ถาม : ได้ยินว่าพุทธศาสนากำลังจะสิ้นสูญไปจากประเทศไทย
ด้วยการรุมเร้าของปัญหาต่างๆอยากทราบว่านี่จะเป็นเรื่องจริงในเร็วๆนี้ไหม?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
โลกนี้มีทั้งแง่ดีและแง่ร้ายให้มองครับมองแง่ดี ดูเหมือนอะไรๆจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามองแง่ร้ายก็ดูเหมือนอะไรๆจะร้ายขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ไม่เฉพาะพุทธศาสนาหรอกแต่เหมารวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทั้งหมดเลยทีเดียว
ลักษณะการนำเสนอเรื่องภัยพระพุทธศาสนามีอยู่๓
แบบ
๑) ชี้ให้เห็นจุดบอด
ฉายให้เห็นทางออกที่น่าสมหวังมีพลังใจ
๒) เตือนให้ระวัง
กระตุ้นให้สำนึกคิดรักษา ไม่ดูดายงอมืองอเท้า
๓)พูดให้หมดหวัง
รู้สึกห่อเหี่ยวมองไม่เห็นทางออกเอาเลย
ทั้งสามแบบเป็นสิ่งที่ถูกกระทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มยุคสิ้นพระพุทธองค์มีเงื่อนไขปัจจัยทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นเป็นองค์ประกอบคนมองแง่ดีจะเจอแต่สาธุชนที่เบิกบานและเข้าใจศาสนาเพิ่มขึ้นคนมองแง่ร้ายจะเห็นแต่การเมืองเบื้องหลังเบื้องลึกที่น่าหวาดวิตก
ผมเคยมองทั้งแง่ดีและแง่ร้ายถึงวันนี้ได้ข้อสรุปว่ามองในแง่ดีพยายามทำในส่วนดีๆที่ทำได้แล้วจะให้ผลคือเป็นสุขดีครับบางทีการมัวกังวลกับภาพใหญ่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะหลายครั้งภาพใหญ่เป็นแค่สิ่งลวงตาในระยะไกลภาพเล็กใกล้ตัวต่างหากที่เป็นของจริง
แก้ไขได้จริงและขยายกว้างออกไปได้จริง
ตราบใดยังมีคนห่วงพุทธศาสนาแบบคุณแบบผมพุทธศาสนาก็ไม่สูญไปจากไทยด้วยวิธีการใดๆหรอกครับสำคัญคือพวกเราแปรความห่วงใยให้เป็นการลงมือกระทำในรูปแบบใดเท่านั้น
พุทธศาสนาไม่ใช่แก้วบางที่ต้องการการคุ้มครองนะครับหากเห็นเป็นสมบัติที่ต้องรักษาร่วมกัน
ก็ต้องเห็นความจริงนี้ด้วยความเข้าใจคือเข้าใจว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่มีอานุภาพในตัวเองเหมือนคบเพลิงที่ต้องการให้คนอาศัยประโยชน์ในความมืด
เมื่อใครถืออยู่ในมือได้แล้วก็ควรนำไปต่อไฟเพื่อเพิ่มแสงให้กับมัดเชื้อของเพื่อนพ้องความสว่างทั่วนั่นแหละจะเป็นตัวยืดอายุพระศาสนาที่แท้
แม้ไฟในมือของใครมอดดับก็ยังมีของคนอื่นอีกมากพร้อมจะมาช่วยกันประคองแสงกันต่อไป
ถ้าพุทธเป็นศาสนาประจำชาติได้ก็ดีแต่จะมีประโยชน์อยู่หรือหากไทยเราได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธที่ไม่มีใครรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรฉะนั้นอย่ากลัวว่าชื่อของพระศาสนาจะหายไปไหนแต่หันมากลัวว่าความรู้ทางศาสนาจะเข้าไม่ถึงใจมือใหม่กันดีกว่าครับรับรองว่าถ้าทำได้ก็จะเป็นการรักษาศาสนาอย่างถูกทางแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น