ถาม : อยากทราบว่าในทางธรรม
การไปเที่ยวผู้หญิงได้ชื่อว่าทำกรรมแบบใดกันแน่
ระหว่างช่วยหญิงด้อยโอกาสให้มีรายได้
กับซ้ำเติมผู้ด้อยโอกาสให้อยู่ในวงจรอุบาทว์เต็มตัว?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๒
ดังตฤณ:
คำตอบโดยย่นย่อคือ ‘ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง’ ครับ!
ก่อนอื่นต้องย้ำความเข้าใจว่าถ้าพูดกันเรื่อง
‘กรรมวิบาก’ แล้ว เราจะเน้นที่เจตนาเป็นหลักนะครับ ใจเล็งอย่างไร กรรมก็อย่างนั้น
การ คุยกันเรื่องกรรมวิบากนี้ ทางที่ดีให้ตัดเรื่องถูกเรื่องผิดออกไปก่อน
เพราะความผิดความถูกผูกอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน และอาจไม่เกี่ยวกับความจริงทางจิตหรือกรรมวิบากเอาเลย
อย่างเช่น ในสายตาของนักสังคมสงเคราะห์
การเที่ยวผู้หญิงเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เกิดวงจรค้ากาม
หรือร้ายกว่านั้นคือกลายเป็นอุตสาหกรรมค้ามนุษย์
ซึ่งทุจริตชนอาจใช้เล่ห์กลทุกวิถีทาง หลอกล่อหรือกระทั่งฉุดคร่าสาวน้อยหน้าสวยๆมาขายตัว
ถ้าไม่มีความเต็มใจจ่ายจากเพศชายจำนวนมาก ใครเลยจะคิดเป็นพ่อค้าขายหญิงขึ้นมาได้?
แต่นักสังคมสงเคราะห์อีกฝ่ายก็ตั้งคำถามว่าถ้า
ไม่ให้ขายตัวแล้วจะเอาอะไรกินกันตาย? ผู้หญิงมากมายแบกภาระครอบครัว
แม่ป่วย พ่อเมา น้องเรียน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จชีวิตคนยาก
เมื่อเกิดเป็นลูกหญิงก็ต้องเอาตัวเข้าแลกตามมีตามเกิด
บางท้องถิ่นแทบถือเป็นประเพณีขายตัวตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยซ้ำ
ฉะนั้นการไปเที่ยวผู้หญิงก็น่าจะหมายถึงการช่วยผู้ด้อยโอกาสให้มีรายได้เจือ
จุนครอบครัวในทางอ้อม
มุมมองของนักสังคมสงเคราะห์ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูกต้อง
พอๆกับที่ผิดพลาดได้ ขอเพียงมองต่างมุม
ถูกกับผิดดิ้นได้ตามเหตุผลของแต่ละมุมเสมอ
คราวนี้มาดู ‘ความจริงทางใจ’
ของชายเกือบร้อยทั้งร้อย เรื่อง เริ่มต้นขึ้นจากความอยากได้ร่างหญิงมาบำบัดตัณหาชั่วคราว
ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเยี่ยงแมงดา แล้วก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะช่วยเหลือเกื้อกูลเยี่ยงนักบุญแต่ประการใด
มันเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยน
ฝ่ายหนึ่งได้มา ฝ่ายหนึ่งเสียไป ธรรมชาติกำหนดมาอย่างนั้น ผู้ได้ต้องจ่าย
ผู้เสียสมควรรับค่าตอบแทน
ไม่มีผู้ชายคนไหนตั้งต้นออกจากบ้านไปเสพนารีด้วยจุดประสงค์จะอุปถัมภ์หรือ ย่ำยีใคร
แต่อะไรที่ทำบ่อยนะครับ
ในที่สุดเจตนาก็อาจแปรไป
คนเราพอเที่ยวผู้หญิงแทบทุกคืนก็ต้องเริ่มรู้จักคนคอเดียวกัน
เริ่มรู้จักพนักงานเชียร์แขก หรือถ้าป๋าหน่อยก็อาจได้ร่วมโต๊ะเหล้ากับเจ้าของกิจการในฐานะแขกผู้มีเกียรติ
จากนั้นอะไรๆก็เป็นไปได้ นับแต่คุยถึงผู้หญิงด้วยสายตาเล็งว่าผู้หญิงเป็นสินค้า
พอจิตใจไปถึงตรงนั้นก็คุยเรื่องธุรกิจค้ากามด้วยความรู้สึกปกติ
พอปกติมากเข้าก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกที่จะกระโจนเข้าร่วมขบวนการค้ากาม
นี่แหละเรียกว่าเที่ยวผู้หญิงจนกลายเป็นแมงดาโดยไม่รู้ตัว
ในทางตรงข้าม หากคุณขี้สงสารมนุษย์
หากไปใช้บริการบ่อยๆ เจอตัวเลือกกลุ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ก็เป็นไปได้ที่กรรมจะเหวี่ยงไปเจอสาวน่าสงสารยิ้มหวานเอาใจเก่ง
หากเคยมีกรรมสัมพันธ์ร่วมกันมา
คุณก็อาจเกิดความอยากช่วยเหลือส่งเสียเธอโดยไม่ได้หวังผลทางเพศอีกต่อไป
นี่ก็คงต้องเรียกว่าเที่ยวผู้หญิงจนกลายเป็นนักบุญโดยไม่เจตนา
สรุปว่าเรื่องกรรมนั้น
ไม่ผูกอยู่กับภาพลักษณ์หรือความเชื่อที่ตายตัวของใครครับ
เป็นเรื่องดิ้นได้เรื่อยๆตามเจตนา ตามพื้นหน้าพื้นหลังของแต่ละคน
** IG **
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น