วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ดูกายดูใจระหว่างวัน รู้ว่าคิดตอนหลับแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไร ทำถูกไหม

ดังตฤณ : การที่เราดูเข้ามาในกาย ดูเข้ามาในใจนี่นะ ไม่ว่าเราจะเห็นอะไร ให้มองว่าเป็นนิมิต

 

คือจะหลับตาหรือลืมตาก็ตาม เพียงแค่ระลึกเข้ามาในกายนี้ 

ยกตัวอย่างเช่น ผมหลับตาตอนนี้ นึกถึงท่านั่งขึ้นมา ท่านั่งนี้หายใจอยู่ แค่นี้ก็คือนิมิตแล้ว 


ทีนี้ ทุกนิมิตที่เกิดขึ้นโดยอิงอาศัยสภาพทางกาย สภาพทางใจ จะปรากฏเป็นอะไรก็แล้วแต่ จะถูกต้องตามสภาวะของจิตของเรา ณ บัดนั้นเสมอ ไม่มีอะไรที่ผิดเลย

 

ที่ผิดนี่ บางทีเกิดขึ้นจากความสงสัยไม่แน่ใจ ว่า เอ๊ะ! ฉันทำถูกอยู่หรือเปล่า หรือมีความอยากว่า ฉันอยากจะให้จิตใจสงบ ฉันอยากจะเลิกฟุ้งซ่าน ฉันอยากจะให้เกิดฌาน ฉันอยากจะให้เกิดมรรคผล 

นี่แหละตรงนี้ ความอยาก และความไม่รู้ ความขี้สงสัยของคนนี่แหละ ที่ทำให้สิ่งที่ปรากฏอยู่ชัดๆ อยู่แล้วในจิต ถูกต้องอยู่แล้ว กลายเป็นสิ่งที่เหมือนไม่ถูกต้องไป

 

อย่างที่บอกมาว่า รู้สึกถึงร่างกายว่ากำลังหลับ แต่ระหว่างที่หลับอยู่ รู้ว่ากำลังคิด นั่นแหละคือนิมิตความคิด มีนิมิตความคิดอะไรบางอย่าง ปรากฏขึ้นในท่านอนแน่ๆ 

ให้มองนะ ต้องมีมุมมองที่ถูกต้อง ว่าความคิดนั้น จรเข้ามาโดยที่เราไม่ได้เชื้อเชิญ และแป๊บนึงก็จะจรหายจากไปจากร่างนอนนั้น โดยที่เราไม่ต้องไปขับไล่ไสส่งเช่นกัน

 

ด้วยการตั้งมุมมองไว้ถูกต้อง จะเกิดสติ สังเกตการณ์อย่างถูกต้องตามไปด้วย ว่าความคิดผ่านเข้ามาแป๊บหนึ่ง แล้วก็ผ่านออกไป

 

สำคัญคือเมื่อเกิดสติ สังเกตการณ์อย่างนั้นไปนานๆ เข้า จะกลายเป็นสติที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ที่เราจะยึดครองไว้ได้ หรือว่าอ้างได้ว่า นี่แหละเป็นความคิดเดียวของฉัน เป็นกระแสความคิดที่ไหลเข้ามา ไหลบ่าเข้ามาแบบเราไม่ได้เชื้อเชิญ แล้วก็ไหลบ่าออกไปแบบที่เราห้ามไว้ไม่ได้เช่นกัน 

ตัวนี้นะ แม้ว่าเรารู้สึกว่าเรากำลังหลับอยู่ แต่ถ้าเตรียมไว้ในใจอย่างนี้ก่อน จะมีความหนักแน่นในอีกแบบหนึ่ง เหมือนกับว่าพอเข้าใจไว้อย่างถูกต้อง ว่าจะมองอย่างไร จะมีพื้นของจิตส่วนหนึ่ง .. มีพื้นที่ของจิต มีพื้นที่ของสติ ที่รับรู้อยู่ลึกๆ ว่า อ๋อ .. นี่เอง ที่ไหลมาเองแล้วผ่านออกไปเอง

 

ในที่สุดแล้ว ทั้งยามหลับและยามตื่นของเรา จะถูกเทรน (train) ให้เห็นไปอีกอย่างหนึ่งเลยนะ เห็นไปว่าความคิดที่เกิดขึ้น ที่นึกว่าเป็นตัวเรา จริงๆแล้วไม่ใช่เรา แต่เป็นแค่ภาวะหนึ่งที่ผุดขึ้น ด้วยเหตุปัจจัยบางอย่าง แล้วก็ต้องหายไปเมื่อเหตุปัจจัยนั้นหมด เรารู้จริงๆว่ามันไม่ใช่เรา มันไม่เที่ยง 


แล้วถ้าเคยเป็นคนคิดมาก หรือเคยเป็นคนคิดอะไรแบบพายเรือในอ่าง พอมาดูแบบนี้นะว่า ความคิดไม่ใช่เรา ความคิดนี้เป็นแค่ภาวะหนึ่ง ที่ไหลเข้ามา และไหลออกไป ในที่สุดจะคิดน้อยลง มีความสุขกับการคิดมากขึ้น คิดแล้วตรงประเด็นมากขึ้น คิดแล้วได้อย่างใจมากขึ้นนะครับ

____________________

คำถาม : ภาวนาด้วยการดูกายดูใจในระหว่างวัน พอเวลาหลับก็รู้สึกถึงว่าร่างกายกำลังหลับ แต่ระหว่างที่หลับอยู่จะรู้ว่ากำลังคิด แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไร สิ่งที่ปรากฎให้รู้เยอะมาก ทำถูกทางหรือเปล่าคะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮาส์ ตอน ความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิต

วันที่ 1 พฤษภาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=oghVkCG04jA

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น