ถาม : ถ้าผมรักกับผู้หญิงทางอินเตอร์เน็ต
เธออยู่ต่างประเทศ ไม่เคยพบตัวจริง เห็นเพียงรูปและวิดีโอ
แต่ก็ตกลงร่วมกันว่าเป็นสามีภรรยา คือต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าเป็นของกันและกันแล้ว
และสัญญาว่าจะไม่นอกใจ ตั้งใจแต่งงานกันจริงๆเมื่อเธอกลับมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
กับทั้งประกาศกับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่สนิทให้รู้กันแล้ว
อย่างนี้ถือว่าผมกับเธอเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วหรือยัง? หากเธอไปมีอะไรกับชายอื่น
โดยที่ชายคนนั้นรับรู้ว่าเธอแต่งงานด้วยวาจาแล้ว
จะนับว่าชายคนนั้นผิดศีลขอกาเมสุมิจฉาจารหรือไม่ครับ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
เรื่องตกลงกันทางวาจาว่าเป็นสามีภรรยากันทั้งที่ไม่เคยเจอหน้านั้น
มีมานานแล้วครับ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นคงน้อยมาก
ส่วนใหญ่เป็นแบบอารมณ์วาบหวามรุนแรงพาไป
ไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานของการมีโอกาสใกล้ชิดกันตามจริง คู่รักทางเน็ตเยอะแยะไป
ที่ปักใจเชื่อแน่วแน่ว่าเป็นคู่แท้ เป็นสุขซาบซ่านเมื่อพูดคุยกัน
ใกล้ชิดกันผ่านกิจกรรมทางเน็ตแล้วรู้สึกแนบแน่นเป็นจริงเป็นจังเสียยิ่งกว่า
นั่งตักคนตัวเป็นๆ
ถ้าว่ากันตามวิถีโลกแล้ว
การแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ มักไม่ได้เกิดขึ้นจากการตกลงร่วมกันเฉพาะชายหญิงตามลำพัง
ถ้ายังมีญาติผู้ใหญ่อยู่ ก็ต้องพาไปให้ดูตัว มีมิตรสหายร่วมรับรู้
มีกฎหมายรองรับการเป็นสามีภรรยา มิฉะนั้นให้ถือว่าเป็น ‘แฟน’
ซึ่งปัจจุบันคำว่าแฟนก็อาจหมายถึงคนที่ทดลองอยู่ด้วยกันแบบพร้อมจะแยกทาง
ไม่มีข้อผูกมัดชัดเจน
แค่เริ่มตกลงเป็น
‘แฟน’ คือคบหาเป็นคนรักกันเฉยๆ ก็เท่ากับยินยอมเสียอิสรภาพส่วนตนให้แฟนแล้ว เช่น
ตรวจสอบชีวิตประจำวันได้ เป็นที่คาดหมายว่าจะต้องซื่อสัตย์ ไม่ไปคบใครเปรอะ
เป็นต้น ปัญหาที่มักสงสัยกันก็คือระดับการคบหาใกล้ชิดแค่ไหน จึงเรียกว่า
‘หมดสิทธิ์’ ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ถ้าขืนทำเป็นอันว่าต้องโทษกรรมคือกาเมสุมิจฉาจาร
ในสมัยหรือในท้องถิ่นที่บุรุษมีสิทธิ์เหนือสตรี
เช่น สังคมทั่วไปอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้หลายคน
เรื่องของศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารจะไปเน้นกันที่ฝ่ายหญิง กล่าวคือหากมีกา
จองตัวกันแม้ด้วยพวงมาลัยคล้องคอ ก็ให้ถือว่าเป็นการหมั้นหมาย
เรือนร่างของหญิงนั้นเป็นของต้องห้ามไปแล้ว
ไม่ว่าตัวหญิงเองทอดสะพานหรือชายอื่นมาร่วมอภิรมย์ทั้งรู้ว่าเป็นของต้องห้าม
ก็ถือว่าทำบาปด้วยการก่อเรื่องบาดใจ คือละเมิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารทันที
แต่ในยุคสมัยหรือในท้องถิ่น
ที่ชายหญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน กายของคู่ครองนับเป็นวัตถุต้องห้ามทั้งสิ้น เมื่อ
ตกลงปลงใจเป็นของกันแล้ว และประกาศให้ผู้อื่นทราบแล้ว
ไม่ใช่สิทธิ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะละเมิดข้อห้าม
ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นได้โดยพลการ
กรณีของคุณไม่ถือเอาพิธีและธรรมเนียมประเพณีเป็นตัวตั้ง
แต่อาศัยกำลังใจของทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก อาศัยกำลังใจในการทำข้อตกลงร่วมกันนั้น
ภาวะสามีภรรยาย่อมเกิดขึ้นจริง ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์ในกันและกันจริง เช่น
พอใครถามแฟนคุณว่ายังโสดหรือแต่งงานแล้ว
ความยึดมั่นในข้อตกลงร่วมกับคุณย่อมทำให้ระลึกได้ว่าตนเองไม่โสด ไม่อิสระ
มีเจ้าของแล้ว แต่งงานแล้ว หากเธอพูดว่ายังโสด ใจย่อมขัดแย้งกับตนเอง เพราะรู้ว่าไม่ตรงความจริง
เป็นเรื่องโกหก เป็นคำมุสา
ทำนองเดียวกัน
เมื่อชายใดจะขอร่วมอภิรมย์ ทางที่จะไม่รู้สึกผิดคือปฏิเสธ
และชี้แจงว่าเธอหมดสิทธิ์ทำตามใจชอบแล้ว ไม่ใช่คนโสดแล้ว
ถ้าเขายังฝืนทำก็เท่ากับผิดสองกระทง คือขืนใจและละเมิดศีลข้อ ๓ เต็มๆครับ
จะเห็นว่า
‘การตกลงกันด้วยวาจา’ นั้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือผ่านอินเตอร์เน็ต
ก็ล้วนเป็นกรรมผูกพันร่วมกัน ไม่ใช่ของเล่นที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะละเมิดตามอำเภอใจ ภพหรือภาวะทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมายึดไว้ด้วยอำนาจความ
ทะยานอยาก เช่น เมื่อสร้างภพสามีภรรยาขึ้นมาด้วยความปรารถนาครอบครองกัน
ก็ต้องมีกติกาประจำภพสามีภรรยา ใครละเมิดกติกาก็ต้องอาศัยกำลังใจฝ่ายต่ำ
ยังจิตให้มืดเป็นอกุศล เป็นการก่อบาปเวร
ส่วนใครทำตามกติกายับยั้งชั่งใจได้เมื่อมีเรื่องยั่วให้ผิด
ก็ต้องอาศัยกำลังใจฝ่ายสูง ยังจิตให้สว่างเป็นกุศล เป็นการทำบุญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น