วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุดจริงหรือ (ดังตฤณ)

ถาม : คนเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้นเลยหรือ? ถ้ากฎขั้นพื้นฐานของธรรมชาติคือไม่มีอะไรเที่ยง การเวียนว่ายตายเกิดก็น่าจะต้องเสื่อมสลายไปเองด้วย แม้แต่ดวงอาทิตย์ยังดับได้ แล้วทำไมภพชาติจึงดับไม่ได้?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๒

ดังตฤณ:
 
ที่ดวงอาทิตย์ยังลุกโพลงอยู่ก็เพราะมีเชื้อของไฟ อันได้แก่ไฮโดรเจน พออยู่ไปๆไฮโดรเจนหมดลง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ก็พลอยยุติ แล้วคลี่คลายไปเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ซูเปอร์โนวา’ ซึ่งคุณคงทราบว่าซูเปอร์โนวาไม่ใช่แค่ ‘การดับไปเฉยๆ’ ของดวงอาทิตย์ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนและอึกทึกครึกโครมกว่าการหายไปของเปลวไฟธรรมดา อีกทั้งหลังจากนั้นมันก็แปรไปเป็นหลุมดำ มิใช่ ‘สาบสูญ’ ไม่เหลืออะไร

หากมองความจริง ไม่ว่าจะเลือกมองที่ตรงไหน คุณจะพบความเหมือนกันอันเป็นสากล นั่นคือแต่ละสิ่งแปรจากความเป็นอย่างหนึ่ง ไปสู่ความเป็นอีกอย่างหนึ่งเสมอ

การเวียนว่ายตายเกิดก็เช่นกัน แสดงความไม่เที่ยงในรูปของการเปลี่ยนจากชาติของความเป็นอย่างหนึ่ง ไปสู่ชาติของความเป็นอีกอย่างหนึ่งตามกรรม

หากกำหนดสติเฝ้ามองกายใจของคุณเองตามหลักที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ คุณจะถึงความจริงอันเป็นที่สุด คือการเวียนว่ายตายเกิดหรือสังสารวัฏนี้ มีอยู่ได้ด้วยเหตุ

เหตุที่ว่าเริ่มจากความไม่รู้ ตราบใดยังไม่รู้วิธียุติการเดินทาง ตราบนั้นพวกเราจะมีความเมาบุญเมาบาป ก่อบาปก่อบุญด้วยความไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรเป็นผลลัพธ์ข้างหน้า เมื่อมีบุญมีบาป สัตว์ตายจากชาติหนึ่งย่อมอาศัยบุญอาศัยบาปไปเข้าครรภ์มารดา หรือเข้าท้องสัตว์ หรือถือกำเนิดแบบผุดเต็มตัวทันทีในแดนนรก แดนเปรต แดนเทพ แดนพรหม จากนั้นก็เสวยสุขเสวยทุกข์ อยากสุขและหน่ายทุกข์ แล้วก่อบุญก่อบาปเพื่อให้ได้สุขและหนีทุกข์เป็นคราวๆ นำไปสู่ภพใหม่ภูมิใหม่อีก กลายเป็นสายโซ่แห่งการเวียนเกิดเวียนตายไปเรื่อยๆ หาที่สุดเองโดยอัตโนมัติมิได้

ตราบใดยังไม่หมดเหตุ ตราบนั้นสังสารวัฏจะยังปรากฏอยู่ ต่อเมื่อหมดเหตุแล้ว คือกำจัดความไม่รู้และความทะยานอยากได้แล้ว นั่นแหละสังสารวัฏจึงถึงกาลสิ้นสุดลง นี้เป็นกฎพื้นฐานที่มีความแน่นอน เที่ยงที่จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป


** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น