วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

หมอดูบอกว่ากรรมลิขิตมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้

 

ผู้ถาม : สวัสดีค่ะ ติดตามพี่ตุลย์มาตั้งแต่ช่วงนั้น เขียนหนังสือเรื่อง 'เสียดายคนตายไม่ได้อ่านแล้วก็ 'เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว' ก็สะสมไว้ทุกเล่มตั้งแต่ช่วงนั้นมา

พี่ตุลย์ เป็นนักเขียนธรรมะคนแรก ที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้ปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวดในช่วงนั้น แล้วก็ปฏิบัติต่อมาเรื่อยๆ ค่ะ 

 

ดังตฤณ : อนุโมทนาครับ

 

ผู้ถาม : เคยได้ยินมาว่า ดวงของคนเรานี่ ถูกกำหนดไว้แล้วส่วนหนึ่ง

แต่ว่ากรรมปัจจุบัน หรือว่า Action ในปัจจุบัน ก็สามารถทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปได้ใช่ไหมคะ

 

ดังตฤณ : ใช่ครับ

 

ผู้ถาม : อันนี้ไม่แน่ใจ ว่าเข้าใจถูกต้องไหม 

แต่ทีนี้ล่าสุด คือ ด้วยความที่เราสนใจศาสตร์หลายๆ ศาสตร์ แล้วก็มี อาจารย์ท่านหนึ่งที่ออกทีวี พอดีว่ารู้จักกัน แล้วท่านก็มาดูดวงให้

แล้วท่านก็บอกว่า อันนี้เป็นศาสตร์ของฮินดู ซึ่งก็แปลกจากศาสตร์ทั่วๆ ไป ที่เราเคยดูเคยศึกษามา.. เขาก็บอกว่า วันเดือนปีเกิดของเรานี่ ดวงของเรานี่ กำหนดมาเป็นแบบนี้ๆ เปลี่ยนแปลงไม่ได้

 

เพราะฉะนั้น แปลว่าตั้งแต่เกิดจนตาย ก็คือ จะได้ประมาณเท่านี้

ดีสุด รวยได้เท่านี้ ดังได้เท่านี้ หรืออะไรประมาณเท่านี้

ก็เลยเกิดความสงสัยว่า อ้าว.. จริงๆ แล้วศาสตร์แต่ละศาสตร์นี่

กำหนดออกมาไม่เหมือนกัน ตามแต่ศาสนาที่ตัวเองเชื่อ

อย่างนี้หรือเปล่าคะ

 

หรือว่าความเป็นไปของคนเรา ที่เราเชื่อกันตามหลักพุทธศาสนา

เรื่องกรรมต่างๆ เป็นสากลด้วยน่ะค่ะ

 

ดังตฤณ : โอเคนะ คือ เป็นคำถามที่หลายคน ก็งุนงง สงสัย ไม่แน่ใจ

แล้วก็พูดง่ายๆ ว่า หาข้อสรุปกันไม่ค่อยจะได้ 

เพราะว่าแต่ละคนนี่ ไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างกันมาก

 

อย่างบางคนนะ แค่เปลี่ยนวิธีพูดนะครับ 

จากเดิมที่พูดแบบไม่มั่นใจ กลายเป็นพูดแบบมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา

นี่ .. ชีวิตต่างออกไปเลยนะ

 

คือ แค่ฝึกพูดอย่างเดียวเลยนี่นะครับ 

จากพูด แบบที่ไม่ค่อยจะมีความมั่นใจในตัวเอง 

กลายเป็นพูดแบบ มีคำพูดฉะฉาน มีความคิดอะไรที่ชัดเจน 

มีเป้าหมายที่แน่ชัด อะไรต่างๆ นี่ กลายเป็นคนดังขึ้นมาเลยนะครับ

 

ถามว่า ที่ดังขึ้นมา นี่ เป็นเพราะกรรมเก่าช่วย 

หรือว่าเป็นเพราะกรรมใหม่ คือ มีวิธีพูดที่แตกต่าง ที่ช่วยให้ดังขึ้นมา

อันนี้ ยกเป็นโมเดลขึ้นมา เพื่อที่จะให้เข้าใจง่าย เห็นภาพชัด

 

คือ ถ้าหากว่า เราเอาเฉพาะของเก่า บอกว่า ของเก่านี่

เดือนนี้ ปีนี้ กำลังจะดังอยู่แล้ว

แต่ถ้าหากว่า ไม่มีเหตุปัจจัย คือ ไม่ไปฝึกพูด ไม่ไปหัดคิดถึงคำพูด

หรือว่าประเด็นเป้าหมาย จับประเด็นให้ถูกต้อง

จับประเด็นให้ชัดเจนอะไรขึ้นมานี่ ก็จะพูดไม่เก่ง

 

โอเค ดวง ดวงเดิมที่จะให้ดังขึ้นมานี่ ก็อาจจะส่งเสริมให้ดังขึ้นมาจนได้ 

แต่ไม่ดังเท่าที่เราพูดเก่งขึ้น .. อันนี้เข้าใจใช่ไหมครับ

 

คือ ของเก่านี่ เวลาจะให้ผลนะ 

อย่างไรๆ ก็ต้องเป็นไปตามที่ถูกวางพล็อตไว้นั่นแหละ ถูกดีไซน์ไว้

แต่ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในชีวิตปัจจุบัน จะเป็นตัวชี้ขาดว่า

ที่ของเก่า จะให้ผลนี่ จะให้ผลมากหรือว่าน้อย

เต็มที่แบบเต็มพิกัดเลย หรือว่า กระพร่องกระแพร่ง

ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะครับ

 

เดี๋ยวจะยกตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลนะครับ

 

มีเจ้าชายอยู่องค์หนึ่ง ชื่อว่า อชาตศัตรู .. พระเจ้าอชาตศัตรูนะครับ

เป็นกษัตริย์ขึ้นมาได้ จากการฆ่าพ่อตัวเอง

อันนี้ เป็นเรื่องที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ก็น่าจะเคยได้ยินได้ฟัง

 

ทีนี้ ประเด็นคือว่า น้อยคนนะครับ ที่จะได้ทราบว่า

พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้นะ .. ครั้งแรกที่พระเจ้าอชาตศัตรูมาเข้าเฝ้า

แล้วก็ฟังธรรมไปนี่ ท่านมีจิตที่เบิกบานมาก

ท่านมีความรู้สึกว่า เข้าใจธรรมะอะไรกระจ่างนะครับ

 

แล้วพอเสด็จกลับไป พระพุทธเจ้าก็ตรัสกับเหล่าภิกษุ ว่า

ถ้าหากว่าพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ฆ่าพ่อ ไม่ทำปิตุฆาตเสียก่อน 

เขาจะได้บรรลุธรรมเป็น พระโสดาบัน ต่อหน้าเราทีเดียว

 

คือ พูดง่ายๆ ว่า ของเดิม ทุนเดิม มีอยู่แล้ว

เพียงพอที่จะได้เป็นอริยบุคคล ตั้งแต่ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าครั้งแรก 

ซึ่งเป็น .. ต้องว่าถือว่าเป็น คนมีบุญมาก เลยนะครับ 

 

คือ ไม่ได้แค่พบพระพุทธศาสนา

แต่มีบุญถึงขนาดเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์ได้

เสร็จแล้ว ด้วยความที่ไปคบคนไม่ดี 

ไปนับถือพระเทวทัตเป็นครูบาอาจารย์ ก็เลยสมคบคิดกันนะครับ

 

พระเทวทัตจะลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แล้วตั้งตนเป็นศาสดาเสียเอง

ส่วนลูกศิษย์ ก็คือ พระเจ้าอชาตศัตรู ก็ถูกยุให้ฆ่าพระบิดาของตัวเอง

จะได้เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ แล้วก็ส่งเสริมกัน

ให้พระเทวทัต เป็นศาสดาใหม่ 

แล้วก็ พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกษัตริย์ ก็จะได้ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน

 

นี่ หลงผิดไปด้วยกันแบบนี้

แทนที่ว่า บุญเก่าจะให้ผลได้เป็น พระโสดาบัน นี่ 

กลายไปเป็นว่า ต้องลงนรกก่อน

 

คือ ปิตุฆาต .. การฆ่าพ่อนี่ จะต้องได้รับผลชัวร์ๆ หนักแน่น

คือ ได้ไปนรกก่อน ไปอเวจีมหานรกด้วย

แทนที่จะได้เป็น พระโสดาบัน ปิดอบายภูมิได้เด็ดขาดนะ

 

อันนี้ แสดงว่า ของเก่า อุตส่าห์จะให้ผล

ได้เป็นอริยบุคคลชัวร์ๆ เลยนะครับ

กลายเป็นว่า ต้องไป อเวจีมหานรก ก่อน

 

นี่ อันนี้ จะทำให้เกิดความกระจ่างนะครับ

 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในเรื่องของ ทิฏฐิ 62 

ลองไปหาดูนะครับ ทิฏฐิ 62 คือ มีที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

เชื่อ.. แค่อะไรๆ .. นี่ เป็นเรื่องของกรรมเก่าให้ผล 

นี่ก็เป็น มิจฉาทิฐิ ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นกันเยอะ

 

ไม่ใช่แค่คนธรรมดาทั่วไป 

ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ ทางอะไรก็ตามนี่นะ 

ผมได้ยินมาเยอะแล้ว ที่บอกว่า กรรมเก่า อย่างไรก็แก้ไม่ได้ อย่างไรก็จัดการอะไรไม่ได้นะครับ

 

ผู้ถาม : ใช่ค่ะ พี่ตุลย์ หนูก็เลยเกิดความเสียเซลฟ์ค่ะ เพราะว่าเป็นศาสตร์ใหม่ที่เราเพิ่งได้ยิน

เพราะเท่าที่ฟังมา ก็คือ กรรมบางส่วน ที่พี่ตุลย์พูดว่า ถูกวางพล็อตไว้แล้ว เพราะว่าเราทำมา แต่ว่าท้ายที่สุดแล้ว กรรมปัจจุบัน หรือ Action ปัจจุบันนี่แหละ ที่มีผลมาก ในการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในตอนนี้

 

แล้วพอเขามาบอกเราแบบนี้ๆ ก็เลยทำให้เรารู้สึกแบบไขว้เขวค่ะ ว่า ..

 

อย่างบางคำ .. บางคำพูด อย่างนี้ เขาก็จะพูดว่า อ๋อ .. อย่างเรื่องเนื้อคู่นี่ ..

เป็นคำสาปนะ คุณต้องมาแก้คำสาป 

เพราะว่า ดวงคุณติดอยู่ตรงนี้ .. อะไรอย่างนี้เป็นต้น

 

เราก็แบบ ..เป็นคำสาปเหรอ อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เลยทำให้ไขว้เขวนิดหน่อยค่ะ

 

ดังตฤณ : เอาที่พี่เห็นมานี่นะ คือ พี่เจอหมอดูมาทุกประเภท ทุกระดับคุณภาพ นะครับ

 

เคยเห็นแบบที่..ระดับปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ของไทย  

ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร หรือ อาจารย์เสถียร โพธินันทะ 

ซึ่งมีความรู้ทางพุทธศาสนาดีมากนะครับ

ก็จะกล่าวไว้ตรงกันนะ ว่า 

 

กรรมเก่า นี่ ขีดชะตาไว้ชัดเจนแน่นอน

แต่ว่า ไม่ใช่จะแก้ไม่ได้ ด้วยกรรมใหม่นะครับ

 

คือ ไม่สามารถอธิบายได้ด้วย ดวงดาว อย่างเดียว

ต้องอธิบายด้วย ..พูดง่ายๆ ว่า ทางใน

 

หมอดู ที่พี่รู้จัก มีบางคนนะ  ระดับครูบาอาจารย์ อันนี้ ท่านมรณภาพไปแล้วนะครับ

คือ ท่านศึกษา แล้วท่านไม่ได้ดูดวงให้ใคร

แต่ท่านมีญาณอยู่ก่อน มีความหยั่งรู้อยู่ก่อน

เป็นผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะ

แล้วก็สามารถที่จะบอกได้อยู่แล้ว ว่า 

จะเกิดอะไรขึ้นกับใคร อนาคตจะเป็นอย่างไร แล้วมักจะเป๊ะ

 

ทีนี้ ต่อมา พอท่านอายุมากขึ้นนี่ ท่านไปศึกษาโหราศาสตร์ด้วย

แล้วท่านสามารถพยากรณ์วันตายของท่านได้เลย ว่า จะเป็นวันไหนนะครับ

คือ อาศัยญาณด้วย แล้วก็ความรู้ทางโหราศาสตร์ประกอบด้วย

 

อันนี้ พี่จะบอกว่า ถ้าเราเจอคนที่มีเซ้นส์ด้วยนะ

แล้วก็มี ความรู้ทางโหราศาสตร์ ที่ชัดเจนประกอบอยู่ด้วย 

 

เขาจะบอกได้ว่า กรรมเก่าของเรา ถูกวางพล็อตไว้ตามโหราศาสตร์ ตามฤกษ์เกิดแบบนี้ 

จะต้องมีอะไร อย่างไร เมื่อไหร่ 

 

แล้วก็สามารถที่จะชั่งตวงวัดได้ จากจิตที่มี อภิญญา นี่นะ ว่า

ด้วยกรรมใหม่ของเรา ประมาณอย่างนี้ ความสว่างอย่างนี้ 

เอาชนะความดำมืดของเก่า ได้หรือเปล่า?

หรือด้วยความสว่างแบบใหม่

ช่วยปัดเป่า ช่วยบรรเทาให้ของเดิมนี่ ทุเลาลงได้แค่ไหน

 

ตรงนี้ต้องเป็นส่วนของอภิญญา ต้องเป็นส่วนของเซ้นต์ 

ไม่สามารถใช้คำอธิบายเป็นโหราศาสตร์มาบอกได้

 

ผู้ถาม : เหมือนเขาดูเปอร์เซ็นต์ (percentage) ของกรรมขาวกับกรรมดำได้เลย จนสามารถบอกได้คร่าวๆ ประมาณนั้นใช่ไหมคะ

 

ดังตฤณ : พี่บอกอย่างนี้ 

จะมีครูบาอาจารย์โหราศาสตร์บางท่านนะครับ ที่สั่งสอนลูกศิษย์บอกว่า 

ถ้าเห็นว่า ลูกค้ามีศีลมีธรรม คือ ถือศีลได้บริสุทธิ์ อย่าไปทายอะไรไม่ดี เพราะว่า ไม่แน่ 

 

จากประสบการณ์ของท่านนี่นะครับ เห็นมาเยอะว่า 

คนที่ถือศีลสะอาดบริสุทธิ์ จะเป็นคนที่แบบ..อยู่เหนือ

อยู่เหนือดวงส่วนใหญ่ 

 

คือ ดวงส่วนใหญ่ นี่ เกิดจากกรรมเล็กกรรมน้อย ที่ไม่ค่อยจะหนักหนา

 

เพราะฉะนั้น ถ้าเราถือศีลได้บริสุทธิ์ในชาติปัจจุบันนี่ 

จะเป็นกรรมใหม่ แบบที่ทำให้อะไรๆ ที่จะเลวร้าย

ที่จะมาตามไล่ล่าเรา .. ตามไม่ทัน

หรือว่า มาทัน แต่ว่าก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ถนัดถนี่ 

 

ทีนี้ ประเด็นก็คือ ความไม่แน่ไม่นอน

 

แต่ละคน ในช่วงที่จังหวะกรรมแบบไหน จะให้ผล 

เราไม่สามารถรู้ได้ ว่า ต้นเหตุคือกรรม ที่กำลังจะให้ผล 

เราไปทำไว้แบบหนักแน่น ยาวนาน ยืดเยื้อ หรือว่า ทำไว้แป๊บๆ นะครับ

 

ถ้าหากว่า เราทำอะไรอย่างหนึ่งไว้ทั้งชาติเลย 

ยกตัวอย่างเช่น ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้ทั้งชาติ 

เป็นเพชฌฆาต เป็นคนฆ่าสัตว์นะครับ

 

เวลาให้ผล จะให้ผลกับพื้นดวงเลยนะ 

ว่า จะต้องเป็นคนที่สุขภาพอ่อนแอ แล้วก็จะ.. ออดๆ แอดๆ 

รักษาอย่างไร สมมุติว่า หายโรคหนึ่งนะครับ 

อีกโรคหนึ่ง ก็จะเข้ามาแทรกซ้อนทันที ไม่ให้ได้มีความสุข

แล้วจะเป็นคนมีอายุสั้น เป็นคนมีโรคมากนะครับ

 

บางคนนี่ ก็สงสัยว่า เอ้ย ไปทำกรรมอะไรไว้นักหนา 

ถ้าระลึกชาติได้นี่ ก็ โอ้โห.. เห็นแล้ว ไปฆ่าสัตว์ไว้ทั้งชีวิต

หรือตัดชีวิตคนไว้เป็นเบือ ทำให้ชีวิตตกตายเป็นเบือนะครับ

 

ฉะนั้นนี่ จะมองเห็นเลย จะเห็นเป็นนิมิตนะครับ

แล้วก็ชั่งน้ำหนักได้ ว่า ด้วยการที่ฆ่าสัตว์มาทั้งชีวิตแบบนั้น 

แค่ไปปล่อยปลา 200-300 ตัว หรือว่า ไปปล่อยนกนะครับ

แล้วจะอธิษฐานว่า ให้กรรมนี้จงละลายหายไป นี่ ไม่ได้

ไม่ใช่อะไร ที่จะเอาไม้ซีก นี่ ไปงัดไม้ซุง

 

ตรงนี้ ถึงจะเห็น แล้วก็เข้าใจจริงๆ เรื่องของโหราศาสตร์

 เรื่องของกรรมเก่ากรรมใหม่ ว่า มาสู้กันอย่างไร

 

แต่ในกรณีของผู้ถาม บอกว่า 

ถ้าเราโดนทำนายทายทัก ว่า เพดานจำกัดของชีวิตของเรา

มีอยู่แค่นี้ ไม่สามารถไปได้ไกลเกินกว่านี้

เราอาจจะลองท้าทาย หมอดู ดูก็ได้ว่า

 

อย่างถ้าเรารู้ว่า ต้นเหตุของความ popular มาจากการที่

เราพยายาม ที่จะเอาตัวเอง เป็นที่ตั้ง

เป็นที่ลากพา ให้คนทั่วไป มหาชนทั้งหลาย

ได้มานับถือศรัทธา บุคคลที่ควรนับถือและศรัทธา อย่างเช่น พระพุทธเจ้า

 

ถ้าเราเหมือนกับชักชวนด้วย.. ไม่ใช่ชักชวนแบบว่า เธอมาๆ อย่างนี้นะ

แต่ด้วยการที่ เราพยายามทำให้คนรอบตัวของเรา ทั้งใกล้และไกล

ได้เข้าใจจริงๆ ว่า พระพุทธเจ้า ท่านช่วยมนุษย์อย่างไร มีความสำคัญอย่างไร 

หรือว่า ให้ธรรมะกับมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เป็นธรรมะแบบไหน

 

ถ้าเราทำให้คนเข้าใจได้ จากคนแรก อาจจะเหนื่อยหน่อย

คนที่ 2 เหนื่อยน้อยลงนะครับ แล้วคนที่ 3 4 5 มากขึ้นๆ 

จนกระทั่ง เราอยู่ในจุดที่สามารถจะทำให้คนจำนวนเยอะๆ ได้เข้าใจพระพุทธเจ้า

จากการเอาตัวเรา เอาความเป็นทั้งหมดของตัวเรา นี่ ทุ่มลงไป

ทำให้คน เกิดความเข้าใจพระพุทธเจ้าได้ 

 

ลองดูว่า จะทะลุเพดานจำกัด ที่หมอดูบอกว่า ไม่มีทางทะลุได้ไหมนะครับ

 

เพราะพระพุทธเจ้า เป็นเลิศในโลกแล้ว 

เป็นผู้ทรงคุณ เป็นผู้ที่ช่วยให้เวไนยสัตว์ ได้พบทางออกจากทางตัน

แล้วก็ได้พ้นทุกข์ จากความเป็นสัตว์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 

ว่า เกิดมาได้อย่างไร เกิดมาทำไม

 

ถ้าเราสามารถทำให้คนรอบๆ ตัวของเรา และไกลตัวของเรา ได้เข้าใจท่านได้

อันนั้นแหละ คือ ต้นเหตุกรรมที่ชัดเจนนะ ว่า จะทำให้เราทะลุเพดานจำกัดได้นะครับ

 

ผู้ถาม : สาธุค่ะ พี่ตุลย์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเสมอๆ เลยนะคะ

โดยเฉพาะคำตอบของวันนี้ด้วย ก็จะได้ตั้งใจปฏิบัติต่อไป

 

จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่หนูไม่ควรเอามาเป็นสาระ แต่ว่าก็มีความนอยด์นิดหน่อย

เพราะว่า เอ๊ะ เราไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน.. 

เรายังศึกษาไม่ถึง หรือว่า มีอะไรมากกว่าที่เราเข้าใจหรือเปล่า

 

แต่ว่าวันนี้พอมาฟัง ก็คิดว่า ทุกอย่างน่าจะมีเหตุมีผล 

และการที่เราทำดีได้ดี ก็น่าจะเป็นโลจิค (หมายเหตุ: ตรรกะ, เหตุผล) ที่น่าจะเข้าใจได้มากกว่าใช่ไหมคะ

 

ดังตฤณ : ใช่ครับ

 

ผู้ถาม : ในวันนี้ ก็ขอขอบคุณมากๆ นะคะ

 

ตั้งแต่เหตุผลที่เชื่อในเรื่องของกรรมนี่ 

เป็นเพราะว่า หนังสือ 'เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน'

ซึ่งเป็นหนังสือที่ซื้อมาแจกคนอื่นบ่อยมาก

 

แล้วก็ 'เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว

เป็นหนังสือที่แจกแจงรายละเอียด เป็นเหมือนฟังก์ชันของกรรมชนิดต่างๆ ว่า ทำอะไรได้อะไร อย่างนี้

 

ขอแนะนำเพื่อนๆ ในห้องนี้ด้วยนะคะ

ถ้าใครที่ยังไม่มีโอกาสได้อ่านนะคะ ลองไปซื้อติดไว้สักเล่มหนึ่ง

แล้วจะบอกว่า การซื้อหนังสือ 1 เล่ม นี่ คือ มีประโยชน์แบบ Infinity เลย

พอเราอ่านแล้วนี่ เราสามารถที่จะพูดขยายใจความของหนังสือเล่มนั้นไปให้คนอื่นได้ด้วย

 

ที่สำคัญ คือ อ่านจบแล้ว เราสามารถที่จะส่งต่อไปได้เป็นทอดๆ แล้วก็ได้บุญไปเรื่อยๆ

เพราะว่า มั่นใจว่าหนังสือที่อ่านนี่ ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วนะคะ

 

วันนี้ขอบคุณพี่่ตุลย์มากๆ ค่ะ

 

ดังตฤณ : ขอบคุณมากๆ ครับ อนุโมทนาครับ

_________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน มุมมองที่เปลี่ยนไป

วันที่ 13 มีนาคม 2564

ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=N3ahX6HkiM4

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น