วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

22 ไม่ได้ยินเสียงรอบตัวเลย เพราะจดจ่อเกินไปไหม

ดังตฤณ : ตรงนี้ยังไม่คุ้น ก็อาจจับทิศจับทางยังไม่ถูก ยังสงสัยอะไรอยู่ แต่ขอให้สังเกตอย่างเดียวว่า หลังฟัง ‘เสียงสติ’ จบแล้ว รู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้นไหม

 

ระหว่างฟัง ผมไม่อยากได้ตรงนั้นเท่าไหร่ เพราะระหว่างฟังนี่นะใจเรา จะมีความรู้สึกว่า ฉันกำลังฟัง ‘เสียงสติ’ อยู่ แล้วก็ไม่รู้จะให้เกิดทิศทาง จะต้องเกิดมุมมองอะไรอย่างไร

 

แต่หลังจากฟังเสร็จ ขอให้สังเกตตัวเองว่า มีความรู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้นไหม สามารถที่จะเอามากำหนดว่า ลมหายใจ เข้าแล้วต้องออกเป็นธรรมดา ออกแล้วตอ้งเข้ามาใหม่เป็นธรรมดา เดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็หายใจเข้า เดี๋ยวก็หายใจออก เดี๋ยวก็หายใจยาว เดี๋ยวกหายใจสั้น ถ้ารู้อย่างนี้ได้ หลังออกจากการฟัง ‘เสียงสติ’ ตรงนี้ ถือว่าโอเค ถือว่าหน้าที่ของ ‘เสียงสติ’ สิ้นสุดแล้ว

 

ตอนที่เราฟังอยู่ บางทีเหมือนกับไม่ได้เอาใจไปข้องแวะกับสิ่งรอบข้างเลย เพราะว่าสมองของเราถูกจูน ให้อยู่ในภาวะที่ช้า คลื่นช้า จะเด่นขึ้นมานะ

 

คลื่นย่านเร็ว จะเหมือนกับหลบอยู่ข้างหลัง ที่เด่นขึ้นมาข้างหน้าคือคลื่นที่ช้า ตรงนี้ ก็เลยทำให้เหมือนกับใจของเรามาอยู่กับตัวเอง มากกว่าที่จะไปรับสัญญาณกระทบจากภายนอก จะเป็นทางหูก็ดี จะเป็นอากาศร้อนเย็นก็ตาม อันนี้คือเรื่องของคลื่นช้า เพราะจิตจะมาอยู่กับตัวเองมากขึ้น จะมาอยู่กับภาวะภายในมากขึ้น มีความพอใจอยู่กับภาวะภายในมากขึ้น เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งรบกวน รบกวนเราไม่ได้มากเท่าเดิมนะครับ

 

ถ้าถึงฌานนี่นะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเลย ท่านเดินจงกรมอยู่นี่นะ เดินอยู่ด้วยอาการทรงฌาน ท่านไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงฟ้าผ่า อันนี้เป็นเรื่องที่เล่าลือกันแบบว่า พระพุทธเจ้าเก่งมากเลย ชาวบ้านพอรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านเดินจงกรมไม่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ก็ตื่นเต้นกันมากเลยว่ามีภาวะจิตแบบนี้ได้ด้วย

__________________

ตอนที่ฟัง ‘เสียงสติ’ไม่รับรู้ถึงเสียงหรืออะไรต่างๆรอบตัวเลย ปกติจะต้องได้ยินเสียงรบกวนบ้าง ไม่รู้ว่าจดจ่อกับ ‘เสียงสติ’มากไปรึป่าว ตอนฟังจบเหมือนยังอยากนั่งอยู่แบบนั้น ยังลอยๆอยู่ค่ะ

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมนั่งสมาธิ

วันที่ 15 พฤษภาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=K7vHbgACilo

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น