ถาม : เริ่มเข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากใช้ไสยศาสตร์เป็นทางลัดกัน
ตอนนี้อยากคืนดีกับแฟนเก่ามาก เหมือนใจจะขาดให้ได้
พยายามเปิดใจรับคนอื่นก็ไม่สำเร็จ พอรู้สึกเกือบๆจะชอบใครขึ้นมา
พอดูหน้าเขาอย่างคิดว่าตกลงเป็นแฟนดีไหม ก็รู้สึกห่อเหี่ยว หมดความไยดี
ไม่อยากแม้แต่มองหน้า แถมเมื่อเจอหนังสือที่บอกวิธีทำคุณไสยให้คนหลงรัก
ก็นึกถึงแฟนเก่าทันที แต่ก็กลัวเพราะเชื่อแล้วว่าวิบากกรรมมี
เหมือนที่คุณดังตฤณเคยบอกว่าถ้าใช้ไสยศาสตร์จะทำให้อยู่กับโลกมืดอย่างเป็นทุกข์
แม้ข้างนอกดูเหมือนสุข ใจก็ดำอยู่ตลอด
คำถามคือถ้าเราอยากได้แฟนกลับมาจริงๆ จะมีกรรมอันเป็นกุศลแบบไหน ต้องไปทำบุญกับพระวัดใด จึงไม่ผิดกฎแห่งกรรม และได้ชื่อว่าเอาเขากลับมาด้วยบุญ ไม่ใช่ด้วยบาป? กรุณาอย่าบอกให้ทำใจ เพราะพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ
คำถามคือถ้าเราอยากได้แฟนกลับมาจริงๆ จะมีกรรมอันเป็นกุศลแบบไหน ต้องไปทำบุญกับพระวัดใด จึงไม่ผิดกฎแห่งกรรม และได้ชื่อว่าเอาเขากลับมาด้วยบุญ ไม่ใช่ด้วยบาป? กรุณาอย่าบอกให้ทำใจ เพราะพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐
ดังตฤณ:
ถามตัวเองเป็นอันดับแรกนะครับ ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วเกิดไม่พอใจกันอีก ก็ต้องเจ็บปวดอีก จากกันอีก และจะต้องวนเวียนอยู่กับวงจรอยากได้เขาคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่ไหม?
ได้คำตอบอย่างไร
ให้ถามตัวเองอีกข้อ ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วคุณจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง
ดีขึ้นชนิดที่เขาจะไม่ระอา และคุณก็จะเต็มใจทำไม่เลิก คุณนึกถึงวิธีการดีๆที่จะรักษาเขาไว้ได้กี่ข้อ?
ได้คำตอบอย่างไร
ให้ถามตัวเองอีกนิด ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วคุณจะรักษาความรู้สึกของตัวเองท่าไหน
แบบที่แน่ใจว่าคุณจะไม่กลับเหนื่อยหน่ายเสียเอง
ด้วยเหตุที่ต้องเป็นฝ่ายออกแรงรักษาเขาไว้ ต้องเอาใจเขาตามต้องการทุกเรื่อง?
นึกวาดภาพไปเป็นข้อๆนะครับ
ความคุ้นเคยในอดีตระหว่างกันคงทำให้จินตนาการของคุณแจ่มชัดพอ ที่ผมตั้งโจทย์ให้คุณถามใจตัวเองเช่นนี้
ไม่ใช่เรื่องของการ ‘ทำใจ’ แต่เป็นการ ‘ถามใจ’ ตัวเอง
เพื่อสร้างจินตนาการหักลบหักล้างจินตนาการเดิมๆเสียบ้าง
คนที่โหยหาอาวรณ์คนรักเก่านะครับ
เหตุผลเหมือนกันหมดแหละ คือโดนภาพความทรงจำด้านดีหลายๆฉาก
หลายๆเหตุการณ์เล่นงานเอา ตามหลักธรรมชาติง่ายๆที่ว่าถ้าไม่เป็นสุขบ้าง
ใจคงไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ทำให้เป็นสุข คงอยากสลัดทิ้งกันหมด
ทีนี้เมื่อคุณสมมุติให้หลุดจากความฝักใฝ่เพ้อหา
ถามใจตัวเองตามจริงว่าถ้าได้เขากลับมา จะเกิดอะไรขึ้น จินตนาการก็จะแตกต่างไป
อย่างน้อยเรื่องเก่าๆที่เคยระหองระแหง เคยชินๆเบื่อๆ ก็ต้องย้อนกลับมาบ้าง
ถึงตรงนั้นแม้ดวงจิตยังไม่สงบลง ก็คงลดความอยากได้คืนท่าเดียวไม่มากก็น้อย
ตามหลักธรรมชาติที่ว่าถ้าไม่เป็นทุกข์บ้าง ใจก็คงไม่อยากทิ้งขว้างสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์เลย
คงหวงไว้หมด
สถานการณ์อย่างคุณนะครับ บุญข้อแรกที่ต้องระลึกถึงเลย ก็คือการพยายาม ‘ตั้งสติ’
ถ้าตั้งสติได้ขณะกำลังจะขาดสติอยู่ร่อแร่ ไม่แพ้กิเลส
และเห็นกิเลสเป็นเพียงคลื่นรบกวนที่ต้องแปรปรวนไป
ก็ขอให้จำไว้เถิดว่าเกิดบุญใหญ่เสียยิ่งกว่าทำสังฆทาน ๗
วัดด้วยจิตเศร้าหมองเป็นไหนๆ
อันที่จริงการที่คุณรู้จักธรรมะ
กลัวบาปกลัวกรรม และยั้งคิดได้แม้เจอทางลัดอันดำมืด
ก็สะท้อนในตัวเองว่าคุณมีสติอยู่กับตัว เท่านี้ก็แสดงแล้วว่า
สติในธรรมนี้แหละสมบัติสำคัญสูงสุด ที่ฉุดรั้งคุณไว้ได้ขณะชีวิตกำลังทำท่าจะดิ่งลงเหว
ข่าวหน้าหนึ่งใน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยคดีอ้อนวอนคนเก่าไม่สำเร็จแล้วลงเอยด้วยการเชือดกัน
คนตายก็ตายด้วยความเกลียดกลัว คนอยู่ก็อยู่ด้วยความน้อยใจคร่ำเครียด
นั่นเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ ‘ขาดสติ’
สติของคุณยังมีคุณสมบัติที่ดีกว่า
การเป็นเครื่องฉุดให้รอดจากก้นเหว เพราะสติที่มีกำลังมากพอแล้ว
สามารถผลักดันให้คุณขึ้นฟ้าชั้นไหนก็สุดแต่จะปรารถนา
ผมบอกได้อย่าง
หนึ่งว่าถ้าจะเอาเขาคืนมาด้วยทางสว่าง ก่อนอื่นสติของคุณต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เพราะตามธรรมชาติของกระแสจิตนะครับ ยิ่งคุณกระวนกระวายปั่นป่วน อยากได้คืนมากขึ้นเท่าไร
ก็เท่ากับยิ่งส่งคลื่นรบกวนไปเบียดเบียนแฟนเก่ามากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าจะขณะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลัง
การที่คุณปั่นป่วนรัญจวนใจทั้ง
กลางวันกลางคืนอย่างนี้ คุณไม่รู้หรอกว่าส่งคลื่นกระทบอันเป็นลบออกไปมหาศาลปานไหน
เอาเป็นว่าพอเขานึกถึงคุณขึ้นมาเมื่อใดนะครับ เขาจะนึกถึงความน่าอึดอัด
ความน่ารำคาญ หรือไม่ก็ความเร่าร้อนที่ชวนให้เป็นทุกข์
ไม่น่านึกสนุกอยากกลับมาใกล้คุณเลย
นั่นแปลชัดครับว่าความอยากดึง
ดูดเขากลับมา กลายเป็นแรงผลักไสเขาออกห่างไปอีกโดยคุณไม่ทันรู้ตัว
เมื่อใจคุณสงบลงได้ ก็ขอให้เริ่มตระเวนทำบุญแบบครบวงจร ตั้งต้นที่ไหนก็ได้อย่าไปเกี่ยง
เช่นกินข้าวในร้านใดเสร็จเห็นเหลือกระดูกไก่
ก็เอาใส่ถุงไปหาหมาแมวข้างถนนให้พวกมันดีใจที่คุณให้แทะเล่น
เปิดตู้เสื้อผ้ามาเห็นชุดไหนเก่าไม่ใช้แล้วก็อย่าหวงไว้
สถานที่รับบริจาคเสื้อผ้าเพื่อคนอนาถามีอยู่ทั่วไป เสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆก็อย่าปล่อยให้ใจเฉา
ลุกจากที่นอนไปใส่บาตรแต่เช้าตรู่
หาเครื่องใช้สำหรับพระใส่ถังเพื่อถวายเป็นสังฆทานสักหน่อย
อะไรก็ได้ครับ
ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินเยอะๆ แต่ลงทุนเป็นใจเต็มๆ แต่ละครั้งเมื่อทำประโยชน์ให้ผู้อื่น
ขอให้เช็คจิตของตัวเอง ว่าเป็นสุขแค่ไหน
แล้วถามตัวเองทุกครั้งว่าถ้ามีแฟนเก่าอยู่ด้วยในขณะทำบุญด้วยกัน
คุณจะเป็นสุขเท่าเดิมหรือมากขึ้นกว่านั้น
อ่านดีๆแล้วลองทำตามนะครับ
ถ้าทำได้ก็คืออุปเท่ห์วิธีแผ่เมตตาไปถึงเขานั่นเอง ยิ่งคุณรู้สึกว่าเป็นสุขกับการทำบุญแล้วนึกถึงเขาในทางดีมากขึ้นเท่าใด
กระแสจิตของคุณก็จะยิ่งแผ่ซ่านเป็นความเยือกเย็นไปถึงเขาได้มากขึ้นเท่านั้น
จิตนั่นแหละเป็นเครื่องเช็คความก้าวหน้าได้
หากสว่างออกมาจากกลางใจ ใจโล่งสบาย และขยายขอบเขตความโล่งสบายมากขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งหลุดจากกรอบของความอยากอันคับแคบ ก็ขอให้เชื่อในระดับหนึ่งว่าถ้าเขานึกถึงคุณ
ตัวคุณที่ปรากฏต่อใจเขาจะสว่าง น่าคิดถึง
และน่าอยู่ใกล้ขึ้นกว่าเดิมอย่างอักโขมโหฬาร
ที่เหลือเป็นเรื่องของความลงตัวแล้วนะครับ
ถ้ามีเหตุปัจจัยสมควรกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็คงได้อยู่ แต่หากเหตุปัจจัยไม่พอ
แม้ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ผมก็เชื่อว่าคุณคงเห็นทางสว่างกับการมีชีวิตใหม่อิ่มเต็ม
พร้อมจะทิ้งชีวิตเก่าที่หิวโหยไปได้แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น