เมื่อคุยกับต่างคน ผมก็ได้รับคำถามที่ต่างไป
อย่างเช่นถ้าคุยกับนักเขียนด้วยกัน คำถามที่ได้รับมักจะออกทำนอง 'เขียนธรรมะอย่างไรให้น่าสนใจ'
คำตอบที่ฟังง่ายแต่อาจทำได้ยากในช่วงเริ่มฝึก มีดังนี้
๑) เขียนในสิ่งที่คนอยากรู้
อย่าลืมว่าประเด็นของโจทย์คือ 'เขียนอย่างไรให้น่าสนใจ' ฉะนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับคะแนนความน่าสนใจของเนื้อหาเป็นอันดับต้นๆ
ความน่าสนใจนั่นแหละบันไดขั้นแรกสำหรับมือใหม่
ถ้าคุณรู้อะไรแล้วอยากพูดหมดแบบไม่เลือกเลย คนอาจจะแค่รับรู้ว่าคุณรู้อะไรบางอย่าง
'มากกว่า' เขา แต่ไม่ใช่รู้ 'ดีกว่า' เขา
เพราะอย่างน้อยคุณก็แยกไม่ออกว่าทั้งหมดที่คุณรู้นั้น
มีอะไรบ้างที่เป็นส่วนสำคัญน่าเก็บไว้ มีอะไรบ้างเป็นส่วนเกินน่าทิ้งไป
สิ่งที่คนอยากรู้และควรเก็บไว้ในความจำ จะปรากฏในรูปของคำถามซึ่งคุณได้ยินบ่อย
คนเราเต็มไปด้วยความสงสัย
ถ้าคำถามข้อไหนคนส่วนใหญ่สงสัยใคร่รู้กันมากก็นั่นแหละครับ สิ่งที่คนสนใจ
๒) เขียนถึงสิ่งที่คนทำได้จริง
นักเขียนมีหลายแบบ ทั้งแบบที่เป็นเสือกระดาษ และทั้งแบบที่เป็นเสือสนาม
ระยะสั้นคุณอาจแยกไม่ออกว่าใครเป็นเสือแบบไหน แต่ในระยะยาวคุณจะพบความต่างหลายแง่หลายมุม
และแง่มุมที่สำคัญสูงสุดเห็นจะเป็นเรื่องการปฏิบัติตามได้จริง
ต่อให้คุณเขียนสวยหรู สำนวนโวหารเลิศลอยปานเทพลิขิต
ก็คงได้แต่ช่วยให้คนอ่านเกิดจินตนาการเคลิบเคลิ้ม เอาไปทำจริงไม่ได้สักข้อเดียว
อย่างดีในที่สุดธรรมะของคุณก็จะเป็นธรรมะขึ้นหิ้ง
ไม่ใช่ธรรมะเพื่อการดับทุกข์ตามแบบฉบับดั้งเดิมของพระพุทธเจ้า
ทั้งนี้ทั้งนั้น เสือใหญ่ในภาคสนามจริงบางรายเขียนไม่เก่ง แม้รู้มาก
ประสบการณ์มาก ทำจริงได้มากกว่าใคร
ถ้าเขียนไม่เป็นหรือขี้เกียจเขียนเสียอย่างเดียว
ก็อาจดูด้อยกว่าพวกเสือกระดาษเก่งๆมาก ตรงนี้ขอตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยนะครับ
การห่อหุ้มเรื่องยากไว้ด้วยเรื่องสนุกอ่านง่ายนั้น
เป็นงานศิลป์ที่นักเขียนทุกคนควรฝึก ห้ามมีข้ออ้างเกี่ยงงอนใดๆทั้งสิ้น
อย่ามาบอกแบบหยิ่งๆว่าฉันนี่แหละตัวจริงของจริง
ถ้าเขียนแล้วไม่เชื่อหรือไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ เชิญแห่ไปหาของปลอมกันเอาเอง
เพราะคิดแบบนี้พูดแบบนี้ คนร่วมสมัยจึงหาของจริงที่อ่านง่ายได้น้อย
แต่จะเจอของจริงอ่านยากหรือของปลอมอ่านง่ายกันแทน
หลังจากเขียนเรื่องใดเสร็จ
ขอให้อ่านดูแล้วถามตัวเองง่ายๆว่าถ้าคุณเป็นคนอื่นคุณจะเสียเวลาทนอ่านไหม? หากตอบว่าแน่นอนฉันจะอ่าน ก็ให้ถามตัวเองต่อไปว่าสิ่งที่เขียนน่าสนใจ
เข้าขั้นทำให้ตาโตตั้งแต่บรรทัดแรก แล้ววางไม่ลงจนบรรทัดสุดท้าย
หรือแค่น่าสนใจระดับอ่านก็ได้ไม่อ่านก็ดี
ผมเป็นคนมีความไม่พอใจในงานเขียนของตัวเองสูงมาก
ตั้งแต่เริ่มๆหัดเขียนมาจนกระทั่งบัดนี้ทีเดียว ทางหนึ่งที่เป็นเครื่องฝึกหัดขัดเกลาก็คือคิดคำให้สั้นเพื่อได้ความสำคัญกระทบใจ
หรืออย่างน้อยต้องให้รู้สึกว่าตัวเองได้หยุดชะงักคิดบ้าง
สอนตัวเองให้ดีขึ้นได้บ้าง ตัวอย่างคือสิ่งที่คุณเห็นท้ายเล่มนี้
เป็นวาทะคิดใหม่เพื่อรวมให้อ่านโดยเฉพาะ ไม่ได้ลงไว้ในนวนิยายหรืองานเขียนอื่นที่ไหนเหมือนอย่างเล่ม
'วาทะดังตฤณ' ครับ
ดังตฤณ
สิงหาคม ๒๕๕๐
อ่านบทความท้ายเล่ม http://dungtrinanswer.blogspot.com/2017/05/triamsabieng1145.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น