วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง แต่อยากเห็นภาพให้ช้าๆหน่อยจะได้ดูทัน

คำถาม : ได้เห็น และรู้ว่า จิต ไวกว่า แสง ก็วันนี้ค่ะ

เพราะว่า พอเห็นปุ๊บแล้วก็เกิดดับ

คือ พอเห็นปุ๊บ เหมือนกับ เห็นขันธ์ แบบไวมากเลยค่ะ 

เช่น เห็นรถปุ๊บ แล้วคิดเลย .. รถคันนี้สวยนะ

แล้วเดี๋ยวรถก็จะราคาตกลงมานะ

 

ภาพที่เห็น จะไม่ใช่เป็นเฟรมช้าๆ ค่ะ

จะเห็นแบบ ปุ๊บปั๊บ แล้วก็ดับเร็ว

 

คำถามคือว่า เราอยากเห็นอะไรตามความเป็นจริง

แต่อยากให้ใจเราเห็นแบบช้าๆ

 

เห็นเร็วมาก แล้วถ้าสติไม่มี ไม่ตั้งมั่น 

เราก็จะหลงเพลิน แล้วเราก็ไปวิจารณ์ ไปวิตก แล้วก็.. ไปปรุงแต่งค่ะ

คือ อยากเห็นภาพให้ช้าๆ ค่ะ ทำอย่างไรดีคะ

 

ดังตฤณ : ขอตอบเป็นสองประเด็นนะครับ

 

ประเด็นแรก ที่เราเห็นอย่างนี้ได้ แปลว่า ที่ทำมา นี่

อย่างน้อยต้องถูกทางแล้ว ถึงเห็น 

ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางเห็น อย่างที่เราเห็นอยู่วันนี้นะครับ

อันนี้ ทำความเข้าใจเป็นข้อแรก

 

ข้อ 2 ทำความเข้าใจให้ชัดเลย เดี๋ยวนี้ เลยนะ

ไม่อย่างนั้นจะหลงไปเรื่อยๆ นะ

 

ทำความเข้าใจให้ชัดเดี๋ยวนี้ว่า

การอยากเห็น ในภาวะของการปฏิบัติที่เคยเกิดขึ้นแล้ว

ภาวะดีๆ ภาวะที่รู้สึกว่าเป็น วิปัสสนา

ภาวะที่ ..เจ๋งจัง .. เยี่ยมจัง

 

ความอยากนั่นแหละ คือ ตัวถ่วงให้ช้า

หรือ เป็นกำแพงกั้น ไม่ให้เห็นอีกเลย 

 

ความอยาก แม้กระทั่งความอยากได้วิปัสสนา 

ความอยากได้อะไรดีๆ ที่เป็นในทางปัญญา

ความอยากได้มรรคผล

ล้วนแล้วแต่เป็น ภวตัณหา ทั้งสิ้น

 

ภวตัณหา มีหน้าที่ทำให้จิตกระสับกระส่าย

ไม่ใช่ทำให้ จิตตรง 

ไม่ใช่ทำให้ จิตนิ่ง

 

ภวตัณหา มีหน้าที่ปิดกั้นปิดบัง 

ไม่ให้เห็นอะไรตามจริง ที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า

ไม่ใช่เปิดเผยนะ

 

ภวตัณหา เป็นความมืด ไม่ใช่ความสว่าง

 

ฉะนั้น เราย้อนกลับไปดูเลยนะ

ว่า เราอยากได้ภาวะนั้นอีก 

อยากได้ภาวะช้าๆ แบบนั้น เกิดขึ้นเรื่อยๆ .. 

ตัวความอยากนั้นแหละ

 

เห็นไหม นี่ อย่างตอนนี้ ลองพิจารณาดู

พอเราเห็นความอยาก ความอยากหายไป

ตัวความหายไปของความอยากนี่แหละ 

ที่เปิดจิตให้โล่งขึ้น

ที่ปรุงแต่งจิต ให้อยู่ในภาวะพร้อมพอ

ที่จะเห็นอะไรตามจริง ตรงกับที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า

 

การเห็นอะไรช้าๆ แปลว่า 

จิตของเรา มีสติที่คม 

แล้วจิต มีความใหญ่กว่าเหตุการณ์นั้นที่เห็น

 

ปกติ จิตของเรา จะยับยู่ยี่

เล็กกว่าเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่ ก็เลยตามไม่ทัน

 

ตัวปรากฏการณ์ที่กำลังจะเกิด หรือว่า ภาวะภายใน

เป็นเวทนาก็ดี เป็นสัญญา เป็นสังขารก็ดี นี่ 

 

ตัวโตเกินไป .. ตัวโตเกินกว่า จิตเล็กๆ ลีบๆ ของเรา

เราก็เลยมองไม่เห็น มองไม่ทัน 

แล้วก็รู้สึกว่าผ่านไปเร็ว

 

แต่ทีนี้ ถ้าใจของเราโล่ง ถ้าใจของเราสบาย

ถ้าใจของเราปราศจากความอยาก

แล้วนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง

ตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจ

 

อย่าไปคิดว่า เรามาไกลแค่ไหน

อย่ามาคิดว่า เรา มาถึงก้าวที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 แล้ว

ควรจะได้ก้าวที่ 8 สักที อย่าไปเข้าใจอย่างนั้น 

 

ให้เข้าใจว่าตัวความโล่ง ความสบาย นั่นแหละ

ตัวความไม่อยาก นั่นแหละ

คือ เหตุผลของการที่เรา สามารถสังเกตอะไรได้ตรงตามจริง 

 

มาถึงตรงนี้ได้ แปลว่า จิตของเรา มาถูกทาง

และที่จะทำให้ไม่ผิดทางต่อ 

ก็คือ อย่าไปติดใจกับภาวะที่เห็นแล้ว แล้วรู้สึกว่าเจ๋งนะ

 

ตอนที่เห็นภาวะปรุงแต่งของจิต เป็นของช้า ของชัด นี่ 

ดีแน่ๆ เป็นวิปัสสนาจริงๆ น่ะนะครับ

 

แต่ที่เป็นวิปัสสนาจริงๆ ขึ้นมา ไม่ใช่เพราะความอยาก 

 

ตัวนี้ ต้องตกลงกับตัวเองให้ดี 

ทำความเข้าใจไว้อย่างชัดเจนเลยนะ 

แล้วก้าวต่อไปของเราจะไม่พลาด

 

บางคน พอปฏิบัติได้ภาวะอะไรบางอย่างขึ้นมา

ไปพยายามทำซ้ำ ไปพยายาม Copy นะ

ไปพยายามเริ่มต้นนับจาก 5 จาก

 

เสร็จแล้ว ติดอยู่กับ ความหลง ตรงนั้นเป็น 10 ปีเลยนะ

คือ นึกว่าภาวะนั้นเป็นภาวะวิปัสสนา 

ที่จะทำให้เรา เข้าถึงมรรคถึงผลได้

แต่ไม่รู้ตัวว่า 10 ปี นี่ เสียไปกับความอยาก ที่จะไป Copy ของเดิม 

 

ของเดิมมาถูกต้องแล้ว เป็น Original

แต่ตอนที่เราไป Copy น่ะ ไม่ใช่ Original แล้ว

 คือ ของทำเทียมเลียนแบบ ที่จะพาเราผิดทาง

แล้วคนที่ผิดทาง จะไม่รู้ตัวไปเป็น 10 ปีเลย

 

แต่ถ้าเรารู้ รู้ไว้ก่อนอย่างนี้ 

แล้วไม่ตั้งความคาดหมายไว้ใดๆ 

ตั้งใจว่า จะรู้ได้ เท่ากับที่ เรารู้สึกว่า

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ตอนนี้ 

ไม่น่าคาดหวังอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้มีดีอะไรทั้งสิ้น 

 

นี่ ตรงนี้แหละ ที่เราเห็นแบบ.. 

เหมือนกับไม่มีดีอะไรทั้งสิ้นนี่แหละ

 

ทำให้ใจโล่ง 

ทำให้ใจว่าง

ทำให้ใจไม่ปรุงแต่งในทางมายา

และไม่ปรุงแต่งไปในทางเป็นอนาคต

 

แต่ปรุงแต่งให้จิต มีสติ

อยู่กับปัจจุบันที่เป็นของจริง ที่เกิดขึ้นแล้ว

ไม่ใช่ของที่ยังไม่เกิดขึ้น

 

นี่แหละ ที่จะเป็น สติ ที่พาเราออกจากวังวนทุกข์จริงๆ 

นี่แหละ คือ สติ ที่ตรงทางมรรค ตรงทางผล จริงๆ นะครับ

__________________

อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง แต่อยากเห็นภาพให้ช้าๆหน่อยจะได้ดูทัน

รายการปฎิบัติธรรมที่บ้าน คลับเฮ้าส์

วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔

ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

รับชมคลิป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น