ผู้ร่วมรายการ
: เริ่มต้นที่รู้จักธรรมะยังไง
ก็คือตัวเองเป็นพุทธ แต่รู้สึกว่าไม่ได้ชอบพระมาตั้งแต่เด็กๆ
รู้สึกว่าพระเป็นบุคคลที่เหมือนเอาเปรียบเรา อันนั้นคือเมื่อก่อนที่ไม่รู้นะคะ
พอโตขึ้นมาไปปฏิบัติธรรมแล้วเริ่มต้นจากความสุข คือไปก็ไปอย่างนั้นแค่อยากจะรู้ว่าธรรมะของพระพุทธองค์คืออะไรกันแน่
พอเข้าไปก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขตอนที่เข้าไป แต่ยิ่งปฏิบัติไปยิ่งปฏิบัติไปรู้สึกว่ายิ่งทำยิ่งทุกข์
ได้ปฏิบัติธรรมของคุณแม่ด็อกเตอร์สิริ
ก็คือว่า ๗ คืน ๘ วันเนี่ย ปฏิบัติมา ๖๐ กว่าครั้ง ในแต่ละครั้งก็จะจดเหมือนเราฟังธรรมะยังไม่เข้าใจ
ฟังครั้งที่ ๑ ก็ไม่เข้าใจ พอฟังครั้งที่ ๒ ๓ ๔ รู้สึกว่าเป็นคนโง่มาก
ดังตฤณ : ที่ผ่านมามีประสบการณ์ยังไงที่เกิดความรู้สึกถึงกายถึงใจขึ้นมาบ้างครับ
ผู้ร่วมรายการ
: คือรู้สึกว่าความทรมานจากการเห็น
เหมือนเราไม่หลับนอน เราหลับตาแต่ว่าตามันไม่หลับ มันเห็นเส้นเลือดฝอย
แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะดูมัน แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน ทุกวัน
ซึ่งตัวเราไม่ได้มีความสนิทกับครูบาอาจารย์
แค่เพียงว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมพื้นฐานเท่านั้นเอง
อยากจะถามว่า
ประสบการณ์ทางธรรมในสิ่งที่เจอมันเป็นความทุกข์เหลือเกิน
ตัวเองรู้สึกว่าทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมมันยิ่งทุกข์ ทุกข์กับการเรียนรู้
แล้วมันก็รู้สึกว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ความเบาบางก็คือว่า
เวลาที่ได้อ่านหนังสือคุณดังตฤณ แล้วก็ติดตามจากข้อความที่อ่านที่โพสต์ลง รู้สึกว่าสิ่งนั้นมันทำให้เราบรรเทาเบาคลายได้
แต่แล้วก็เกิดความหวาดกลัวในการไม่อยากปฏิบัติธรรมต่อ เพราะรู้สึกว่าเราไม่รู้สิ่งที่เห็น
มันกลายเป็นความหงุดหงิดว่ามันจะเห็นทำไม มันจะรู้ไปเพื่ออะไร ค่ะ
ดังตฤณ : โอเค คำถามคือว่า เราจะหาจุดที่มันเป็นสวิตซ์สปอท
(switch
spot)ได้ยังไง ยิ่งศึกษาไปแล้วยิ่งมีความสุขมากขึ้น
เอาตรงนี้ก่อนนะครับ โจทย์คือตรงนี้ถูกมั้ยครับ
ผู้ร่วมรายการ
: ยิ่งศึกษาไปยิ่งทุกข์มากขึ้น
หมายถึงมันเห็นแต่ความทุกข์ที่มันต่อเนื่อง
ดังตฤณ : โอเค ผมขอตอบตรงนี้ก่อนเลยนะครับ
อันดับแรกถ้าหากเรามองอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส
ผมอยากจะชี้ไปที่สุดทางก่อนเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงนิพพานว่าเป็นอะไร
ท่านตรัสว่าเป็นบรมสุข
คนทั่วไปไม่สามารถเห็นได้หรอกว่านิพพานหน้าตาเป็นยังไง
ธรรมชาติที่เรียกว่าความดับทุกข์มีอยู่นั้น ความดับสนิทแห่งทุกข์ ความไม่ปรุงแต่งเป็นอสังขตะ
หน้าตาเป็นยังไง คนทั่วไปเห็นไม่ได้ เพราะว่าเรามองออกมาจากมุมที่เป็นอสังขตะ คือมีความปรุงแต่งอยู่
มีความเป็นกายนี้ มีความเป็นใจแบบนี้
เราไม่สามารถเห็นบรมสุขที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ที่ปลายทางแน่นอน
แต่พระพุทธเจ้าให้คิดถึงนิพพานโดยความเป็นบรมสุข
นี่คือสำนวนพระพุทธองค์นะครับ ท่านบอกว่า ถ้านึกไม่ออกว่านิพพานเป็นอย่างไร
ให้นึกถึงโดยความเป็นบรมสุข
ทีนี้ระหว่างทางมันจะต้องรู้สึกยังไงถึงจะถูกทาง
แน่นอนว่าถ้าเรารู้สึกว่าปฏิบัติไปแล้ว ทางหนึ่งคือยิ่งยึดติดถือมั่นในกายมากขึ้นในใจมากขึ้น
อันนั้นมันก็ไม่ใช่ทางที่จะหลุดพ้น
ทีนี้ในทางกลับกัน
ถ้ายิ่งปฏิบัติไป มันยิ่งไม่รู้สึกถึงบรมสุขของนิพพาน
บางทีเราอาจจะต้องถามตัวเองนะว่า มาถูกทิศถูกทางหรือเปล่า?
ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติในรูปแบบไหน
ไม่ใช้ว่ารูปแบบไหนผิดหรือถูกนะครับ แต่เราถามตัวเองว่าทิศทางที่เราปฏิบัติมาเนี่ย
มันให้ความรู้สึกเบาขึ้น หรือว่านับวันมันยิ่งหนัก ตรงนี้พอมีโจทย์แบบนี้ เราจะได้คลำหาทิศทางกันได้ถูกต้องมากขึ้น
คือนิพพานเป็นบรมสุข
แต่ทางไปนิพพานมันควรจะเป็นทุกข์มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นหรือเปล่า
มันจะมีโจทย์แบบนี้นะครับ
ทีนี้ถ้าเรามาพิจารณาว่า
จิตแบบพุทธที่เป็นจิตแบบพร้อมจะหลุดพ้นเนี่ย ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นะครับว่า
เป็นจิตที่พร้อมจะบรรลุธรรม มันมีอยู่ข้อหนึ่ง
จิตที่พร้อมจะบรรลุธรรมวัดกันด้วยโพชฌงค์มีองค์ทั้งหมด ๗ ประการ
ประการแรกมีสติ
ประการที่สองมีการพิจารณาธรรม
แล้วประการต่อๆมาที่บ่งชี้ว่าเป็นจิตที่ถูกต้อง
เป็นจิตที่พร้อมจะบรรลุธรรมที่พร้อมจะไปถึงนิพพานอันเป็นบรมสุขคือ จิตที่เบา
จิตที่มีความสงบไม่กวัดแกว่ง จิตที่เป็นสมาธิ จิตที่มีความสุข
จริงๆแล้วมันเป็นองค์ประกอบ จิตที่เป็นอุเบกขา จิตที่มีความสุขนะครับ
ถ้าหากว่าเรามาเทียบ
ไม่ว่าเราจะทำมาตามแนวทางไหนแล้วพบว่าจิตมันยิ่งหนัก ยิ่งหนัก ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆเนี่ย
แสดงว่ามันไม่เป็นไปเพื่อองค์แห่งการตรัสรู้ ไม่พร้อมที่จะบรรลุธรรม
พอเรามองอย่างนี้ปุ๊บ ไม่ต้องไปโทษเรื่องว่าครูบาอาจารย์สอนมายังไง แต่ดูที่ใจของเรานะครับ
ด้วยความตั้งใจ หรือด้วยความคาดหวัง
หรือด้วยในเหตุปัจจัยในการปฏิบัติแต่ละครั้งเป็นอย่างไร
มันถึงได้มาถึงซึ่งใจที่หนักขึ้น หรือว่ามีความทุกข์มากขึ้น
จริงๆที่บอกว่าเห็นกายใจโดยความเป็นทุกข์ไม่เที่ยง
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเนี่ย ใจมันต้องเบานะ เพราะมันไม่ยึด ใจมันจะหนักได้มีอยู่อาการเดียวคืออาการยึด
คืออาการกำ คืออาการเกร็ง แต่ถ้าใจที่มันเลิกยึดกายเลิกยึดจิต มันต้องมีอาการแบ หรืออย่างน้อยใกล้เคียงที่จะแบ
อันนี้ผมอยากให้มองไว้เป็นแนวทางนะครับ
-----------------------------------------------------------
๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
Clubhouse
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
คำถาม : ยิ่งปฏิบัติธรรมยิ่งรู้สึกทุกข์มากขึ้น รู้สึกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนหงุดหงิดอยากเลิกปฏิบัติธรรม ควรทำอย่างไรให้มีความสุขจากการปฏิบัติธรรม?
ระยะเวลาคลิป ๙.๐๒ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=G8g5kbbC5EM&list=PLmDLNhxScsWO7ZAuqr-FC25dor6ETZhM-&index=31&t=10s
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น