วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

แชร์ประสบการณ์เอาชนะอารมณ์กลัวผี

แอดมินเบลล์ : จริงๆ ตอนที่คุยเรื่องผี มีอยู่สามคน ซึ่งพี่ตุลย์เคยบอกว่า ถ้าเราคุยครั้งไหน แล้วรู้สึกว่าใจอบอุ่นขึ้นมา อันนั้นคือเป็นบุญ ครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในการสนทนาที่รู้สึกว่า คุยกันแล้วมีความอบอุ่นในใจเกิดขึ้นมาจริงๆเลยค่ะ

 

ดังตฤณ : คือความสว่างที่เป็นกุศลนี่ จะมีพลัง และพอเราสัมผัสได้ ก็เกิดขึ้นในตัวเราเต็มๆ แล้วก็พอบุคคลแวดล้อมที่สนทนาอยู่ด้วย มีความสว่างขึ้นมา

 

อย่างทำรายการอย่างนี้ ก็รู้สึกได้ว่ามีความสว่างเกิดขึ้น ต่อให้แค่สองสามคน ก็คุ้มแล้วนะที่เราได้คุยกัน

 

แอดมินเบลล์ : ก็อยากจะขยายความนิดหนึ่ง เราคุยกันเรื่องผีจากสเตตัสพี่ตุลย์ เพราะน้องๆบอกว่ากลัวผี

 

ส่วนเบลล์เอง เมื่อก่อนก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่กลัวผีเท่าไหร่ แต่มีวันหนึ่ง นอนอยู่ก็รู้สึกว่าหนาววูบขึ้นมา แล้วก็เหมือนมีอะไรมากดดัน ตอนนั้นจำได้ว่าพยายามที่จะสวดมนต์ แต่แม้กระทั่งบทสวดอิติปิโสฯ ก็นึกไม่ออกว่าสวดอย่างไร ก็ได้แต่สวด นะโมตัสสะๆๆ แล้วก็นึกในใจถึงหลวงพ่อจรัญว่า "หลวงพ่อช่วยด้วยๆ" อะไรแบบนี้ จากนั้นก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้ชาย (ในความเข้าใจคือเป็นหลวงพ่อจรัญ) พูดขึ้นมาว่า "อย่าไปรบกวนเขา" เสร็จแล้วความกลัวก็หายไป

 

วันรุ่งขึ้น ระหว่างสไกป์คุยกับเพื่อน อยู่ดีๆ ก็มีเสียงพระสวดดังขึ้นมาจากในคอมพิวเตอร์ เหมือนกับพระทำวัตร สวดดังลั่นเลย ก็ตกใจมาก รีบปิดคอมฯ แล้ววิ่งออกจากบ้าน ตอนนั้นจำได้ว่ารีบไปบริจาคโลหิตเลยเพื่อทำบุญให้เขา ทำให้เหมือนตั้งสติได้ว่า จริงๆแล้ว เรามีความกลัวอยู่เยอะมากกว่าที่เราคิด

 

เหตุการณ์ผ่านไปนาน จนกระทั่งมีครั้งหนึ่ง เข้าไปในห้องคนเดียว ก็เหมือนได้ยินเสียงแปลกๆอีก คือจริงๆก็ไม่รู้ว่าเราคิดไปเอง หรือว่าเป็นเสียงผีจริงๆ แต่ก็จำได้ว่าเราตั้งสติ แล้วก็เดินเข้าไปในห้องนั้นเลย

 

ตอนนั้นคิดว่าเวลาเรากลัวอะไรนี่ เราต้องเผชิญหน้ากับความกลัว ก็เลยเดินเข้าไปในห้องนั้น เเล้วก็นั่งสมาธิ ทั้งที่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่นั่งสมาธิแล้วจะแผ่เมตตาอะไรให้ใครได้ แต่ก็ยังคงเดินเข้าไปด้วยความที่รู้สึกว่า เราจะเผชิญหน้ากับเขา แล้วเราก็ไม่ได้แบบหวังร้ายกับใคร อะไรอย่างนี้

 

ก็ไปนั่งสมาธิ เริ่มมีความสงบ มีความอบอุ่นใจกับตัวเอง คิดในใจว่าเราคิดดี ไม่ได้คิดร้ายกับใคร แล้วเราก็มั่นใจว่าไม่น่าจะมีใครคิดร้ายกับเรา อะไรแบบนี้

 

ก็เลยขอให้ความอบอุ่นในใจที่เรารู้สึกแบบนี้ ได้กับสิ่งที่อยู่รอบตัวเราด้วย ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็ตาม ให้เขาได้รับด้วย แล้วความรู้สึกกลัว หรือเสียงแบบนั้นก็หายไป แล้วเราก็รู้สึกว่า ต่อให้จะต้องได้ยินเสียงอะไรแปลกๆแบบนี้ เราก็ไม่กลัว

 

คืนที่เล่าให้น้องๆฟัง แปลกมากค่ะ คืนนั้นในฝันก็เอาอีกแล้ว เหมือนมีความรู้สึกแบบเย็นๆ มีอะไรมากดดันๆ ทั้งที่ไม่ได้เปิดแอร์ แล้วก็ห่มผ้าอยู่ด้วยซ้ำ

 

ในฝันคือรู้สึกว่า โอเค ต้องตั้งสติ แล้วก็เลยตั้งสติ แล้วก็คิดอย่างนี้เลยค่ะว่า เรานอนอยู่ในอิริยาบถท่าไหน พอมีสติอยู่ในความฝันแบบนั้น เรามีสติมาอยู่กับตัวจริงๆแม้กระทั่งในฝัน ก็สามารถที่จะเอาชนะความกลัวนั้นไปได้

 

ดังตฤณ : นี่เป็นประโยชน์มากเลย บอกไว้เลยนะอันนี้ ขออนุญาตพูดอย่างนี้ก็แล้วกัน

 

อย่างคนที่ทำบุญกับบูรณพุทธบ่อยๆ ชอบมาฟีดแบคว่าช่วงนี้ รู้สึกดีจังเลย มีความสุขมากเลย เบิกบานมากเลย แต่ทำไม.. บางทีบางคนบอกว่า ทำบุญมาเยอะๆ ทำไมเจอผีอะไรแบบนี้

 

คุณไม่รู้ตัวว่า พอคนที่เขาตายไปแล้วนี่นะ แล้วเขาอยู่ในสภาพที่มองย้อนกลับมานี่ เขาเห็นอะไรมากกว่าพวกเราเยอะนะ

 

คือมืดบอดกันคนละด้าน ของเขานี่เห็นแล้วอะไรคือบุญ อะไรคือบาป แล้วรู้ด้วยว่าใครนี่ทำบุญเยอะ ..รวย กำลังรวย ไม่ใช่รวยสตางค์ แต่รวยความสว่าง พอที่จะเป็นหลุมขาวให้เขานี่เข้ามาพึ่งพาอาศัย

 

ทีนี้บางทีก็มาแบบทะเล่อทะล่า เขาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองนี่ พกพาความหนาวเย็น อันเป็นสภาพแท้จริงในภพแบบของเขา มากระทบใจของเราอย่างไร รู้แต่ว่าจะทะเล่อทะล่าเข้ามา แบบด้วยอาการกระหืดกระหอบ อยากขอที่พึ่ง

 

ทีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยคือว่า ตัวเขาเองมีบุญพอ ที่จะมารับแสงสว่างไปฟรีๆ หรือเปล่า

 

ส่วนใหญ่จะไม่มีนะ คล้ายๆ มีแรงกั้น มีแรงห้าม มีกำแพงอะไรบางอย่างที่เขาขอไม่ได้ ขอรับส่วนตรงนี้ไม่ได้ รู้ว่าบ่อน้ำอยู่ตรงนี้แต่เข้าไปไม่ได้ ไปกินไม่ได้

แล้วคนที่คิดว่า ตนยังไม่มีตาทิพย์ ยังไม่ได้รู้เห็นภพภูมิ ก็คงไม่มีบุญมาก

 

แต่ขออนุญาตพูดอย่างนี้ อย่างบางคนที่มาฟีดแบค.. มาบอกว่า จริงๆ ทำบุญกับบูรณพุทธ บอกตรงๆว่า ทำเพราะอยากจะทำจริงๆ แต่ว่ายังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาตัวเอง เพราะทำได้น้อย หลักสิบหลักอะไรนี่ แต่ทำไมเจอผี

 

เอาอย่างนี้ มองอย่างนี้ก็แล้วกันว่าคุณรวยแล้ว รวยความสว่างนะ และรวยจนกระทั่งมีขอทาน มาขอส่วนแบ่งด้วยความอยากจะได้ความสว่างจากคุณไปบ้าง

 

แทนที่คุณจะกลัว แทนที่คุณจะสงสัยว่า ทำไมทำบุญมากๆ แล้วเจอผี ให้มองอย่างนี้ว่า แค่คุณมีความรู้สึกที่ดีนะ ว่าเราจะได้ช่วยคนที่ยากจนกว่า ที่เขากำลังอัตคัดแสง ให้ได้มีแสง ให้ได้มีความสว่าง ให้ได้มีความชุ่มชื่นใจขึ้นมาบ้าง

 

คุณแค่คิดว่า ถ้าหนาวเยือกอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่ หรือว่าเจอผีจะจะเลย แทนที่จะกลัวนะ ลองนึกถึงบุญกุศลที่เกิดขึ้นแล้วในจิตของคุณ ความสุขความสว่าง ความเบิกบาน ที่เกิดขึ้นนี่ จะทำมากทำน้อย ไม่ใช่ตัววัดเลยนะ

 

ตัววัดตรงที่ว่าคุณรู้สึกมีความสุข มีความสว่างมากขึ้น มีความรู้สึกชื่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เอาแค่นั้นนี่นะไปยกให้เขา เหมือนเทียนต่อเทียน คุณไม่ได้เสียบุญไปไหน แต่ว่าคุณเอาบุญไปต่อให้เขา ตรงนี้เขาจะได้รับ เพราะว่าอย่างที่ผมบอก ถ้าอยู่ๆ เขาทะเล่อทะล่าเข้ามาเฉยๆ เขาจะรู้สึกเหมือนมีกำแพงกั้น

 

แต่ถ้าคุณบอกว่าขอบุญนี้ ขอกุศลนี้จงได้แก่ผู้ที่รอคอยอยู่ ผู้ที่อยู่รอบตัวเรานี่นะ จะอดีตก็ตาม จะอนาคตก็ตามหรือปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่นี้ก็ตาม

ขอให้บุญที่เราทำนี้ จงได้แก่คนที่มาขอ คนที่มาอยากได้ความสว่าง จากคุณ

 

แค่นี้นี่ ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นแล้ว ในฐานะของผู้ให้ และฐานะของผู้ให้นี่ที่อยู่เหนือกว่า จะทำให้คุณไม่กลัวพวกเขา ตรงข้าม จะรู้สึกสงสารอยากช่วย

 

คือไม่ใช่ว่าคุณคิดแค่นี้แล้ว เขาจะมาปรากฏตัวให้เห็นเยอะๆ อะไรแบบนี้แล้วเกิดความกลัว .. ไม่ใช่นะ

 

ถ้าหากมีเหตุปัจจัยที่คุณจะต้องเห็น คุณจะเห็นนะว่า คุณสามารถยกระดับ จากขอทาน ที่ตัวมอมแมม ให้กลายเป็นคนที่ลืมตาอ้าปาก มีเสื้อผ้ามีเนื้อหนังมังสา มีความสว่างเกิดขึ้น

 

อย่างมนุษย์นี่ พอเห็นอะไรสว่างๆ หน่อยมักจะนึกว่าเป็นเทวดา บางทีไม่ใช่นะ บางทีเป็นขอทานนั่นแหละ อยู่ในภพของขอทานแสงสว่าง แล้วเขาได้ดิบได้ดีขึ้นมา จากคุณนั่นแหละ

 

ที่คุณนึกว่าตัวเองจิ๊บๆ จ๊อยๆ ไม่ได้มีดีอะไร ไม่มีตาทิพย์ไม่สามารถเห็นอะไรได้ แต่คุณมีความสามารถที่จะบำเพ็ญบุญได้ ในแบบที่เขาทำไม่ได้

 

ตรงนี้ ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ แล้วเกิดความสงสาร เกิดความรู้สึกอยากช่วย เปลี่ยนจากความกลัว ให้เป็นความอยากช่วย ในที่สุดจิตมีความเต็มดวงขึ้นมา มีความรู้สึกว่าเปลี่ยนให้คนอื่นหายทุกข์ได้ โดยที่ไม่ต้องออกแรงมากเหมือนอยู่ในโลกมนุษย์

 

อยู่ในโลกมนุษย์ ช่วยมนุษย์ด้วยกัน บางทีนะ.. โอ้ยเหนื่อย บางทีหลายเดือน บางทีหลายปีกว่าจะช่วยได้ แต่กับภพภูมิเบื้องล่าง ถ้าคลิกกันจริงๆแล้วเขาอยากขอความช่วยเหลืออยู่ก่อน บางทีแค่ทำใจของคุณให้แผ่ออกไป ให้มีความสว่างเต็ม ให้ไม่กลัวนี่ เพียงแค่นั้น ก็ช่วยให้เขาสบายขึ้นเรื่อยๆได้

 

คือไม่มีหรอกนะ อย่าไปเชื่อว่าอุทิศส่วนกุศลทีเดียว แล้วจะเลื่อนชั้น เลื่อนภูมิ ไปเป็นเทวดาเลย นั่นเป็นภาพลวงตา .. ต้องแผ่ให้มากขึ้นๆ จนกระทั่งเขาสามารถที่จะ นึกถึงบุญนึกถึงกุศลของตัวเองแต่หนหลังได้ แล้วเอาบุญกุศลนั้นมาใช้ประโยชน์ได้นะ

___________________

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮาส์ ตอน ความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิต

วันที่ 1 พฤษภาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=6qtJtdt9OBg

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น