วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564

พิจารณาว่าทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ถูกไหม

ดังตฤณ : จริงๆ คำถามนี้ ถ้าได้คุยกัน น่าจะดีกว่าแค่อ่านแล้วก็ตอบนะครับ

 

พอไปถึงจุดที่รู้สึกว่าเป็นพยับแดด นี่ เราต้องดูก่อนนะว่า ก่อนที่จะมาถึงจุดนั้น เราเห็นอะไรจริงๆ นะครับ

 

อย่างที่บอกว่า รู้สึกว่าเป็นพยับแดด ก็อาจจะเห็น ตัวความเป็นอิริยาบถปัจจุบัน ที่ตั้งอยู่นั้น เหมือนกับหุ่นที่ตั้งขึ้นหลอกๆ 

หรือว่า เราเห็นรูปความคิด ที่กำลังปรากฏในหัวนะครับ 

ปรากฏขึ้นมา แล้วก็หายไป ราวกับว่าเป็นของหลอก เป็นมายากล

 

ถ้าหากว่า เรามองเห็นไปถึงจุดที่ เห็นความคิดในหัว เหมือนกับพยับแดดได้ เกิดขึ้น แล้วหาย เกิดขึ้น แล้วหาย เหลือแต่จิตที่รู้

ตัวนี้นี่นะ ไม่ต้องไปพิจารณาอะไรนะครับ

ให้รู้อยู่อย่างนั้นแหละว่า ความคิดผ่านเข้ามา แล้วหายไป

 

ตอนแรก มาเหมือนกับ ทำให้รู้สึกมีตัวตน

แต่พอรู้ผ่านไป นะครับ

ความรู้ที่ตั้งอยู่นี่ เห็นความคิดผ่านไป

ก็จะเหมือนกับอะไรที่ เกิดขึ้นมาลวงตา แล้วก็หายไปนะครับ

 

โดยที่ ใจ นี่ ไม่ถูกลวง ไม่ถูกหลอก

ใจ ยังเป็นผู้ตื่น ผู้รู้ความจริงอยู่ว่า เกิดขึ้น แล้วก็หายไป

 

ถ้าอย่างนี้นี่นะ .. ถ้ากรณีนี้ .. อยู่กับ 'รู้' ต่อ ไม่ต้องพิจารณา

เพราะถ้าพิจารณาว่า มันเกิดจากเหตุปัจจัยอะไร ก็จะกลับเข้าโหมดความคิด

 

แต่ถ้าหากว่า คำถามของคุณ เกิดขึ้นมาจากจิต ที่กำลังคิดๆ นึกๆ อยู่อย่างนี้ นะครับ

ไม่ได้ตั้งรู้ เห็นแบบ timeline นะ ว่า นี่จุดเกิดขึ้น นี่จุดกำลังตั้ง นี่จุดดับไป แล้วจิตรู้อยู่ ถ้าไม่ใช่ภาวะแบบนี้ เป็นภาวะคิดๆ นึกๆ ธรรมดา นะครับ

 

รู้ว่า ความคิดเกิดขึ้น เราก็คิดไปว่า ความคิดตอนนี้นี่มันหายไป ราวกับเป็นพยับแดด เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส นะครับ

 

แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อ?

 

ถ้าอยู่ในภาวะอย่างนี้นะครับ คิดๆ นึกๆ อยู่ ก็พิจารณาแบบที่คุณว่าได้

คือ เห็นว่ามันล้วนแต่เกิดจากเหตุ นะครับ

 

อย่างเช่นว่า ความคิดที่ผ่านแวบเข้ามาในขณะนี้ 

มีสาเหตุมาจาก การที่มีใครคนหนึ่ง 

หรือมีเหตุการณ์อะไรอย่างหนึ่ง เข้ามากระทบใจเรา

 

แล้วเราจำได้ 

แล้วมันผุดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ราวกับเหตุการณ์นั้นปรากฏขึ้นอีก

อย่างนี้นะครับ เรียกว่า เป็นการพิจารณาโดยแยบคาย

เรียกว่า เป็นโยนิโสมนสิการ นะครับ

 

สรุปคำตอบนะครับ ขอแยกเป็นสองกรณี

 

ถ้าหากว่า กรณีอาการรู้รู้พยับแดดนั้น เกิดขึ้นด้วยจิตที่ตั้งมั่น 

แล้วก็เห็นภาวะนั้นจริงๆ นะครับ ผ่านมา แล้วผ่านไป 

เหลือแต่จิตที่ว่าง เบา เงียบ ไม่มีความคิด ไม่มีความฟุ้งซ่าน

 

อย่างนั้น ให้อยู่กับรู้ต่อ 

ดูไปว่า จะมีอะไร มาให้รู้อีก 

อยู่กับรู้นั้นไปเลย

 

จะไม่มีทางว่างไปชั่วกัปชั่วกัลป์หรอก

ว่างไปได้อย่างมาก 10 นาที 20 นาที ตามกำลังสมาธิ

แล้วเดี๋ยวก็มีภาวะอย่างอื่น ลอยเข้ามากระทบจิตอีก

 

แต่ถ้าหากว่า จิตอยู่ในภาวะคิดๆ นึกๆ 

แล้วมีการเห็นเป็นพยับแดดแบบนี้ขึ้นมา

ก็ให้ดูไป คิดพิจารณาไป โดยอาศัยโยนิโสมนสิการ 

ตามที่หลักที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้แล้ว

________________

 

คำถามเต็ม : ปฏิบัติธรรม แล้วเห็นว่า รูปและนาม ล้วนเหมือนพยับแดด ที่เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่มีตัวตน

ผมควรจะพิจารณาว่า ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่


รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน สวดมนต์ลดความฟุ้งซ่าน คลับเฮ้าส์

วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๔

ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

ชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=JcR390AN_sc

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น