วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

ถ้ากรรมเก่ากำหนดต้นทุนชีวิต จะขัดกับ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ไหม

ผู้ถาม : สวัสดีครับ อาจารย์ดังตฤณ

ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนให้อาจารย์อธิบาย

เป็นข้อสงสัยทางโลกครับ เกี่ยวกับ เรื่องความเป็นไปของชีวิต

 

คือว่า ชีวิตคนเหมือนเป็นกราฟก็คือ มีขึ้นมีลง ใช่ไหมครับ

บางท่านก็มี ต้นทุน ที่มา น้อย

บางท่านก็มี ต้นทุน ที่มา อาจจะสูงกว่าอะไรประมาณ

แต่ข้อที่ผมสงสัยก็คือ ความรวย หรือ ความจน

ถูกกำหนดไว้จริงหรือเปล่า 

 

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะขัดแย้งกับคำว่า

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นไหมครับ

 

อันนี้ ผมพูดถึงกรณีความพยายามนะครับ 

ส่วนเรื่องการเสี่ยงโชคนี่ ไม่นับด้วยนะครับผม

 

ดังตฤณ : ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

ไม่ใช่พุทธพจน์นะครับ 

เป็นข้อคิดคำคมของปราชญ์ ท่านอื่น

 

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น .. ต้องถามด้วยว่า

พยายามถูกทางหรือเปล่า

เพราะว่า คนบางคน พยายามอยู่ทั้งชีวิตนะ ก็ไม่สำเร็จ 

 

หรือ ที่ผมเคยเห็นมา มีตัวตนจริงๆ เลยนะ เป็นคนขับรถ

เขาเป็นคนฉลาดมาก ถ้าวัดเป็น IQ ผมว่าไอคิวสูงนะ เป็นคนไอคิวสูงทีเดียว

ที่สำคัญ คือว่า เวลาเขาหยิบจับ เวลาเขาจับต้องทำอะไรก็แล้วแต่ เขาจะเก่งหมด

 

เคยไปเป็นกุ๊กนะ ก็เป็นกุ๊กที่ประกอบอาหารได้อร่อย

เคยไป ซาอุฯ ก็หาเงินหาทองได้เยอะ

แต่สุดท้าย เขาก็ต้องมาเป็นคนขับรถ

 

คือ ไปไหน ไม่ว่าจะไปทางไหน สุดท้าย ย้อนกลับมาเป็นคนขับรถทุกที

ซึ่งเขาเอง ก็รู้สึกว่า เหมือนชีวิตมีเพดาน เขาพยายามทุกทางแล้ว

แล้วบางช่องทางนี่ ประสบความสำเร็จ คือ ทำได้ดี

แต่ที่สุดแล้ว ถ้าไม่โดนโกง ก็ต้องประมาณว่า คนไม่เห็นค่า 

 

อย่างทำอาหารได้เก่ง แต่ก็ได้แค่ เป็นกุ๊กในร้านเล็กๆ อะไรอย่างนี้ .. 

จะไปเป็นร้านใหญ่ จะต้องมีเรื่อง จะต้องมีปัญหาเกี่ยวกับผู้คน 

หรือว่าอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ผลักดันออกมา

 

คือ ผมนึกไม่ออก จำไม่ได้ว่า ทำอาชีพอะไรมามากแค่ไหนนะ

จำได้แต่ว่าทำมาเยอะมาก 

แล้วแต่ละอย่าง ที่ทำนี่ ก็ทำได้ดี แต่สุดท้ายกลับมาเป็นคนขับรถ


ถามว่า อันนี้ ชี้อะไรบ้าง .. เฉพาะกรณีของคนคนนี้นะครับ

บอกว่า กรรมเก่านี่ หนักมาก อาจจะประเภทที่เคยใช้พ่อ ใช้แม่ ราวกับข้าทาส

พอเกิดใหม่ วิบากกรรม ปรุงแต่งชีวิตให้.. ต่อให้เก่งแค่ไหน ต่อให้ทำดีแค่ไหน 

ก็เหมือนกับต้องมารับใช้เขา

ต้องมาทำงาน ออกแนวว่า ..ได้อยู่ที่ดีๆ แล้ว แป๊บหนึ่งจะต้องออกไปพเนจรต่อ 

ไปทำงานหนัก บางทีงานหนักเยี่ยงทาสเลยนะ เพียงเพื่อแลกกับความสบายใจ 

 

คือ จากที่เก่า ดีๆ อยู่แล้ว ทุกอย่างมั่นคงอยู่แล้วนะครับ

แล้วเหมือนกับน่าจะก็ได้เงินประจำไปเรื่อยๆ เลยอย่างนี้

แต่ก็ต้องมีเรื่องกับคน แล้วก็ก่อให้เกิดความอึดอัด แล้วต้องพเนจรต่อไป ลำบาก

แล้วก็ไป .. เหมือนกับตั้งต้นใหม่ นับหนึ่งใหม่ อะไรแบบนี้

แล้วก็สุดท้าย เป็นคนขับรถทุกที

 

ซึ่งเทียบกับ คนบางคนนี่ ไม่ได้พยายามอะไรเลย 

อยู่ๆ มีส้มหล่นมาให้ถึงปาก มีอ้อยมาเข้าปากช้าง 

ตัวเองมีหน้าที่กลืนอย่างเดียว แทบไม่ต้องเคี้ยวด้วยซ้ำนะครับ

 

ความต่างแบบนี้ ก็บอกได้ว่าเรื่องของปัจจัย คือ บุญทำกรรมแต่ง มีอยู่จริง 

 

ทีนี้ ถ้ามาเชื่อเรื่องบุญเรื่องบาปอย่างเดียว อะไรๆ ถูกขีดไว้แล้ว 

อย่างนั้นไม่ต้องพยายามได้ไหม

 

ลองนึกถึง ยกตัวอย่างแบบสุดโต่งเลย

 บุคคลที่รวยที่สุดในโลกคนหนึ่งอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์

เกิดมาไม่มีอะไรเลยนะ ต้องลำบากหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่อายุแค่ไม่กี่ขวบ 

แต่ความลำบากนั้น อยู่ในทิศทางที่เขาจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ 

 

ฉลาดมากขึ้น ในการหาเงิน 

ฉลาดมากขึ้น ในการคุมคน

ฉลาดมากขึ้น ในการตัดสินใจเลือก

 

ในที่สุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลายเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกนะครับ

 

เพราะช่วงวัยที่เขาลำบากลำบน เขาพยายามคิดว่า ทำอย่างไร จะเลือกได้ถูกมากขึ้น 

 

มีผลให้ เขาเลือกหุ้นไม่ค่อยผิด

เป็นเจ้าพ่อหุ้น เป็นพ่อมดหุ้น

เป็นนักลงทุน ในแบบที่เอาตัวเองนี่ ลงไปศึกษารายละเอียด 

ปูพื้นนิสัยนะครับ ที่จะไม่ใช่เอามาแบบง่ายๆ 

จะต้องรู้รายละเอียดเสียก่อน แล้วถึงตัดสินใจเลือกว่า จะเอาอันไหน

 

แล้วก็ เกิดเซนส์มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเขาเรียกว่า พ่อมด นะครับ


อันนี้ถามว่า กรรมเก่า กำหนดมาอย่างไร 

คือ อาจจะเป็นคนที่ทำบุญไว้เยอะ ให้อะไรใครไว้มากมหาศาล มากระดับโลก

แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจทำบาปนะครับ 

ไปปิดล้อมเมืองคนเขาไว้ ในสมัยเป็นกษัตริย์ สมัยเป็นราชา ไปปิดกั้นไม่ให้คนเขามีกินมีใช้ เพื่อที่จะให้เขายอมแพ้

 

หรือ อาจจะไปรีดนาทาเร้นชาวบ้านชาวเมืองไว้

จนต้องเกิดมา ถูกรีดนาทาเร้นบ้าง ตั้งแต่วัยเด็ก ต้องทำงานตั้งแต่เด็กๆ

เป็นเด็กตัวน้อยๆ นี่ ต้องทำงานหาเงินแล้ว อะไรแบบนี้

 

นี่นะครับ ในเรื่องของบุญทำกรรมแต่ง ในเรื่องของความพยายาม มีความสัมพันธ์กัน

ถ้าเกิดใหม่ชาตินี้ มีบุญมากมายมหาศาล แต่เกิดในที่ที่บาปส่งมาให้เกิด

มาเป็นเด็กยากจน แล้วเขาไม่มีความพยายามอะไรเลย

ไม่พยายามคิดอะไรให้ดีขึ้น ก็เป็นคนยากคนจนอยู่อย่างนั้น

คือ ทำมาหากินในแบบเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีทางที่จะรวยขึ้นมาได้


แต่ด้วยความพยายาม ด้วยความคิด ที่เกินกว่าคนยากคนจนธรรมดานี่

ผลักตัวเองขึ้นมา กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับของโลก

คือ จากคนยากคนจน มาติดท็อปเท็นระดับโลกได้ 

ต้องอาศัยทั้งบุญเก่า แล้วก็ความพยายามในปัจจุบันเสริมเข้าไป 

 

ส่วนคำว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

ไม่เป็นสัจธรรมนะ

ถ้าพยายามในทางที่ผิด ก็ไม่สำเร็จหรอก

ยิ่งพยายาม ยิ่งล้มเหลว 

 

หรือ อาจจะยิ่งพยายาม ยิ่งโดนบาปเก่า นี่ มากระหน่ำซ้ำเติม 

ให้ลืมตาอ้าปากไม่ได้ในชาติปัจจุบัน

 

ผู้ถาม : แล้วคือ.. ถ้าสัมพันธ์กันนะครับ อาจารย์

อย่างไร ก็ยังมีช่องทางในการที่จะไปต่อ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสกิล (skill) ตัวเอง หรือว่า การเอาคนที่ประสบความสำเร็จเป็นแบบ

อาจารย์คิดว่า มีช่องทางไหนใน view (มุมมอง) ของอาจารย์ ที่ว่าน่าจะไปต่อ แล้วก็ Link กับทางพุทธวิถี ประมาณนี้น่ะครับผม


ดังตฤณ : อันดับแรกนะครับ เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปของวิบากแต่ละอย่าง

 

คือ เราจะมาท่องอย่างเดียวไม่ได้ว่า ทำบุญไปมากๆ เดี๋ยวก็ชนะบาปเก่าเอง ต้องลงรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น

 

ถ้าหากเป็นที่เกลียดชัง ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

เรารู้สึกว่าเราหวังดีกับคนอื่น แต่ทำไมคนอื่นชอบมาเข้าใจเราผิด

หรือ เราทำดีแท้ๆ ตั้งใจดีแท้ๆ กลับโดนลากไปประจาน

คือ ชีวิตเหวี่ยงให้ไปอยู่กับกลุ่มคนที่ เป็นฝูงแกะดำ เราเป็นแกะขาวอยู่คนเดียว อะไรแบบนี้นี่

เราต้องเข้าใจวิบากว่า นี่ คือ วิบาก 

 

วิบาก คือ อะไร

คือ การที่เรา .. อย่าง มักโดนเข้าใจผิด นี่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เคยโกหก 

เคยโกหกบ่อย เคยโกหก จนชำนาญ

เคยโกหก จนกระทั่ง ติดเป็นนิสัย เป็นสันดาน

อย่างนี้ ผล คือ จะต้องถูกใส่ร้ายถูกใส่ไคล้ 

เกิดใหม่คราวไหน ก็จะต้องไปอยู่ในกลุ่มคนที่ เขาเข้าใจเราผิด

หรือ ถูกสังคมประนาม ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดเลย


คนทำผิดจริงๆ กลับได้รับการสรรเสริญ 

นั่น เพราะอะไร

เพราะได้รับวิบากที่เคยทำอะไรดีๆ ไว้กับคนอื่นนะ

 

เคย..เคยพูดคำที่จริง

เคยพูดคำที่เป็นประโยชน์

เคยทำตัวเป็นที่รัก

เคยมีลักษณะความเคร่งครัดในความ..พฤติกรรมที่สูงส่ง อะไรแบบนี้

ก็เลยให้ผลอยู่ว่า คนเชิดชูบูชา ทั้งๆ ที่เป็นคนชั่วร้าย

 

แต่ เรา ทำดี กลับไม่ได้ดี

เพราะว่าเรากำลังอยู่ในช่วงของเวลา ที่ได้รับวิบากไม่ดีอยู่นะครับ 


ทีนี้ ถามว่า พอเราเข้าใจอย่างตรงทางว่า 

กำลังได้รับวิบากร้าย ในแง่ที่เคยไปใส่ไคล้คนอื่น เคยโกหกคนอื่นนะครับ

แล้วตอนนี้ กำลังได้รับผลแบบเดียวกันนั้นอยู่

เราจะแก้อย่างไร

 

วิธี ก็คือ ตั้งใจมั่นว่า

เราจะถูกใส่ร้ายอย่างไร เราจะโดนเล่นงานแค่ไหน

 

ให้อภัยเป็นทาน ถือว่า เราได้ใช้หนี้

และเราก็ตั้งใจว่า เราจะพูดแต่ คำจริง

พูดแต่สิ่งที่เป็น สัจจะ

พูดแต่สิ่งที่เป็น ประโยชน์

เป็น คุณ กับคนอื่น

 

ไม่ เบียดเบียนคนอื่น

ไม่ พูดเพื่อที่จะทำร้ายใคร

แค่นี้ก็เป็นการแก้กัน

 

ซึ่ง ถ้าหากว่าเราสะสมมากไปๆๆ ในที่สุดนะครับ นานปีไป ของใหม่ นี่ สว่างกว่าที่จะ โดนเล่นงานจากกรรมเก่า

เอาชนะกรรมเก่าได้ หรือ ที่เรียกว่าชนะกรรม .. เอาสั้นๆ 

 

นี่คือ แค่ยกตัวอย่าง

แต่ถ้าเราจะเอาแบบครอบจักรวาล 

 

เราไม่ต้องไปพิจารณา ไม่ต้องไปรู้เหตุผล ที่มาที่ไปของกรรมและวิบาก แต่ละชนิดก็ได้ 

 

เราแค่ทำตามคำแนะนำของพระพุทธเจ้า 

ว่า ถือศีล 5 ให้ได้ตลอดชีวิต ให้ได้สะอาดบริสุทธิ์ 

ตั้งใจมั่นนะครับว่า ยอมตายดีกว่ายอมผิดศีล

 

แค่นี้ คือ ครอบจักรวาลเลย แก้ได้ทุกจุด ทุกกรณี ทุกประเด็นนะครับ

 

อันนี้แหละ ที่เชื่อมโยงกับที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ แล้วจะเห็นผลได้ทันตาในปัจจุบัน

 

อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสนะว่า ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม 

หรือ ผลของการ ถือศีล ได้สะอาดบริสุทธิ์ ในชาตินี้ ปัจจุบันนี้

ก็คือ เห็นว่าตัวเองนี่ ไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจในชีวิต

 

คือ ต่อให้วิบากเล่นงานอะไรแค่ไหน ในที่สุดจะเบาบางลง

แล้วคนที่ถือศีลสะอาดจริงๆ นี่ จะเห็นนะ เหมือนกับมีเกราะแก้ว

 

เกราะแก้ว นี่ ไม่ใช่แบบเป็นปาฏิหาริย์นะ

แต่เป็นใจเราที่บริสุทธิ์อยู่ได้ศีล ที่แผ่ออกไปเป็นเกราะป้องกันตัวนะ

ที่จะทำให้เรา ห่างออกมาจากเรื่องเดือดร้อน ห่างออกมาจากคนชั่วร้าย

 

คนชั่วร้ายเข้ามา จะถึงตัวอยู่แล้ว แต่ถึงไม่เต็มเหนี่ยว ไม่เต็มที่
_____________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน มุมมองที่เปลี่ยนไป

วันที่ 13 มีนาคม 2564

ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8_2ySu1XJus



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น