปากถึงความเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์เท่านั้น

ความแรงของยอดขายหนังสือที่หมดลงอย่างรวดเร็วในสามวันนั้น กลายเป็นคลื่นระลอกต่อมา ผลักดันให้เกิดผลกับการพิมพ์ครั้งใหม่ ๒๐,๐๐๐ เล่มในหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น คราวนี้ทั้งการช่วยตั้งหนังสือ ณ ตำแหน่งเด่นของร้าน ทั้งแรงเชียร์จากคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ ทั้งการช่วยโหมประโคมของบรรดาแฟนคลับที่ได้รับอิทธิพลจากลานดาวในการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เพียงสัปดาห์เศษหนังสือก็ขาดตลาดอีกตามเคย

จึงถึงเวลาที่ไม่มีอะไรฉุดได้อยู่ ทั้งรายการโทรทัศน์ ทั้งนิตยสาร ทั้งงานสัมมนา ต่างถามหาตัว ‘ดาวดวงใหม่’ กันจ้าละหวั่น หลายต่อหลายครั้งเชาว์ปฏิภาณในการเลือกคำตอบสดๆ ประกอบกับศิลปะการพูดที่กินใจของลานดาว สามารถเรียกทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตันและเสียงหัวเราะครื้นเครงได้มากไม่แพ้นักทอล์คโชว์ระดับประเทศทั้งหลาย

ลานดาว ลีลากีรติ คือความแตกต่าง แค่เสน่ห์ที่อาบพรายในดวงหน้าประกอบกับน้ำเสียงใสเย็นเพราะพริ้งก็เป็นแม่เหล็กทรงพลังเหลือเฟืออยู่แล้ว นี่ยังผนวกเข้ากับความเป็นแนวโน้มให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเข้าไปอีก ฝันกลางวันของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จึงไม่จบแค่ที่ความงามชวนละเมอ ทุกคนได้พบว่าผู้หญิงจะสวยที่สุดเมื่อเธอเป็นดาวแห่งความดี เป็นกำลังใจให้มีชีวิตต่อ และเป็นความหวังให้รอผลสุดท้ายบนเส้นทางสู่สวรรค์อันหวานชื่น

ผลงานของลานดาวงอกเงยแตกกิ่งก้านสาขาออกไปหลากหลาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตปัญหาวัยรุ่นประเภทอัพยา ท้าตี และฟรีเซ็กซ์ ต่างขอความช่วยเหลือมาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งหล่อนก็ยื่นมือเข้าช่วยแทบไม่เคยปฏิเสธเสมอ

ด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์กับสไตล์พูดโดนใจวัยโจ๋ของลานดาว ทำให้เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ยอมรับเป็นพวกหรือกระทั่งนับถือเป็นผู้นำ หล่อนต่างเป็นคนละเรื่องกับผู้ใหญ่ที่เอาแต่เทศน์อะไรน่าเบื่อและเป็นอุดมคติเกินจะรับ เมื่อหล่อนพูดถึงปัญหาและวิธีแก้ต่างๆ จะเหมือนหล่อนพูดถึงปัญหาของตัวเองและทางออกที่เป็นไปได้จริงเสมอ จากแฟนคลับกลุ่มมหึมาจึงค่อยๆเริ่มแปรรูปเป็นขบวนการเอาตามอย่างภาพลักษณ์ของลานดาว ทุกคำที่หล่อนพูด ทุกเหตุผลที่หล่อนเชื่อ และทุกสิ่งที่หล่อนชี้ว่าน่าจะใช่ สาวๆส่วนใหญ่มักเห็นดีเห็นงามเอาอย่างตามกันหมด

รายการวิทยุที่มีลานดาวเป็นวิทยากร รวมทั้งรายการโทรทัศน์ที่มีหล่อนมาให้สัมภาษณ์นั้น เรทติ้งเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาพลักษณ์ของหล่อนชัดเจนว่าเป็นผู้ไขปัญหาของคนรุ่นใหม่ด้วยหลักกรรม ภาพลักษณ์นั้นบีบให้หล่อนต้องศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้ความช่วยเหลือหนุนหลังจากทั้งอมฤตแฟนหนุ่ม รวมทั้งอุปการะซึ่งหล่อนยอมเรียกเต็มปากเต็มคำตามพี่สาวว่า ‘อาจารย์’ แล้ว

ลานดาวค่อยๆเติบโตขึ้นในกรอบของภาพลักษณ์ดังกล่าวโดยไม่ต้องฝืนใจ หล่อนยิ่งมีความแหลมคมมากขึ้นทุกที ฉลาดทางจิตมากขึ้นทุกวัน นี่เป็นความจริงประการหนึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ ความสามารถเฉพาะทางมิใช่เพิ่มพูนขึ้นตามความรู้ทางหูตาอย่างเดียว แต่มักทวีตัวตามบารมีอีกด้วย อย่างเช่นเมื่อทำงานเกี่ยวกับการช่วยคน หากประสพความสำเร็จในการช่วยใครสักครั้งหนึ่ง ก็จะรู้ทางลัดดีกว่าเดิม มีพลังในการช่วยเหลือยิ่งกว่าเดิม โดยเสียเวลาคิดน้อยกว่าเดิม

หลายเดือนผ่านไป หลังจากทำงานหนักทั้งวัน เจอมนุษย์ทุกแบบ ช่วยดึงคนจะจมน้ำขึ้นเรือเป็นจำนวนมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อมถึงจุดหนึ่ง บารมีก็ส่งให้ลานดาวเกิดสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับผู้คนที่แม้แต่อมฤตยังซูฮก จิตหล่อนมีความตั้งมั่นอยู่ในญาณรู้เห็นที่เฉียบคม แม้ชายตาชำเลืองเห็นเงาร่าง หรือกระทั่งใครพูดชื่อคนรู้จักขึ้นมาลอยๆโดยหล่อนยังไม่เห็นหน้า ลานดาวก็บอกได้ทันทีว่าคนๆนั้นมีปัญหาอะไร และสมควรแก้ไขกันท่าไหน ใช้คำพูดแบบใดจะสามารถกระแทกให้หลุดจากบ่วงรัดชั่วคราว เพื่อให้พวกเขาพร้อมดิ้นด้วยตนเองต่อไป

ลานดาวขยับเลื่อนจากวิทยากรรายการวิทยุมาเป็นเจ้าของรายการวิทยุ และเปลี่ยนบทจากผู้ให้สัมภาษณ์ตามรายการโทรทัศน์ต่างๆเป็นพิธีกรประจำรายการเสียเอง ชั่วเวลาเพียงไม่ถึงปีมีแฟนๆติดรายการงอมแงมเหมือนเจอยาเสพย์ติด

ทางด้านงานโทรทัศน์ซึ่งเป็นรายการออกหน้าออกตา หล่อนยังทำอะไรเล็กๆอยู่ คือด้านการครัวซึ่งเป็นความสามารถที่ถนัด แนวทางทำรายการเด่นตรงที่มีความรู้วิทยาศาสตร์การอาหารผสมไปกับสูตรสำเร็จจานเด็ดของหล่อนเอง ซึ่งก็มีเสียงตอบรับค่อนข้างดี เลยเกิดภาพวัยรุ่นจวักทองอันหาได้ยากในยุคปัจจุบันเพิ่มมาอีกภาพหนึ่ง นำผู้หญิงยุคใหม่ด้วยกันให้หันกลับมาหาครัวอีกครั้ง ภาพนี้หยอดปรัชญาว่าจะเก่งอะไรแค่ไหน ถ้าขาดความเก่งอันเป็นธรรมชาติประจำเพศเสียอย่างเดียวก็กลายเป็นคนขาดๆเกินๆ และทำให้ชีวิตในครัวเรือนไม่สมบูรณ์แบบเข้าจนได้

ส่วนด้านงานวิทยุหล่อนจะทำเกี่ยวกับการถามตอบปัญหา เปิดโอกาสให้ทางบ้านโทร.เข้ามาพูดคุยกันสดๆ ขอบเขตของเนื้อหาค่อนข้างกว้างขวางและหลากหลาย นับว่าหล่อนเป็นผู้จัดรายการวิทยุประเภทวาไรตี้โชว์ที่หาไม่ได้ง่ายนัก ทั้งมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งความสามารถในการพูดให้คนติดใจได้หลากประเภท อยากตามฟังทั้งเพื่อสาระและความเพลิดเพลิน หล่อนขี้เล่นได้ขนาดใครขอให้ร้องเพลงก็ร้องทันทีไม่เก้อเขิน และจริงจังได้ขนาดถามธรรมะก็ตอบฉาดฉานไม่ตีบตันอั้นตู้ ใครหลงหมุนคลื่นมาฟังโดยบังเอิญเพียงหนึ่งหนจะต้องกลายเป็นแฟนประจำของ ลานดาว ลีลากีรติ ทันที

“สวัสดีค่ะท่านผู้ฟังที่รัก… รักจริงๆนะคะไม่ได้ล้อเล่น จ๊ะไม่ชอบแกล้งพูดหวานๆ ถ้าคำไม่ตรงกับใจหลุดออกไปแล้วจะรู้สึกผิด แบบว่าพูดเสร็จอยากตบปากตัวเองซักที แต่ถ้าสรรคำได้ตรงจริง รู้อยู่แก่ใจว่าใช่ จ๊ะจะรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอยู่ในโลกความจริงที่สว่างแจ้ง ดีออกค่ะที่เราสามารถแคร์ตัวเอง แคร์คนอื่นโดยไม่ต้องฝืน…

“เล่าแถมหน่อย จ๊ะทักคุณผู้ฟังแบบมีห้อยท้ายว่า ‘ที่รัก’ นั้น สมัยก่อนตอนเป็นคนฟังรายการข้างเดียว ได้ยินผู้ดำเนินรายการอ้าปากทักทายปราศรัยอย่างนี้ทีไรก็มักสงสัยว่าใครเป็นที่รักของเธอ? นึกค่อนขอดว่าแหม๊! ดีเจพวกนี้มีความสุขกับการปั้นคำลมๆแล้งๆซะจริงเชียว แต่พอมาทำรายการเองถึงเข้าใจ ผู้ดำเนินรายการส่วนใหญ่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ โดยเฉพาะรายการสดที่มีคุณๆโทร.เข้ามาคุยกันได้ตลอดเวลาจนเกิดความผูกพันอย่างนี้ มันเหมือนจ๊ะไม่ใช่คนเดียวที่กำลังนั่งอยู่ในห้องส่ง แต่เต็มไปด้วยเพื่อนพ้องน้องพี่ อบอุ่นใจชนิดเกือบเผลอบ่อยๆ ใกล้จบรายการแทบหลุดปากตะโกนถามว่าออกจากสถานีใครจะไปกินไอติมกะจ๊ะต่อมั่ง ฮะๆ”

น้ำเสียงที่ทั้งสดใสร่าเริง ทั้งเปี่ยมด้วยกระแสความเป็นกันเอง ได้ก่อให้เกิดความปรารถนาเข้ามาเป็นส่วนร่วมอย่างท่วมท้น ทั้งคนอยู่บ้าน อยู่ในอาคารสำนักงาน และอยู่ในรถระหว่างการเดินทาง ลานดาวสามารถสัมผัสกับกระแสมวลชนมาได้พักหนึ่ง ช่วงไหนคลื่นความสนใจลดลงหรือเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่คนเงี่ยหูฟังรายการจะโอนเอนไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีหล่อนนั่งอยู่ที่ชายฝั่งห้วงมหรรณพแห่งวิญญาณ เฝ้าพินิจและพยายามปรับแปรข่ายคลื่นจิตให้ก่อตัวตามแบบที่ปรารถนา ดุจเดียวกับวาทยากรเอกผู้คุมนักดนตรีทั้งหลายให้เล่นไพเราะเพราะพริ้งตามการกำกับของตน

“เอาล่ะค่ะ ฝอยซะเพลิน ลืมบอกว่านี่รายการอะไร อยู่ๆโผล่มาพูดเรื่อยเปื่อย ไปๆมาๆเดี๋ยวจะเหมือนเจ้าไม่มีศาล ต้องประกาศแจ้งตามฟอร์มเสียหน่อย… กราบสวัสดีอีกทีเจ้าค่ะ ที่นี่รายการ ‘หนึ่งส่วนสาม’ ดำเนินรายการโดยดิฉัน ลานดาว ลีลากีรติ ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ตั้งแต่แปดนาฬิกาถึงเก้านาฬิกาสามสิบนาที…

“รายการนี้เพิ่งมีได้ไม่นานนัก เพราะฉะนั้นคำถามที่ยังคงได้รับเป็นประจำคือทำไมต้อง ‘หนึ่งส่วนสาม’… ชื่อรายการนี้นะคะ มาจากการหารเลข ๑ ด้วย ๓ ขอให้ลองเอาเครื่องคิดเลขมากดดู จะเห็นเลขทศนิยมไม่รู้จบคือ ๐.๓๓๓๓๓ คือหารไปเท่าไหร่ก็ลงท้ายด้วย ๓ เสมอ หาที่สิ้นสุดไม่เจอ เปรียบเหมือนกับถ้าเอาทุกข์ทางใจมาหารด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ก็จะได้เศษทุกข์ให้ต้องหารกันต่อไปเรื่อยๆ แต่พอเปลี่ยนมาหารด้วย ศีล สมาธิ และปัญญา ก็จะเกิดกระแสสุขไม่รู้จบเช่นเดียวกัน…

“พอพูดเรื่องศีล สมาธิ และปัญญาอันเป็นหลักการสำคัญของพุทธเรา ก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่ารายการนี้มาชวนให้ผู้ฟังกลายเป็นกบจำศีลนะเจ้าคะ ตรงข้าม รายการนี้อยากสนับสนุนให้คุณๆเคลื่อนไหวกันเยอะๆ คือร่างกายเคลื่อนไหวไปในภาระการงานอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันใจก็เคลื่อนไหวไปในแบบที่สวนทางกับความทุกข์โศก… จ๊ะเองเห็นชุดแม่ชีแล้วยังตะครั่นตะครออยู่นะคะ ยังอยากสนุกกับโลกเหมือนคุณผู้ฟังส่วนใหญ่นี่แหละ แต่เคยทุกข์มาจนปากปลิ้นตาปูด คนเราทุกข์มากๆก็ต้องหาทางแก้ทุกข์ใช่มั้ยคะ? วิธีไหนทันสมัยหน่อยก็เอาวิธีนั้น สำหรับจ๊ะ จ๊ะว่า ศีล สมาธิ ปัญญา นี่แหละของจริง แต่ต้องลงรายละเอียดกัน ถึงจะไม่นึกอยากหัวเราะเยาะหรือมองเป็นเรื่องล้าสมัย ใครว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องคร่ำครึของคนแก่ วันนี้จ๊ะจะมาพูดให้ฟัง เสียงนี้แก่หรือยังเด็กอยู่ก็ดูเอา…

“สำหรับเนื้อหาในรายการ ใครพลาดทางวิทยุก็เปิดฟังทางอินเตอร์เน็ตได้นะคะ มีเสียงหนุ่มหล่อบอกที่อยู่ไว้แล้วตอนต้นกับตอนท้ายรายการ เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาคุณเจ้าของสายแรก สวัสดีค่า คุณบอมบ์ใช่ไหมค้า?”

ลานดาวได้ยินเสียงตอบจากหูฟังที่ครอบศีรษะอยู่เกือบทันที เพราะคนคุมเสียงปล่อยสัญญาณจากโทรศัพท์เข้ามาก่อนหน้านี้แล้วอึดใจหนึ่ง

“ครับ… ผมบอมบ์ครับ”

สุ้มเสียงนั้นตื่นๆนิดหน่อย ลานดาวสัมผัสเพียงจิตอันเป็นต้นแหล่งกำเนิดของคำสามคำนั้น ก็บอกได้ทันทีว่ายังเป็นเด็กวัยรุ่น อายุไม่น่าจะเกิน ๑๘ เป็นอย่างเก่ง เกิดมโนภาพรางๆทางใจเห็นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตี๋ ใส่แว่น ใส่เจลให้ผมตั้งชี้เอาเท่ กับทั้งอ่านได้ขนาดว่าที่นายบอมบ์ประหม่างันงกเล็กๆนั้น ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับตัวจริงของสาวที่เขาใฝ่ฝันถึงมานาน

“ค่ะคุณบอมบ์ วันนี้จะมาชวนจ๊ะคุยเรื่องอะไรเอ่ย?”

ผู้ดำเนินรายการสาวถามด้วยน้ำเสียงประสานไมตรี แต่ขณะเดียวกันก็รั้งน้ำหนักเสน่ห์ไว้ไม่ให้ล้นปรี่เต็มพิกัดเหมือนสมัยยังชอบเล่นสะกดใครต่อใครให้หลงคลั่งตนเอาสนุก

“ผมมีคำถามครับ เอ้อ… อ้า… ในหนังสือคู่มือนักฆ่าตัวตายของคุณจ๊ะ เห็นบอกไว้ว่าถ้าเราฝึกจิตให้สัมผัสสุขทุกข์ของคนอื่นได้แบบไม่ต้องเห็นหน้า ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเชื่อชีวิตหลังความตาย อย่างเช่นคนทุกข์แล้วฆ่าตัวตายนั้น ความทุกข์ไม่ได้ถูกฆ่าให้ตายตามตัวไปด้วย”

“ค่ะ เป็นความจริงทีเดียว และจ๊ะเห็นว่าเป็นเรื่องง่ายที่สุดแล้ว ที่เราจะสามารถประจักษ์และเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดด้วยตนเอง ไม่ต้องถามหาคำยืนยันจากคนอื่นว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอก… ทีนี้คำถามของคุณบอมบ์คืออะไรคะ?”

“เอ้อ… เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าไม่ใช่อุปาทาน หรือว่าคิดไปเอง?”

ลานดาวตอบอย่างไหลรื่นทันที ไม่พักคิดแม้แต่วินาทีเดียว

“อยากให้เข้าใจอย่างนี้ก่อนนะคะ… จิตสัมผัสเป็นเรื่องเฉพาะตัว รู้เห็นอยู่ภายในเราเองตามลำพัง ทำนองเดียวกับที่เราฝันเห็นอุทยานดอกไม้ประหลาด ไม่เหมือนสวนไม้ประดับแห่งใดในโลก เราอาจทึกทักว่านั่นคือสวรรค์ ตื่นขึ้นมาเล่าให้ญาติพี่น้องรับรู้ตาม โดยวิธีพรรณนาด้วยโวหารเพราะพริ้ง หรือด้วยการเปรียบเปรยกับสิ่งใกล้เคียงในประสบการณ์ธรรมดา หรืออย่างเก่งสุดก็วาดรูปให้เขาดู แต่จะหยิบยื่นประสบการณ์ให้กับญาติๆเราโดยตรงไม่ได้เลย จึงมีเราเท่านั้นที่รู้จริงๆว่าไปเจออะไรมา ส่วนญาติก็แค่รับฟังด้วยความกังขา และไม่อาจพิสูจน์ด้วยตนเองว่าจริงหรือเก๊…

“แต่สมมุติว่าเมื่อหกโมงเช้านี้คุณบอมบ์ตื่นขึ้นมาด้วยความสุขเป็นพิเศษ เพราะวันนี้วันหยุดราชการ ไม่ต้องออกจากบ้าน และเช้านี้คุณบอมบ์ก็สดชื่นกว่าวันหยุดทั่วไป อาจเป็นเพราะจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานาน เรื่องง่ายๆอย่างนี้คุณบอมบ์ทราบอยู่กับตัวเองว่าจริงหรือไม่จริง แต่ความจริงง่ายๆนี้เองอาจกลายเป็นเรื่องน่าประหลาด หากใครสักคนที่อยู่ไกลออกไปเขาทายถูกโดยไม่รู้จักหน้าค่าตากันมาก่อน…

“การทายได้ถูกเช่นนี้แปลว่าเขาสามารถสัมผัสทราบจากระยะไกลว่าคุณบอมบ์มีตัวตน มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกรู้สา ตัวเขาเองย่อมเชื่อมั่น และเมื่อบอกคุณบอมบ์ คุณบอมบ์ย่อมยืนยันว่าสิ่งที่เขารู้นั้นถูกต้อง แต่หากเขาไปบอกคนอื่น คนอื่นต้องเกิดความสงสัยเป็นธรรมดาว่าเมื่อเช้าคุณบอมบ์ตื่นขึ้นมาด้วยความสุขหรือความทุกข์กันแน่ ตราบใดที่ไม่อาจไถ่ถามเอาจากคุณบอมบ์…

“นี่เป็นทำนองเดียวกัน หากคนรู้จักของเราเสียชีวิตลง เราสัมผัสได้ว่าจิตของเขาหนักหรือเบา เป็นทุกข์หรือเป็นสุขมากน้อยเพียงใด นั่นแปลว่าเขายังคงมีตัวตน มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกรู้สาเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในอัตภาพเดิมให้พิสูจน์จับต้องกันง่ายๆอีกแล้ว เขาย่อมรู้ตัวเขาเอง และคนสัมผัสได้ย่อมไม่สงสัย คนสงสัยคือคนสัมผัสไม่ได้… สรุปคือเราแน่ใจของเราอยู่คนเดียว ผ่านการพิสูจน์ความจริงเอากับคนที่ยังมีชีวิตให้ได้ก่อน ภายหลังจึงค่อยแปรเป็นความเชื่อมั่นในสัมผัสของตนที่มีต่อวิญญาณทั่วไป แม้ผู้ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้วค่ะ”

นายบอมบ์เงียบฟังแบบอึ้งๆ นึกในใจว่าบังเอิญดีแท้ที่เมื่อเช้าเขาตื่นหกโมง แถมสดชื่นเป็นพิเศษเสียด้วย ทั้งนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่น เหตุเพราะเป็นวันสะดวกที่จะโทรศัพท์เข้ามาร่วมรายการหนึ่งส่วนสามของลานดาวนั่นเอง เขาใช้คอมพิวเตอร์หมุนโทรศัพท์ซ้ำๆตั้งแต่ ๑๕ นาทีก่อนเริ่มรายการ เพื่อประกันว่าจะได้เป็นคิวแรก และก็สำเร็จเสียด้วย

“หมายความว่าวิญญาณทั้งหลายมีสุขทุกข์เหมือนๆกัน ไม่ว่าจะไปเกิดในที่ใดหรือครับ?”

“ค่ะ แต่หากจิตยกระดับขึ้นไปอยู่สูงกว่าสภาพความเป็นมนุษย์ คนมีจิตสัมผัสจะรู้สึกถึงความสุขยิ่งใหญ่และนิ่งนานกว่าสุขแบบพวกเราเยอะ และในทางตรงข้าม ประเภทไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ฆ่าตัวตายขณะกำลังหดหู่ จิตใจตกต่ำลงกว่าที่พวกเรากำลังเป็น พอกำหนดสัมผัสจะรู้สึกถึงความซมทุกข์ เป็นอาการจมแช่อยู่กับความหม่นมืดยืดยาว ขณะมีชีวิตเคยทุกข์อย่างไรก็แบกเอาทุกข์ข้ามภพข้ามชาติไปเสวยต่ออย่างนั้น แล้วก็พยายามแก้ไขด้วยสติปัญญาของมนุษย์ไม่ได้ด้วย ทำนองเดียวกับที่เราออกจากฝันร้ายไม่ได้ด้วยสติปัญญาใดๆ”

“แปลว่าถ้าไปดีก็สุขตลอด ถ้าไปร้ายก็ทุกข์ถาวรอย่างนั้นหรือ?”

“ตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งไหนคงเส้นคงวาเที่ยงทนได้สักอย่างหรอกค่ะ แม้แต่สุขทุกข์ก็ตาม ทุกภพภูมิจะมีสิ่งที่ทำให้สบายกายสบายใจบ้าง ทรมานกายทรมานใจบ้าง สลับกันเป็นธรรมดาเสมอ”

“แล้วคุณจ๊ะเคยเขียนในหนังสือว่าถ้าเราสามารถสัมผัสสุขทุกข์ในจิตคนอื่นจนชำนาญ ก็จะค่อยๆแบ่งระดับทุกข์สุขแยกย่อยไปได้อีกหลายระดับ กระทั่งโยงไปเห็นรายละเอียดทางกายใจอื่นๆเป็นของแถมตามมา เอ้อ… แปลว่าคุณจ๊ะมีสัมผัสที่หกแจ่มแจ้ง อย่างตอนนี้ก็เห็นอะไรๆเกี่ยวกับตัวผมได้แม้คุยกันทางโทรศัพท์ใช่ไหม?”

ลานดาวมีวิธีหลีกเลี่ยงการพิสูจน์ว่าตนเองเป็นผู้วิเศษหรือตัวประหลาดเสมอมา เพราะทิศทางของรายการเน้นภาพลักษณ์การตอบคำถามด้วยปัญญา ไม่ใช่ใช้ปาฏิหาริย์เหมือนแสดงปาหี่ แต่บางครั้งหากเห็นจังหวะเหมาะ หล่อนก็จะหยอดนิดหยอดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ไม่อย่างนั้นคนจะเฝ้าท้าทายและเห็นหล่อนเป็นแค่เสือกระดาษ คือเอาแต่เขียน ไม่มีความเป็นของจริง

“จ๊ะนิยามตัวเองเป็นนักเขียนมากกว่าอย่างอื่นนะคะ ความรู้ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากอาจารย์อีกที อย่างคุยกับคุณบอมบ์วันนี้เป็นครั้งแรก ฟังจากน้ำเสียงก็รู้สึกว่าคุณบอมบ์ไม่ใช่คนกำลังตกทุกข์ได้ยาก ออกจะกระตือรือร้นและมีความสดใสกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ…

“ทีนี้ถ้าจ๊ะกรองเอาเสียงออก เหลือแต่สัมผัสในสุขของคุณบอมบ์ แล้วจดจ่อกับกระแสสุขนั้นนานพักหนึ่งจนเห็นตามจริงว่าเป็นสุขประกอบด้วยความตั้งตาตั้งใจคุยบ้าง แปรเป็นสุขแบบยิ้มๆบ้าง แล้วคลายลงสู่ความสุขแบบตาลอยบ้าง ถ้าเราติดตามความไม่เที่ยงของสุขที่แปรเป็นต่างๆสักพัก ก็จะค่อยๆเห็นรูปทรงอันเป็นที่อาศัยของสุขต่างๆ เช่นเห็นเป็นเค้าเป็นเงาว่าคุณบอมบ์หน้าตาเรียวๆ ใส่แว่น ใช้เจลทำผมตั้งๆ จากนั้นพอจดจ่อรับรู้มโนภาพรูปร่างหน้าตาของคุณบอมบ์อีกนิดหนึ่ง จิตก็อาจบอกถูกว่าคุณบอมบ์อายุประมาณ ๑๘ แล้วฝาห้องนอนก็มีรูปจ๊ะแปะอยู่เต็มไปหมด!”

คล้ายโดนประเคนด้วยคมแฝกเข้ากลางแสกหน้า หนุ่มสายแรกเกิดความผวาขนหัวลุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ถึงขนาดเผลอร้องออกมาดังๆใส่กระบอกโทรศัพท์ ลืมตัวว่ากำลังออกอากาศอยู่

“เหวอ! รู้ได้ไงเนี่ย?”

สิ้นเสียงอุทานอันฟ้องความจริงจากใจชนิดแสร้งหลอกกันไม่ได้นั้น ลานดาวก็ให้สัญญาณมือกับคนในห้องคอนโทรลซึ่งมีกระจกใสกั้นอยู่ระหว่างเขากับหล่อน แล้วเสียงในสายโทรศัพท์แรกก็ถูกตัดหายหนไปทันที ประมาณได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยญาณหยั่งรู้ ว่าตานี่คงไม่กล้าโทร.มาอีก ซึ่งก็ดีแล้ว ปล่อยให้ละเมอเพ้อฝันอยู่กับรูปหล่อนบนผนังห้องนอนไปต่างๆนานาอย่างนั้นแหละ

ถอนใจแบบระวังไม่ให้เสียงลมแทรกเข้าไมค์ พูดต่อเนื่องเพื่อกลบเกลื่อนอย่างแนบเนียน

“มีสายรออีกเกือบสิบท่านแน่ะค่ะ คงต้องเฉลี่ยเวลาให้คนอื่นแล้วนะคะคุณบอมบ์ ขอบคุณมากสำหรับคำถามแรกค่า สายต่อไป…” ผู้ดำเนินรายการสาวชำเลืองดูชื่อในแผ่นกระดาษ “คุณกอล์ฟ สวัสดีค่ะ”

“หวัดดีคับพี่จ๊ะ”

หางเสียงสีชมพูกับจิตที่มีลักษณะปรุงความอ้อนแอ้นให้ปรากฏทางกายนั้น สัมผัสหน่อยเดียวกับทราบได้ว่ากายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง ทว่าน้องกอล์ฟก็พยายามพูดเหมือนผู้ชายปกติ ซึ่งคนทั่วไปถ้าแค่ฟังเสียงอย่างเดียวคงยังไม่แน่ใจได้ว่าเป็นชายประเภทใด

“อ๋อ… น้องกอล์ฟที่โทร.มาอาทิตย์ก่อนใช่ไหมคะ”

“ฮะๆ… ภูมิใจจัง คนดังจำเราได้ด้วย เฮอะๆๆ”

“วันนี้มีอะไรจะคุยกับพี่จ๊ะคะ?”

“เพื่อนฝากถามมาฮะ ตัวเขาเองไม่กล้าโทร. คืออยากรู้ว่ากรรมในอดีตชาติของผู้ชายที่มีความรู้สึกเบี่ยงเบนทางเพศมาแต่เด็กๆนี่เพราะทำอะไรกันมา แล้วจะมีกรรมในปัจจุบันแบบไหนที่ช่วยให้กลับคืนสู่ธรรมชาติประจำเพศได้ไหม?”

นักตอบสาวกะพริบตาสองสามที เรียบเรียงคำพูดไว้ในใจสองสามชั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวตามลำดับชัดเปรี๊ยะ

“ก่อนอื่นทำความเข้าใจกันอย่างนี้นะคะ ว่าถ้าเล็งเข้าไปที่สภาวะของจิตอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงรูปกายภายนอก จะบอกว่าจิตพวกเราเป็นกลางไม่มีเพศก็ได้ หรือบอกว่ามีทั้งภาวะความเป็นชายและความเป็นหญิงแฝงอยู่ในจิตด้วยกันทุกคนก็ได้ ภาวะความเป็นชายจะออกไปทางแข็งและหนักแน่น ภาวะความเป็นหญิงจะออกไปทางอ่อนและโอนเอน ภาวะชายและหญิงในจิตอาจแปรกลับไปกลับมาได้ตามเหตุปัจจัย ต่อให้นักกล้ามชายก็เถอะ ถ้าวันไหนเกิดเหตุรุมเร้าให้ต๊อแต๊ ใจหดเหลือแค่ก้านไม้ขีด ก็ต้องรู้สึกอ่อนแอ ไหวเอนง่าย หมดลักษณะเข้มแข็งประจำเพศชายเป็นธรรมดา…

“ลองคิดถึงกรรมที่ทำในปัจจุบันดู ดาราดังบางคนเคยเป็นชายแท้ มีแฟนเป็นหญิง เขาเคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าที่เริ่มเป็นแต๋วเพราะแสดงหนังแสดงละคร ทำไปทำมากลายเป็นนิสัย เคยชินกับท่ากระตุ้งกระติ้งขึ้นมาเอง เป็นนิสัยที่อยู่เหนือการควบคุมของจิตใจ รวมทั้งหันไปสนใจผู้ชายด้วยกันแทนผู้หญิงด้วย นี่เป็นตัวอย่างของการคิด การพูด และการทำในแบบที่ปรุงจิตให้เข้าสู่ภาวะความเป็นหญิงด้วยความจงใจ ตอนแรกแกล้งๆ แต่พอทำมากๆเลยล็อกติดอยู่กับสภาวะอิตถีเพศเข้าจริงๆ นี่คือตัวอย่างของเหตุอันเกิดในปัจจุบัน ผลปรากฏในปัจจุบัน…

“คราวนี้ลองดูเด็กบางคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนโดยไม่ได้แกล้งทำ ชนิดตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกผิดเพศแล้ว คนเหล่านี้มีอยู่ในโลกความจริงและน่าเห็นใจมาก เพราะชีวิตปัจจุบันเขายังไม่ทันทำอะไรผิดก็เหมือนโดนลงโทษเสียแล้ว นักจิตวิทยาเคยสันนิษฐานกันว่าผลมาจากสิ่งแวดล้อมที่บ้าน โดยเฉพาะพ่อแม่ แต่จากสถิติที่ทำการวิเคราะห์วิจัยจริงจัง ก็ยังไม่สามารถยืนยันเต็มร้อยว่าผู้ใหญ่ทำอย่างไรกับเด็ก หรือพูดกับเด็กท่าไหน พวกเขาถึงมี ‘ภาวะติดใจความเป็นหญิง’ ขึ้นมาได้อย่างนั้น ถ้ากล่าวกันในเชิงพุทธ เด็กเหล่านี้ก็ต้องเป็นตัวอย่างของการเสวยวิบากของกรรมที่ก่อขึ้นในอดีตชาติแน่นอน…

“พิจารณาดูตามจริง หากจิตใจเราสอดคล้องกับธรรมชาติทางกาย ก็จะอยู่เป็นปกติสุขได้ในสังคมทั่วไป แต่หากบิดเบี้ยวเป็นตรงข้ามกับกาย ความทรมาน ความสับสน และความอับอายทางเพศก็เกิดขึ้น ถึงแม้สังคมส่วนหนึ่งพยายามปรานี รณรงค์ให้เห็นใจอย่างไร สังคมอีกส่วนหนึ่งก็จะแสดงท่าทีรังเกียจ อาจด้วยสายตาแบบอ้อมๆ หรือถากถางด้วยวาจากันตรงๆ เมื่อมองตามหลักของกรรม ก็แปลว่า เด็กที่เป็นแต๋วมาแต่เกิดนั้น อดีตชาติน่าจะทำกรรมทางเพศอันควรละอาย ก่อบาดแผลทางใจให้กับผู้อื่น จึงเสวยผลเป็นความทรมาน ความสับสน และความอับอายในปัจจุบันชาติ…

“ทางพุทธศาสนาชี้ว่าบุคคลเป็นกะเทยด้วยกรรมคือผิดลูกผิดเมียของคนอื่นอย่างปราศจากความละอาย ถ้าหากต้องการแก้ไข ก็ควรแก้ด้วยกรรมอันสมน้ำสมเนื้อกัน คือตั้งใจประพฤติดี สังวรระวังไม่สำส่อน ไม่ก่อเรื่องทางเพศให้ใครเขาเจ็บช้ำน้ำใจแม้ลับหลัง… หรือถ้าจะเร่งทางลัด ก็อาจเอาสติเข้ามาดูสภาวะของจิตเป็นขณะๆ ว่ามันไม่เที่ยง ปัญญาที่เกิดขึ้นแก่รอบเข้าก็ผลักให้จิตหลุดจากแรงดึงดูดของภาวะตรงหน้าซึ่งเป็นวิบากกรรมเก่าได้เหมือนกัน แต่วิธีนี้ไม่ใช่ง่ายนะคะ ต้องซื่อกับการปฏิบัติธรรมกันจริงๆ มีจิตใจเป็นผู้ทรงธรรมกันจริงๆ กระทั่งจิตเป็นกลางจากเพศทั้งสองได้”

“สรุปคือภาวะกะเทยตั้งแต่เล็กเป็นวิบากที่ต้องชดใช้?”

“ค่ะ… เหมือนนักโทษถูกจองจำให้ต้องทนทรมานอย่างหนึ่ง แต่โดยเนื้อหายังไม่ใช่บาปผิดอะไรในปัจจุบันนะคะ ต้องแยกให้ออก”

“บางศาสนาบอกว่าการมีพฤติกรรมผิดเพศถือเป็นบาปหนักที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ต้องตกนรกหมกไหม้นี่คะ… เอ๊ย! ครับ”

“ขออนุญาตไม่พูดพาดพิงถึงแนวเชื่อของศาสนาอื่นนะคะ ครูของพี่จ๊ะสอนมาให้รู้แต่เรื่องของพุทธ พี่จ๊ะขาดวิจารณญาณที่ดีพอจะตัดสินในเชิงศาสนาเปรียบเทียบค่ะ”

น้องกอล์ฟนิ่งไป ครึ่งหนึ่งพอใจกับคำตอบ อีกครึ่งหนึ่งยังแฝงความอัดอั้นตันใจอยู่ ซึ่งแน่นอนปัญหาพรรค์นี้ไม่มีใครที่ไหนช่วยแก้ให้พ้นบ่วงเวรบ่วงกรรมในฉับพลันทันใดได้ ลานดาวกำหนดใจเป็นเมตตา น้อมนึกถึงสุขอันเกิดขึ้นเต็มในตนและปรารถนาให้คู่สนทนารับรู้กระแสสุขนั้น ก่อนเอ่ยนิ่มนวล

“บอกเพื่อนน้องกอล์ฟแล้วกันนะคะว่ากรรมเป็นเหตุให้เกิดผล อยากได้ผลอย่างไรก็ต้องทำกรรมให้สมเหตุสมผลอย่างนั้น โลกนี้ไม่มีการให้เปล่า อีกอย่างหนึ่งคนเราทำผิดด้วยความไม่รู้ เมื่อไม่รู้กฎแล้วทำผิดกฎจึงเป็นเรื่องธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าใครไหวทันและกลับลำได้ก่อนกัน”

“ดูไม่ยุติธรรมเลยนะฮะ…” น้องกอล์ฟเสียงเครือ “เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง แต่ต้องมารับผลจากสิ่งที่เราลืมไปแล้ว”

ลานดาวอึ้งไปอึดใจ ความสะเทือนไหวรุนแรงจากจิตของอีกฝ่ายกระทบให้หล่อนสะเทือนตาม ถึงขนาดจุกแน่นหัวอกและลำคอตีบตันไปชั่วขณะ แต่ด้วยความเจนเวที พอยอมรับตามจริงว่ากำลังจุกอก ไม่ดิ้นรนหาทางกำจัด เพียงกำหนดรู้ภาวะเครียดในตนเฉยๆนิดเดียว ก็เห็นอาการแน่นอกและคอตีบคลายตัวตามหลักอนิจจัง สามารถพูดต่อเป็นปกติ

“ธรรมชาติใจร้ายตรงนี้แหละค่ะ เราจะไม่รู้เลยว่าเล่นผิดกฎกติกาจนกว่าจะโดนลงโทษ แถมเมื่อโดนลงโทษก็ยากจะสืบให้รู้ว่าทำผิดอย่างไรมาถึงโดนอย่างนี้ ผู้ได้ชื่อว่ารู้กฎดีที่สุดคือพระพุทธเจ้า พวกเราน่าจะสนใจดูว่าพระองค์ท่านบอกอะไรไว้บ้าง จะได้ไม่ต้องงมเอง ลองผิดลองถูกแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหมือนที่แล้วๆมา… มีคำถามอีกไหม? อย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะคะ คงรับได้อีกหนึ่งสายก่อนพักฟังสิ่งที่น่าสนใจจากผู้อุปถัมภ์รายการ… สายต่อไปสวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมสรณะพูด”

“สวัสดีค่ะคุณสรณะ ชื่อเหมือนโฆษกรัฐบาลคนปัจจุบันเลยนะคะ เชิญถามได้เลยค่ะ?”

ลานดาวพูดจบก็รู้สึกปั่นป่วนวิงเวียนขึ้นมาปุบปับ ยังแยกไม่ออกในขณะนั้นว่าเกิดจากสาเหตุใด

“วันนี้ผมไม่มีคำถามครับ เพียงแต่อยากโทร.เข้ามาร่วมแสดงความชื่นชมคุณจ๊ะ และขอให้มีส่วนช่วยเหลือสังคมอย่างนี้ไปนานๆ”

ถ้าเอาแค่คำพูดอย่างเดียวก็เกือบนึกว่าเป็นหนึ่งในพวกลุ่มหลงคลั่งไคล้หล่อนขึ้นสมอง ครั้งแรกที่เจอสารภาพรักออกอากาศนั้น ถึงกับต้องย่นหน้าแยกเขี้ยวเสียวฟัน พอมีตาบ้าคนหนึ่งเริ่มก่อน ก็มีเรียงหน้าทำตามกันเป็นพรวน บางรายคุยดีๆอยู่พักหนึ่งก่อนตบท้ายด้วยคำหวานหยดย้อย แต่บางเจ้าโผล่พรวดขึ้นมาพี่แกก็บอกรักเลยดื้อๆ กระทั่งหล่อนชักชิน และคนฟังทั่วไปคงไม่เห็นเป็นของประหลาดอีกแล้ว

แต่ฟังจากน้ำเสียงของหนุ่มนาม ‘สรณะ’ คนนี้ ลานดาวไม่รู้สึกว่าต้องเตรียมตัดบทเร็วนัก ท่าทางเขามีอะไรดีๆจะพูดเยอะทีเดียว

“ค่ะ ขอบพระคุณนะคะ ความจริงตั้งแต่ทำรายการนี้มาต้องเรียนตามตรงว่าจ๊ะเป็นฝ่ายได้อะไรจากสังคมมากกว่า อย่างน้อยก็รู้จักความสุขของการร่วมแบ่งปัน สังเกตนะคะว่าจ๊ะมักถามใครต่อใครอยู่เรื่อยว่าทำงานอะไรกัน จ๊ะจะได้ขอเก็บเกี่ยวความรู้ด้านนั้นๆมั่ง”

“ก็ดีครับ เห็นคุณจ๊ะทำรายการวาไรตี้แล้วพลอยสนุกไปด้วย เพราะผมก็เคยทำอะไรคล้ายๆอย่างนี้มาบ้าง”

ลมหายใจของลานดาวขาดห้วง หน่วยตาค่อยเบิกกว้างขึ้นจนเกือบสุด หรือว่านี่จะเป็น ‘เขา’ จริงๆ?

“ผมว่าคุณจ๊ะเริ่มจากกลุ่มคนที่คิดฆ่าตัวตายนี่มาถูกทางเลย โลกเราชักเร่งเร้าให้ผู้คนนึกอยากตายไปพ้นๆ ทุกวันนี้ที่นึกว่าข่าวฆ่าตัวตายมีให้เห็นบ่อยนั้น ความจริงเราเห็นน้อยนะครับ ถ้าลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ให้ครบ ก็จะเห็นการฆ่าตัวตายถึง ๑๔ ข่าวต่อวัน เรียกว่าแออัดล้นกรอบเลยทีเดียว และปัญหาฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่ปัญหาของไทยเราประเทศเดียว ทั่วโลกแทบจะต้องประกาศภาวะวิกฤตกันแล้ว ในรอบหนึ่งปีมีให้บันทึกกันร่วมล้านราย หรือหนึ่งคนต่อ ๔๐ วินาที คิดง่ายๆ แค่ช่วงเวลาที่ผมพูดมานี้ เราเสียเพื่อนร่วมโลกไปแล้วอีกหนึ่งจากการปลิดชีวิตตนเอง…

“ที่คุณจ๊ะคิดเขียนหนังสือคู่มือนักฆ่าตัวตาย จนนำมาพบปะผู้คนหลากหลาย มีโอกาสสัมผัสกับปัญหาสังคมจริงๆ คงทำให้เห็นว่าสถิติน่ากลัวข้างต้นนั้นมาจากความเครียด ความซึมเศร้า และความสับสนในชีวิตยุคใหม่นั่นเอง ล่าสุดยาที่ขายดีที่สุดในโลกคืออะไรรู้ไหม? ทุกคนคงทายว่าเป็นยาแก้ปวดศีรษะ ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ แรงกว่านั้น… อันดับหนึ่งยากล่อมประสาท อันดับสองยาลดความดันโลหิต และอันดับสามยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร แต่ละโรคนี่สาเหตุมาจากความเครียดทั้งสิ้น…

“ตลอดปี ๒๕๔๖ เราพบคนกรุงเทพฯเกือบร้อยเปอร์เซนต์เครียดเพราะปัญหาหนี้สินกับค่าใช้จ่าย ไหนจะการจราจรที่ติดขัด สภาพแวดล้อมเป็นพิษไม่พอ ความรักยังเป็นพิษแถมท้ายเข้าให้อีก มีเพียง ๑.๙ เปอร์เซนต์เท่านั้นที่บอกว่าไม่รู้สึกเครียด คนเราเมื่อเครียดมากเข้าก็ต้องเคยคิดฆ่าตัวตายกัน จากการสำรวจจริงจังนะครับ เกินกว่า ๑ ใน ๑๐ ของคนธรรมดาทั่วไปเคยคิดฆ่าตัวตายกัน!…

“เกือบทุกคนรู้สึกเหมือนขาดๆเกินๆ หาจุดลงตัวพอดีไม่ได้ และไม่ทราบจะเริ่มแกะรอยเข้าไปหาแก่นสารของชีวิตจากตรงไหน นี่เป็นต้นเหตุของปัญหาทุกชนิด นับแต่วัยเด็กขึ้นมาที่ชีวิตถูกเร้าความสนใจแบบผิดๆ ทั้งสื่อลามก ทั้งข่าวคราวน่าหดหู่ต่างๆ และทั้งเกมที่ฝึกให้เด็กเกิดจินตนาการฆ่าฟันจนประสาทหลอน…

“ผมจึงคิดว่าแนวทางดำเนินรายการของคุณจ๊ะมีคุณค่าอย่างมหาศาล เบื้องหลังความสำเร็จของรายการจะเป็นคติความเชื่อในทางศาสนาอย่างไรก็แล้วแต่ ผลที่เกิดขึ้นซึ่งผมเห็นได้ชัดคือกำลังใจ แรงบันดาลใจ และกระแสร่วมจากมวลชนที่เป็นแฟนๆรายการของคุณจ๊ะ จะได้ช่วยกันทำโลกนี้ให้ดีขึ้น…

“อาทิตย์ก่อนผมฟังแล้วประทับใจวาทะหนึ่งของคุณจ๊ะ คือคนสมัยนี้มักเชื่อกันว่าถ้ามีเงินมากพอ จะจ้างผีมาเป็นบอดี้การ์ดก็ยังไหว แต่ความจริงไม่มีใครป้องกันภัยอันเกิดจากการลงโทษของกรรมได้ และในทางกลับกัน ภายใต้การดูแลปกป้องของกรรม ทุกคนจะปลอดภัยแม้ไร้เสื้อเกราะ… ชอบมากครับ อดไม่ได้ที่จะโทร.มาแสดงความชื่นชม สวัสดี”

เขาวางสายไปเพียงเท่านั้น ปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการอึ้งเงียบอยู่นาน

หล่อนรู้ และทุกคนที่ฟังก็ต้องรู้ เพียงจากน้ำเสียงและลีลาการพูดของสส.ระดับดาวสภา ก็แน่ชัดเลยว่าเป็นเขาจริงๆ ‘สรณะ กรีธาพล’ โฆษกรัฐบาลคนปัจจุบัน!




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น