วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

01 เกิดมาไม่ถึงเดือนแม่ก็ตาย เราบาปไหม และทำกรรมอะไรมา

ดังตฤณ :เวลาเราพูดเรื่องว่า ใครเป็นคนบาป หรือว่าใครมีบาปมีกรรมอะไรติดตัวมา เรามักจะมองกันเรื่องเดิมๆ มองกันเรื่องรูปแบบชีวิตที่ชัดเจน อย่างเช่น บางที ขาดพ่อ ขาดแม่ หรือว่า มีช่วงต้นวัยของชีวิต ที่ยากลำบากอย่างชัดเจน ไม่มีเหมือนคนอื่นเขาอะไรต่างๆ

 

จริงๆ ก็เหมือนกับว่า เรานี่โดดเดี่ยวอยู่กับชะตากรรมแบบหนึ่งๆ

 

แต่จริงๆแล้วนี่นะ ทุกคนในโลก ไม่มีเว้นเลย 7 พัน 8 พันล้านคน จะต้องมีข้อด้อยอะไรอย่างหนึ่ง ที่คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น หรือว่าบางทีมองเห็นนะ แต่ไม่นึกว่าเขาจะเกิดความรู้สึกอะไรมากมายขนาดนั้น

 

แต่อย่างกรณีของบุพการีนะครับ คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ ถ้าขาดไปก็จะรู้สึกเหมือนกับ เกิดมาพร้อมกับถูกติดตั้งความเศร้าอะไรบางอย่างไว้

 

เป็นความขาดหายอะไรบางอย่างไปจริงๆ ที่ชัดเจนสำหรับเจ้าตัวนะ

 

แต่อย่างบางคนนี่ เขากลับมีความรู้สึก.. นี่พูดแบบเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นอีกด้านหนึ่งนะครับ.. ว่าบางคนนี่มีพ่อมีแม่ครบจริง เห็นว่าพ่อแม่เป็นใคร แต่ความรู้สึกที่ว่าพวกท่านเป็นพ่อเป็นแม่นี่ ไม่เคยมีเลยนะ

 

อย่างนี้ บางทีอาจจะหนัก แล้วก็เจ็บหัวใจ มากกว่าคนที่ขาดไปรู้แล้วรู้รอด ตั้งแต่เริ่มต้นเลยก็ได้

 

การที่เราจะมาบอก มาตัดสินว่าตัวเองเป็นคนบาป หรือว่ามีบาปมีกรรมอะไรติดตัวมา แบบที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เป็นการเอาความรู้สึกที่เราเกิดมาได้ชีวิตเดียว มาเป็นเครื่องตัดสิน

 

ถ้าหากว่า เราเกิดได้ชาติหนึ่งหลายๆ ชีวิต แปลงร่างเป็นใคร แล้วก็เอาความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึก ที่เป็นปม ที่เป็นความรู้สึกที่ขาด ความรู้สึกที่พร่องของชีวิต มาเปรียบเทียบกันดู จะเห็นนะว่า จริงๆแล้วนี่ไม่มีใครได้เปรียบ หรือเสียเปรียบไปกว่ากันสักเท่าไหร่

 

โอเคว่า ถ้าพูดเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ถ้าพูดเรื่องการต้องได้รับผลจากตัวตนก่อนหน้า ที่เราลืมไปแล้วว่าเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ชื่ออะไรนี่นะ ไม่สามารถจดจำได้ ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้ ได้แต่มารับผล สิ่งที่ตัวตนก่อนทำเอาไว้ โดยที่ตัวตนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่า จะต้องมาได้รับผลอย่างไร

 

ความโหดร้ายของสังสารวัฏอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครได้เปรียบ ไม่มีใครเสียเปรียบใครหรอก ตรงเรื่องของความไม่รู้ว่าเคยทำอะไรไว้

 

แต่จะมารู้สึก ได้เปรียบเสียเปรียบเอาตรงที่วัดว่า คนอื่นเขามีพ่อมีแม่ แต่ทำไมเราไม่มี

 

แต่จริงๆ คนที่เขามีพ่อมีแม่หลายคนเลยนะ บอกว่ารู้อย่างนี้ ไม่มีพ่อไม่มีแม่เสียยังดีกว่า

 

แล้วใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบล่ะ ถ้าหากว่าเรามาวัดกันตรงนี้

 

เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คือจริงๆแล้วถ้าเรามองว่า เราจะไปเคยทำบาปทำกรรมอะไรมาก็แล้วแต่ แล้วมีผลให้ต้องมีความขาดในชีวิตนี้ เราลองมาคิดดูดีไหมว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องของการ ทำทาน รักษาศีล ไว้อย่างไร

 

แล้วก็ไม่ใช่มองกันเล่นๆ ว่าศีล 5 มีการห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักขโมย ห้ามโน่น ห้ามนี่อะไร

 

แต่เรามองว่า เราจะมีจิตที่ไม่เป็นภัยไม่เป็นโทษ กับคนอื่นทั่วโลกไปตลอดชีวิต

 

แบบนี้ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจขึ้นมาเอง ด้วยจิตของเราเองว่า ยิ่งเรา รักษาศีล หรือว่า ยิ่งเราได้ทำทาน ทำลายความตระหนี่ แล้วก็เป็นการให้แบบไม่เลือกหน้า ทั้งในส่วนของการให้สิ่งที่ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษเงิน หรือว่า แรงงาน สมอง หรือว่าจะเป็นเวลาอะไรก็แล้วแต่

 

ยิ่งเราให้ได้มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีความรู้สึกเต็มนะ ยิ่งมีความรู้สึกว่าชุ่มชื่น ยิ่งมีความรู้สึกว่าความตระหนี่ถูกทำลายไปทีละเปลาะๆ

 

ยิ่งเรารักษาศีลได้มากข้อขึ้นเท่าไหร่ เวลามีเรื่องยั่วยุให้ต้องฆ่าฟัน ให้ต้องทำร้ายกัน ทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจอะไรกัน แล้วเราไม่เบียดเบียน เราไม่ทำสิ่งเหล่านั้น ยิ่งศีลเต็มขึ้นเท่าไหร่ ใจจะยิ่งรู้สึกถึงความสะอาดสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น

 

จากสภาพจิตมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องอันเกิดจากกิเลส จะกลายเป็นเต็มขึ้นๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง เรารู้สึกว่า นี่แหละที่เรียกว่า ความปลอดภัย

 

ความปลอดภัย ความสุข ความเบา ความสบายใจ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งในปัจจุบัน และก็มั่นใจว่า ในอนาคต จะปลอดภัยอย่างนี้แหละ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส .. คนที่มีศีลสะอาดบริสุทธิ์ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่ไม่ทำความเดือดเนื้อร้อนใจ

 

จะเห็นเลยว่าเป็น ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมคือกรรมให้ผลในชาติปัจจุบัน เป็นความไม่เดือดเนื้อร้อนใจนะ!

____________________

คำถามเต็ม : ผมเกิดมาแม่ก็ตายเลย เกิดมาไม่ถึงเดือนแม่ก็ตาย แบบนี้ผมบาปไหม และทำกรรมอะไรมาในอดีต?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ถามตอบเกี่ยวกับการเจริญสติ

วันที่ 8 พฤษภาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=_wXCAySVKe0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น