วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ฝันถึงอาชีพพยาบาลที่เคยทำบ่อยๆ จะเป็นกรรมนิมิตก่อนตายไหม

ดังตฤณ : คำว่ากรรมนิมิต ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เราทำแค่ในวันนี้ ที่เราทำเป็นประจำในวันนี้ หรือว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี่ บางทีอาจจะยังไม่ย้อมจิตย้อมใจของเรา

 

สิ่งที่ย้อมจิตย้อมใจของเราอย่างเช่น อาชีพครู อาชีพพยาบาล อาชีพหมอที่เหนื่อยหนักสาหัส ได้ช่วยคนอื่นแบบถึงเลือดถึงเนื้อ บางทีเข้าถึงจิตถึงใจ เกาะกุมจิตใจ เกาะกุมหัวใจเรามากกว่านะครับ

 

ก็เลยเกิดการปรุงแต่งเป็นประจำว่า สิ่งที่เป็นเส้นทางบุญของเรา หน้าตาเป็นอย่างไร

 

คล้ายๆ กับที่หลายๆ คน มักฝันถึงช่วงที่ยังใส่ชุดนักเรียน นุ่งกางเกงขาสั้นอยู่ หรือว่าชุดนักศึกษาอะไรแบบนี้ อันนั้นก็เป็นช่วงต้นวัย ที่มีความผูกพันเหนียวแน่นว่า ช่วงที่ฉันมีความสุขในแบบหนึ่ง มีคนเลี้ยงดู หรือช่วงที่ฉันมีเพื่อนแบบเพื่อนจริงๆ ซึ่งหาไม่เจอในที่ทำงานอะไรแบบนี้ ก็อาจจะทำให้ถวิลหา

 

แล้วก็บางที พอเราพูดเรื่อง กรรมนิมิต เราพูดถึง เจตนา หรือสิ่งที่เราทำไป ในแบบที่ใจเต็มๆ ของเรานี่เอาด้วย ซึ่งมักเกิดขึ้นในจังหวะที่เราอยู่ในช่วงหนึ่ง ที่ใจยังเหมือนกับไม่ซับซ้อนมาก ใจอยู่ในช่วงสถานการณ์ทางจิตวิญญาณที่ไม่ซับซ้อนมาก มีอารมณ์เต็มๆ มีเจตนาตั้งแน่วเข้าไปจริงๆ เอาเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง

 

อย่างเช่น เจอคนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ แล้วพุ่งเข้าไปช่วยทันที ด้วยความรู้สึกว่า อยากช่วยเดี๋ยวนี้ อยากให้เขารอดจากความทุกข์ความโศกเดี๋ยวนี้ ใจเต็มๆ ในลักษณะนั้น มักจะมีความหนักแน่น เป็นกรรมที่หนักแน่น

 

เหมือนอย่างนี้ ที่บอกว่าชอบฝันเกี่ยวกับตอนเป็นพยาบาล ก็เพราะว่าช่วงเป็นพยาบาลนี่ ได้ช่วยแบบถึงเลือดถึงเนื้อ แล้วจะมีอยู่บ่อยครั้งที่จิตของเรา มีความปรารถนา ให้คนไข้ผู้ป่วยได้ทุเลาจากความเดือดร้อนจริงๆ เบาบางจากความทุกข์ที่เขาเป็นอยู่ หรือช่วยให้เขาอย่างน้อยสบายขึ้นได้

 

ใจเต็มๆเหล่านั้น เป็นลักษณะของจิตที่อนุเคราะห์ ลักษณะของจิตที่ให้ทาน

 

คือบางคนมักไปนึกว่า ก็ได้เงินเดือน ก็แลกกัน .. แต่จริงๆ ในทางกรรมและวิบากไม่ได้มองอย่างนั้นนะ ว่าเราทำนี่ เราเอาเงินเดือน หรือว่าเรามีรายได้พิเศษส่วนเสริมอะไรอย่างไรนะครับ แต่ดูตรงที่ว่าใจของเรา ณ จุดเกิดเหตุ อยากช่วยแค่ไหน

 

ถ้ามีความอยากช่วยเต็มๆ นี่ แบบนั้นผูกทันที ผูกเหนียวแน่นเลยว่านี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าบุญ ที่อยู่ติดตัวของเรา

 

แล้วเวลาที่จะตาย ก็จะได้ภาพเหล่านี้ย้อนกลับมา โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงไม่ต้องออกแรงคิด เป็นอะไรก็ตามที่ในชีวิตนี้ จะมาส่งเสริม จะมาสนับสนุนในช่วงที่เราจะต้องทิ้งชีวิตนี้ไปนี่แหละ

 

ทีนี้ บางคนก็มักสงสัยว่า แล้วแบบนี้จะออกหัวออกก้อยอย่างไร

 

ตรงนี้ เขาแบ่ง .. เรียกกันว่า กองบุญและกองบาป .. ปุญญาภิสังขาร และ อปุญญาภิสังขาร .. จะเห็นเป็นภูเขาเลยนะ เป็นกองจริงๆ ในช่วงท้ายๆ

 

เขาถึงบอกว่าจิตสุดท้าย ถ้าคิดดีอยู่บ่อยๆ ใจของเรา จะไม่อยากนึกถึงสิ่งไม่ดี ไม่อยากนึกถึงอะไรที่เราพลาดไปแล้ว เราไปตัดสินตัวเองได้ในภายหลังว่าชั่วร้าย

 

ทุกคนเคยมีกันหมดแหละ ทั้งภาคดีภาคร้ายในชีวิตหนึ่ง แล้วก็ซับซ้อนมาก แต่ว่าใจของเราที่มาพบกับพุทธศาสนาแล้ว เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของการเจริญมรณะสติแล้วนี่ สมควรที่จะนึกถึงแต่เรื่องดีๆไว้ เพื่อที่จะมีกำลังใจ บีบให้ตัวเอง บีบให้ใจตัวเอง อยู่ในร่องในรอยของการที่ จะใช้ชีวิตที่เหลือนี่ บนเส้นทางสีขาวต่อไปเรื่อยๆ

 

แล้วพอถึงเวลาจวนอยู่จวนตายขึ้นมาจริงๆ ก็จะได้ใช้สิ่งนี้ มีความเคยชินมาแค่ไหนก็ได้ใช้แค่นั้น คือเราสะสมมาว่าต้องตายนาทีนี้นี่ จะเอาดีอะไรไปตาย

 

พอถึงเวลาขึ้นมาจริงๆ จวนตัวจริงๆ มันเอาสิ่งที่ระลึกไว้เป็นประจำนี่มาใช้จริงๆ นะ จิตจะหน่วงมาแบบมีพลัง เหมือนกับคนที่ได้ทำสมาธิมาชำนาญ มีพลังที่จะหน่วง เอาความดีทั้งหลายเข้าใส่ตัว

 

ตัวที่เป็นความดีทั้งหลาย ก็คือกองบุญ.. กองบุญมาในรูปนิมิตของความสว่าง ตอนแรกนี่เป็นความสว่างจ้า ที่ยิ่งใหญ่เฉยๆ แต่เสร็จแล้วนี่จะมีกระบวนการทบทวน

 

ภาพดีๆ ที่เราเคยทำมา จะไหลเข้ามา เทเข้ามา ที่เราเคยนึกไม่ออกระหว่างมีชีวิตนี่ ก็จะเข้ามาด้วย ที่นึกว่าลืมไปแล้ว ที่นึกว่าไม่ได้ทำ จะมาหมดเป็นไปแต่ในทางดี เพราะว่ากองบุญมาก่อน แสงสว่างมาก่อน นำมาก่อน ก็เลยกระตุ้นแต่นิมิตที่ดีๆ นะ

 

แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม ช่วงท้ายๆ เอาแต่เครียด เอาแต่กลัว หรือว่าเอาแต่กังวลใจไป หรือว่าเอาแต่คิดจะซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่ของคนอื่น กอบโกยให้ตัวเอง ที่ควรจะสั่งมาก็ไม่สั่ง ที่ควรจะอนุมัติก็ไม่อนุมัติสักที ไม่เห็นแก่ใครทั้งสิ้น เห็นแก่พวกพ้องหรือคำสั่งที่อยู่ค้ำคอ อะไรแบบนี้

 

ประเภทนี้พอเวลาจะตาย คิดอะไรดีๆไม่ออกจริงๆ

 

ที่เรานึกว่าเราได้จากคนอื่นจำนวนเป็นสิบๆ ล้าน ในระหว่างมีชีวิต พอจะตาย เห็นเลยนะ .. ไม่ใช่การได้ แต่เป็นการเสียเส้นทางของความดี เสียกองบุญ เสียความสามารถที่จิตจะหน่วงเอาความสว่างมาเข้าตัวได้

 

จะเห็นในช่วงท้ายๆ เลยว่าหลุมดำเป็นอย่างไร หลุมดำแห่งความชั่วร้าย หลุมดำแห่งอกุศล อกุศลธรรมที่เราพลาดทำมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากินกับประชาชน หากินกับความเดือดร้อนของประชาชนนี่ เวลาหลุมดำเข้ามาครอบหัวในช่วงไกล้ตาย จะนึกอะไรดีๆ ไม่ออกเลย แล้วก็ตอนนั้นจะดิ้นรน หรือว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร ก็สายเกินไปนะ 

 

ลักษณะของกรรมนิมิต ที่จะมาถึงในช่วงท้ายๆ พูดง่ายๆ นึกเป็นความมืด แบบหลุมดำ หรือว่านึกเป็นแสงสว่าง เหมือนกับพระอาทิตย์ดวงใหม่ ที่จะมาปรากฏ

 

ถ้ากองบุญมีมากกว่ากองบาป แล้วใจของเราโน้มเอียงไปในทางกองบุญนะอะไรดีๆ จะมารวมกันอยู่ตรงนั้นแหละ ที่เป็นแสงสว่างจ้าๆ แล้วอย่างภาพที่เราเคยทำดีมา ถึงแม้จะเป็นช่วงหนึ่ง เราออกมาจากตรงนั้นแล้ว มันก็ไม่ไปไหน แต่อยู่ตรงนั้นแหละ แล้วก็จะให้ผลแบบที่เรารู้เลยว่า สำคัญเพียงใดกับประตูการออกไปจากชีวิตนี้

_____________________

ถาม : เคยทำงานพยาบาล ปัจจุบันเปลี่ยนไปทำงานอื่น แต่มักฝันถึงการทำงานพยาบาลบ่อยๆ จะเป็นกรรมนิมิตก่อนตายมั้ยคะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮาส์ ตอน ความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิต

วันที่ 1 พฤษภาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=VJ5pKcI1asU

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น