ถาม : ผมเคยโกงเงินวัดไปหนึ่งหมื่น
ชีวิตพบกับความวิบัติอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างดำดิ่งลงเหวไปหมด
ผมเชื่อแล้วว่าเป็นผลจากการโกงเงินครั้งนั้น เพราะพบกับเพื่อนที่ทำเช่นเดียวกัน
รับผลเช่นเดียวกัน คุยแล้วเข้าใจหัวอกเดียวกันดี
ปัจจุบันผมไม่สามารถหาเงินหมื่นมาใช้คืนวัดได้
อยากทราบว่าจะใช้วิธีผ่อนส่งทีละน้อยได้ไหม
และจะทำกับวัดอื่นที่ไม่ใช่วัดเดิมจะได้ไหม เพราะที่โกงมาเป็นเงินบริจาค ยังไม่ใช่ทรัพย์สินของวัดครับ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
โกงเงินหมื่นจากเศรษฐีร้อยล้าน โทษเบากว่าโกงเงินหมื่นจากคนเหลือหมื่นเดียว เพราะเศรษฐีร้อยล้านย่อมไม่เดือดร้อน ผิดกับคนเหลือหมื่นเดียวที่ล้มละลายกลายเป็นไม่มีกินไปเลย
แต่การโกงเงินหมื่นจากคนเหลือหมื่นเดียวนั้น
ยังดีกว่าโกงเงินหมื่นจากวัดมาก ทั้งนี้เพราะวัดไม่เคยมีแม้แต่บาทเดียว
วัดจะอยู่ได้ก็ด้วยเงินบริจาคเท่านั้น
เงินบริจาคนั้น
เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก เขาอยากทำบุญกับวัด
เมื่อคุณทำให้เจตนาของคนจำนวนมากไม่สำเร็จผลสมบูรณ์ จึงมีผลสะท้อนรุนแรงและรวดเร็ว
วัดมีแต่ความร่มเย็นให้ชาวบ้านชาวเมืองหวังมาพึ่งพา
และวัดก็ให้แต่หลักแหล่งอาศัยแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ช่วยกันสืบทอดทางรอดจากทุกข์
การปล้นพระศาสนาจึงเปรียบเหมือนไม่เห็นค่าของการพ้นทุกข์
ผู้ปล้นพระศาสนาจึงประสบทุกข์มหันต์ที่เหมือนหาทางรอดยาก
อันที่จริงเห็นผลหนักๆทันตาก็ดีเหมือนกันครับ
อย่างน้อยก็ทิ่มแทงแรงๆให้เชื่อว่าผลของบาปมี ไม่ใช่ไม่มี
หากเห็นผลของบาปช้าเกินไป (อันเนื่องจากบุญเก่าช่วยพยุงไว้) ผลอาจต่างกันมาก
ถึงเวลานั้นคุณอาจไม่รู้สึกผิด หรือกระทั่งหลงลืมจดจำอะไรไม่ได้แล้ว
เท่ากับหมดโอกาสสำนึกผิดและแก้ตัวให้ดีขึ้นแล้ว
ขอให้ทำใจสบายๆนะครับ
ผิดก็ว่าตามผิด ที่ผ่านมารับผลไปแล้วก็ช่างเถิด คิดทำบุญเสียใหม่
ไม่ต้องจำกัดวัดไหน ทำให้มากเท่าที่กำลังจะเอื้ออำนวย
อย่าทำจนหมดตัวให้ต้องโกงกินอีก นอกจากนั้น คุณควรอุทิศแรงกาย แรงใจ
ช่วยงานวัดให้เต็มกำลัง กวาดพื้น ล้างส้วม ตลอดจนอาสาพระทำโน่นทำนี่ให้
ถือเสียว่ารับเงินค่าจ้างล่วงหน้ามาหนึ่งหมื่น ก็จะขอรับใช้วัด
รับใช้พระไปจนกว่าจะครบค่าจ้าง
ซึ่งใจคุณจะบอกเองว่าครบแล้วเมื่อความรู้สึกผิดจางลง
แต่จะกี่ปีหรือแม้ทั้งชีวิตก็คุ้ม เพราะคุณจะได้ไม่ต้องไปใช้หนี้ต่อในนรกอีก
ธรรมชาติบุญบาปนั้น
มีวิธีคิดเป็นใหญ่ เป็นประธาน
ถ้าคิดให้ตรงเรื่องก็แก้ไขหรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เสมอ เมื่อใดใช้คืนเป็นเงิน
หรือใช้คืนเป็นกำลังกาย แล้วจิตใจโล่งสบายขึ้น ก็ให้ตั้งความปรารถนาทุกครั้ง เช่น
ขึ้นชื่อว่าเงินวัดแล้ว คุณมีแต่ยื่นมือไปเพื่อให้ ไม่มีวันยื่นมือไปเพื่อหยิบอีกเลยเป็นอันขาด
ผลของบุญที่ตรงประเด็นจะส่งผลให้ใจคุณใสซื่อขึ้นเรื่อยๆ
ละอายต่อบาปมากขึ้นเรื่อยๆ แม้บาปเก่าไม่อาจถูกฆ่าให้ตายได้สนิท
อย่างน้อยผลย่อมอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ กระทั่งคุณไม่ต้องทนทุกข์ยากดังที่ผ่านมา
ผลบุญอันดับแรกที่เห็นในปัจจุบันชาติจะปรากฏที่จิต
ถ้าจิตของคุณสบายขึ้น มีความสุข มีความชุ่มชื่นใจไม่แห้งแล้งอย่างผ่านๆมา
อันนั้นเป็นตัวบอกได้ระดับหนึ่งครับว่าจิตเริ่มถอนจากหล่มบาปบ้างแล้ว
บอกไว้ล่วงหน้า ยิ่งตั้งใจสัตย์ซื่อ
ก็จะยิ่งมีเรื่องล่อใจให้คุณเลิกซื่อสัตย์ หากคุณผ่านด่านทดสอบได้แต่ละครั้ง
จะรู้สึกถึงความเข้มแข็งตั้งมั่นของจิตมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งคุณจะเกิดกำลังใจ
เห็นตนเองมีดีพอจะเป็นคนดี และอยู่ดีมีสุขเยี่ยงวิญญูชนคนหนึ่งแน่นอนครับ
** IG **
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น