วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564

จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนใกล้ตัวศรัทธาการปฏิบัติธรรมได้อย่างไร?

 ดังตฤณ : เริ่มต้นขึ้นมา มาคลิกกับธรรมะได้อย่างไรครับ?

 

ผู้ถาม : ตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่มีทั้งพลังบวกที่รุนแรง และพลังลบที่รุนแรง เวลาคิดลบ ก็จะคิดลบมากๆ เวลามีใครทำอะไรให้ไม่พอใจ ก็จะจำฝังใจ แล้วก็จะแค้นสุดๆ 

แล้วมันก็ลบๆ มาเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครบอกใครสอนว่า ไม่ต้องรู้สึกขนาดนี้ก็ได้ 

 

รู้สึกมาเรื่อยๆ จนอายุประมาณ 12 ก็ เอ๊ะ ขึ้นมาเอง เมื่อสนใจคนอื่นว่า ทำไมเรื่องซวยๆ เกิดแต่กับเรา ทำไมเราถึงดูทุกข์กว่าคนอื่น ก็เลยเกิดคำถามว่า หรือว่าที่ผ่านมาทั้งชีวิต เรามองอะไรผิดไปหรือเปล่า

 

ดังตฤณ: นี่ เป็นข้อสังเกตที่เกิดขึ้นเองใช่ไหม ถือว่า มีบุญเลยนะ .. ถ้าอยู่ๆ เราฉุกคิดได้เอง ถือว่าไม่ธรรมดานะ ต้องมีกุศลจิตเป็นฐานรองรับนะครับ

 

ผู้ถาม : ก็เลยเริ่มคิดใหม่ค่ะ แต่ว่ามาสนใจธรรมะจริงๆ ตอนอายุ 17 ค่ะ ตอนนั้นมีความทุกข์มากๆ 

ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครมาแนะนำศาสนาพุทธเลย อยู่ๆ ก็อยากไปเอง รู้สึกว่า ต้องมีอะไรในศาสนาพุทธที่จะบอกเรา ที่จะตอบได้เกี่ยวกับความทุกข์ของเรา ก็เลยขอที่บ้านไปปฏิบัติธรรมค่ะ แล้วก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆ และมาถูกจริตกับเพจปฏิบัติธรรมที่บ้าน ช่วยอะไรได้เยอะมากๆ เลยค่ะ


ดังตฤณ : อนุโมทนาครับ รู้สึกดีใจครับ แล้วมีจุดคลิกประสบการณ์ทางจิต หรือประสบการณ์ภายใน ที่เกิดจากการนั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือว่าเจริญสติอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังนิดหนึ่ง

 

ผู้ถาม : ทางธรรมไม่ค่อยก้าวหน้าค่ะ เพราะตอนที่มาสนใจธรรมะนี่ ก็ตอนที่เริ่มเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงแล้วค่ะ เป็นหนักขนาดที่เหมือนจะเป็นบ้า หยุดคิดไม่ได้ หมอบอกว่ามีอาการหลงผิด ว่ากลัวถูกทำร้าย ก็เลยเป็นสมาธิยากค่ะ

แล้วก็โชคร้ายซ้ำซ้อน คือ หลายๆ คน บอกว่า ถ้าทานยา แล้วจะดีขึ้น .. แต่เราไปทานยาแล้ว ก็ไม่ดีขึ้น หมอถามทุกครั้ง ว่าเป็นอย่างไร รู้สึกดีขึ้นหรือยัง .. หมอก็เพิ่มโดสยาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพิ่มไม่ได้แล้ว สูงที่สุดแล้ว

 

ช่วงนั้นก็มีความรู้สึกว่า ไม่อยากอยู่บนโลกนี้ ตลอดเวลาหลายปี แต่ด้วยความที่ศรัทธาในศาสนาพุทธ คือ ไม่รู้ว่าถ้าเราจากไปแล้ว มันจะจบหรือเปล่า ก็เลยทำให้เราพยายามที่จะต่อสู้มาเรื่อยๆ ค่ะ


ดังตฤณ : นี่ นับเป็นประสบการณ์ภายใน ที่เราพบกับตัวเองมาตลอด ..เอาล่ะ สำหรับคืนนี้ มีคำถามอะไรครับ?

 

ผู้ถาม : คำถามจะทางโลกนิดหนึ่งนะคะ

ถ้าแฟนของเรา ไม่ได้มีความศรัทธาในด้านการปฏิบัติธรรม แต่ถ้าวันหนึ่งเราสามารถปฏิบัติธรรมได้ดี สามารถยิ้มได้กับสถานการณ์ที่บีบคั้นจิตใจ มีสติ นั่นจะเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขามาสนใจปฏิบัติธรรมได้ไหมคะ


ดังตฤณ : ส่วนใหญ่ที่เจอมาเลยนะครับ เอาของจริง ตัวตนจริงๆ เลยนะครับ ที่ผมเจอกับคู่รักมาเยอะมากๆ เลย จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่กันแน่


แต่หลังจากที่ได้เฝ้าสังเกตหลายๆ คู่ ว่าจะมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้าง หลังจากที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เข้ามาทางธรรม แล้วก็มีความสามารถที่จะชักจูงอีกฝ่ายหนึ่งตามเข้ามาด้วย

ผมสังเกตว่า ฝ่ายที่จะคล้อยตาม มักจะเป็นฝ่ายที่รู้สึกว่า คู่ครองของตนหรือแฟนของตน มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไป หรือเปลี่ยนใจตัวเองได้หลายๆ ครั้ง

 

พูดง่ายๆ นะ ประเภทที่ว่า เธอๆ เดี๋ยวไปทำสังฆทานด้วยกัน .. เธอๆ เดี๋ยวไปปล่อยสัตว์ด้วยกัน . .เธอๆ เดี๋ยวมาสวดมนต์ เดี๋ยวมาอ่านหนังสือธรรมะด้วยกัน .. อันนี้ มันเปลี่ยนใจเขาไม่ได้

เพราะคนเราไม่ชอบที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น นั่นคือ ข้อแรก

 

และอีกข้อหนึ่งก็คือ คนเราจะมีแรงต้านจากตัวตนเดิม มาคอยยื้อไว้ ไม่ให้เปลี่ยนไปสู่ความเป็นตัวตนใหม่ พูดง่ายๆ ว่า มีอัตตากันทุกคน .. มีความอยากจะรักษาอัตตากันไว้ทุกคน

 

คนเราสิ่งที่ยึดไว้เหนียวแน่นที่สุด ก็คือ อัตตา หรือ ความรู้สึกในตัวตนของตนเองนั่นแหละ

การที่เขาจะเปลี่ยนได้ดั่งใจเรา ก็คือ เราต้องเข้าใจทริค ต้องเข้าใจจิตวิทยาในการเปลี่ยนคนนิดหนึ่ง

 

เราเป็นคนใกล้ชิดของเขา เป็นคนใกล้ตัวของเขา เพราะฉะนั้น เรามีโอกาสที่จะทำให้เขาเห็นมากที่สุด ว่าพุทธศาสนานี้ให้อะไรกับชีวิตมนุษย์ได้บ้าง

 

จำไว้ตรงนี้นะ ..เราเป็นคนมีโอกาสมากที่สุด ที่จะทำให้เขาเห็น.. เราอย่าไปตั้งเป้าไว้ว่า จะชวนท่าไหน หรือว่าใช้อุบายชนิดใด ที่เขาว่าเวิร์คๆ กัน หรือที่เล่าลือกันว่า ไปชักชวนพ่อแม่ หรือว่าพี่น้อง หรือแฟน มาปฏิบัติ มาทำโน่นนี่นั่นได้ ก็เพราะอย่างนั้นอย่างนี้ ..แบบนั้นนี่ บางทีเราไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ว่ามีอะไรเป็นเหตุปัจจัยที่แท้จริง


แต่เราสามารถที่จะรู้เหตุปัจจัยที่แท้จริง กับตัวเราเองและชีวิตคู่ของเราได้

 

คือ ถ้าหากว่าเราทำให้เขาได้คิด ..ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่หลายๆ ครั้ง.. ว่า เออ ทำไมเราถึงมีผงบังตา หรือ มีเส้นผมบังภูเขา มาตั้งนาน แล้วคนที่เป็นแฟน หรือ คนที่เป็นสามี สามารถที่จะช่วยเขี่ยผง หรือเส้นผมตรงนั้น ออกจากตาเราได้

 

พอหลายๆครั้งเข้า ก็จะมีความรู้สึก ..ไม่ใช่แค่ความคิดเท่านั้นที่เปลี่ยน แต่จะรู้สึกเหมือนตาสว่างขึ้นมา

ตอนแรก ตาสว่างแบบอ่อนๆ แล้วค่อยๆ จ้าขึ้นๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง จิตใจดูเหมือนจะเปลี่ยนไป มีความเยือกเย็นลง มีความคล้อยตามมาในความสว่างทางธรรม

 

ตรงนี้แหละ ที่ไม่ต้องชวน เขาจะถามเองว่าเธอไปทำอะไรมา เธอไปเรียนที่ไหน หรือว่ามีความเข้าใจอย่างไร ถึงได้เกิดความฉลาดทางจิต หรือมีปัญญาแบบพุทธ ที่ทำให้ชีวิตมันต่างออกมาจากภายในได้

 

ตรงนี้แหละ เวลาที่เราจะชวนใคร ไม่ว่าจะใกล้ตัวหรือไกลตัวเลยก็ตาม .. อย่าชวนด้วยคำพูด แต่ชวนด้วยความเป็นตัวของเราเอง 

_______________


รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ถ่ายทอดจากคลับเฮาส์ ครั้งที่ 1

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564

ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=c5FxGbPQg5k


** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น