วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตกลงเป็นผัวเมียกันทางอินเตอร์เน็ตถือว่าสมบูรณ์ทางกรรมไหม (ดังตฤณ)

ถาม : ถ้าผมรักกับผู้หญิงทางอินเตอร์เน็ต เธออยู่ต่างประเทศ ไม่เคยพบตัวจริง เห็นเพียงรูปและวิดีโอ แต่ก็ตกลงร่วมกันว่าเป็นสามีภรรยา คือต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าเป็นของกันและกันแล้ว และสัญญาว่าจะไม่นอกใจ ตั้งใจแต่งงานกันจริงๆเมื่อเธอกลับมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กับทั้งประกาศกับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่สนิทให้รู้กันแล้ว อย่างนี้ถือว่าผมกับเธอเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วหรือยัง? หากเธอไปมีอะไรกับชายอื่น โดยที่ชายคนนั้นรับรู้ว่าเธอแต่งงานด้วยวาจาแล้ว จะนับว่าชายคนนั้นผิดศีลขอกาเมสุมิจฉาจารหรือไม่ครับ

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑

ดังตฤณ: 
เรื่องตกลงกันทางวาจาว่าเป็นสามีภรรยากันทั้งที่ไม่เคยเจอหน้านั้น มีมานานแล้วครับ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นคงน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นแบบอารมณ์วาบหวามรุนแรงพาไป ไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานของการมีโอกาสใกล้ชิดกันตามจริง คู่รักทางเน็ตเยอะแยะไป ที่ปักใจเชื่อแน่วแน่ว่าเป็นคู่แท้ เป็นสุขซาบซ่านเมื่อพูดคุยกัน ใกล้ชิดกันผ่านกิจกรรมทางเน็ตแล้วรู้สึกแนบแน่นเป็นจริงเป็นจังเสียยิ่งกว่า นั่งตักคนตัวเป็นๆ

ถ้าว่ากันตามวิถีโลกแล้ว การแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ มักไม่ได้เกิดขึ้นจากการตกลงร่วมกันเฉพาะชายหญิงตามลำพัง ถ้ายังมีญาติผู้ใหญ่อยู่ ก็ต้องพาไปให้ดูตัว มีมิตรสหายร่วมรับรู้ มีกฎหมายรองรับการเป็นสามีภรรยา มิฉะนั้นให้ถือว่าเป็น ‘แฟน’ ซึ่งปัจจุบันคำว่าแฟนก็อาจหมายถึงคนที่ทดลองอยู่ด้วยกันแบบพร้อมจะแยกทาง ไม่มีข้อผูกมัดชัดเจน

แค่เริ่มตกลงเป็น ‘แฟน’ คือคบหาเป็นคนรักกันเฉยๆ ก็เท่ากับยินยอมเสียอิสรภาพส่วนตนให้แฟนแล้ว เช่น ตรวจสอบชีวิตประจำวันได้ เป็นที่คาดหมายว่าจะต้องซื่อสัตย์ ไม่ไปคบใครเปรอะ เป็นต้น ปัญหาที่มักสงสัยกันก็คือระดับการคบหาใกล้ชิดแค่ไหน จึงเรียกว่า ‘หมดสิทธิ์’ ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ถ้าขืนทำเป็นอันว่าต้องโทษกรรมคือกาเมสุมิจฉาจาร

ในสมัยหรือในท้องถิ่นที่บุรุษมีสิทธิ์เหนือสตรี เช่น สังคมทั่วไปอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้หลายคน เรื่องของศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารจะไปเน้นกันที่ฝ่ายหญิง กล่าวคือหากมีกา จองตัวกันแม้ด้วยพวงมาลัยคล้องคอ ก็ให้ถือว่าเป็นการหมั้นหมาย เรือนร่างของหญิงนั้นเป็นของต้องห้ามไปแล้ว ไม่ว่าตัวหญิงเองทอดสะพานหรือชายอื่นมาร่วมอภิรมย์ทั้งรู้ว่าเป็นของต้องห้าม ก็ถือว่าทำบาปด้วยการก่อเรื่องบาดใจ คือละเมิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารทันที

แต่ในยุคสมัยหรือในท้องถิ่น ที่ชายหญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน กายของคู่ครองนับเป็นวัตถุต้องห้ามทั้งสิ้น เมื่อ ตกลงปลงใจเป็นของกันแล้ว และประกาศให้ผู้อื่นทราบแล้ว ไม่ใช่สิทธิ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะละเมิดข้อห้าม ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นได้โดยพลการ

กรณีของคุณไม่ถือเอาพิธีและธรรมเนียมประเพณีเป็นตัวตั้ง แต่อาศัยกำลังใจของทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก อาศัยกำลังใจในการทำข้อตกลงร่วมกันนั้น ภาวะสามีภรรยาย่อมเกิดขึ้นจริง ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์ในกันและกันจริง เช่น พอใครถามแฟนคุณว่ายังโสดหรือแต่งงานแล้ว ความยึดมั่นในข้อตกลงร่วมกับคุณย่อมทำให้ระลึกได้ว่าตนเองไม่โสด ไม่อิสระ มีเจ้าของแล้ว แต่งงานแล้ว หากเธอพูดว่ายังโสด ใจย่อมขัดแย้งกับตนเอง เพราะรู้ว่าไม่ตรงความจริง เป็นเรื่องโกหก เป็นคำมุสา

ทำนองเดียวกัน เมื่อชายใดจะขอร่วมอภิรมย์ ทางที่จะไม่รู้สึกผิดคือปฏิเสธ และชี้แจงว่าเธอหมดสิทธิ์ทำตามใจชอบแล้ว ไม่ใช่คนโสดแล้ว ถ้าเขายังฝืนทำก็เท่ากับผิดสองกระทง คือขืนใจและละเมิดศีลข้อ ๓ เต็มๆครับ


จะเห็นว่า ‘การตกลงกันด้วยวาจา’ นั้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ล้วนเป็นกรรมผูกพันร่วมกัน ไม่ใช่ของเล่นที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะละเมิดตามอำเภอใจ ภพหรือภาวะทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมายึดไว้ด้วยอำนาจความ ทะยานอยาก เช่น เมื่อสร้างภพสามีภรรยาขึ้นมาด้วยความปรารถนาครอบครองกัน ก็ต้องมีกติกาประจำภพสามีภรรยา ใครละเมิดกติกาก็ต้องอาศัยกำลังใจฝ่ายต่ำ ยังจิตให้มืดเป็นอกุศล เป็นการก่อบาปเวร ส่วนใครทำตามกติกายับยั้งชั่งใจได้เมื่อมีเรื่องยั่วให้ผิด ก็ต้องอาศัยกำลังใจฝ่ายสูง ยังจิตให้สว่างเป็นกุศล เป็นการทำบุญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น