ถาม : เหตุใดการถือบวชจึงต้องละกามารมณ์ด้วยครับ? ศาสนาพุทธถือเป็นเรื่อง
ร้ายแรงถึงขั้นที่ให้ประหารเสียจากการเป็นพระ
กับทั้งไม่ให้บวชเป็นพระอีกเลย
ทั้งชีวิต ทำไมโทษจึงร้ายแรงขนาดนั้น กะแค่มีอะไรกับผู้หญิง
น่าจะเป็นความผิด
ที่อภัยกันได้ไม่หนักเท่าฆ่าคนตายสักหน่อย
หรือพุทธถือว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็น
บาปนักหนาครับ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการพ้นเกิดพ้นตาย ผู้ถือบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนาต่างก็มีข้อตกลงเดียวกันตามที่พระพุทธเจ้าตั้งกติกาไว้นั่นคือบวชเข้ามาเพื่อทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง เพื่อไม่ต้องเกิดอีกในรอบหน้า
พระพุทธเจ้าตรัสว่ากายนี้เกิดขึ้นด้วยเมถุน
ควรละเมถุนเสีย จึงนับเป็นการชักสะพานแห่งการเกิดกาย ก็เช่นนั้นควรแล้วหรือที่ภิกษุยังคงเดินหน้าเสพกามต่อไปโดยไม่สนใจข้อตกลงว่าจะบวชเข้ามาเพื่อทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง
ทำลายรากแห่งภพชาติให้สิ้น?
การที่ภิกษุผู้สืบศาสนาแสดงความติดกาม
ไม่ละพฤติกรรมทางเพศ ย่อมก่อให้เกิดภาพน่าสับสนว่าบวชเข้าไปทำไม
ไหนว่าจะเอาความหลุดพ้น ชาวบ้านอุตส่าห์สนับสนุนข้าวน้ำ
ถ้าปล่อยให้พุทธเราเต็มไปด้วยผู้ทุศีล
ขาดความเป็นพระแล้วยังครองผ้าเหลืองต่อไปได้มากๆ
ศาสนาจะเสื่อมจากความศักดิ์สิทธิ์ภาพความมัวหมองย่อมทำให้ชาวบ้าน จิตตกเกินกว่าจะมีกำลังใจตื่นเช้าขึ้นมาใส่บาตร
หรือร่วมกันระดมทุนเป็นสิบเป็นร้อยล้าน สร้างวัดวาอารามให้เกิดการสืบศาสนาต่อๆไปได้
จะเห็นว่าถ้าชาวบ้านไม่ศรัทธา
ไม่เชื่อว่ายังเหลือภิกษุผู้เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าอีกแล้ว
ศาสนาย่อมดำรงอยู่ไม่ได้หากเล็งกันตรงนี้จึงมีเหตุผลอันสมควรยิ่งที่ศาสนาแห่งการละกาม
จะประหารผู้ที่ไม่คิดละกามทิ้งเสียให้สิ้น การสึกพระผู้ปาราชิกย่อมหมายถึงการกำจัดต้นเหตุความสิ้นสูญของพุทธศาสนานั่นเอง!
คราวนี้มาว่ากันเรื่องบาปไม่บาป
ทำไมแค่เสพกามถึงบาป ในเมื่อก่อนบวชเสพกามกี่ร้อยทียังไม่เห็นจะบาปตรงไหน? อันนี้ต้องบอกว่ากามนั้นเสพแล้วไม่ใช่ว่าบาป
แต่คุณมี ‘สิทธิ์’ ในการเสพกามหรือเปล่าต่างหาก
ศาสนาพุทธไม่ได้แจกเสื้อผ้าและที่อยู่อาศัยให้คนจรจัดฟรีๆ
เมื่อมาอยู่แล้วต้องช่วยกันรักษา
เหมือนพนักงานในบริษัทพึงมีหน้าที่ช่วยให้บริษัทดำเนินกิจการต่อไปได้ หากพนักงานบริษัทประพฤติทุจริตคิดมิชอบ
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเหตุให้บริษัทเสียหายนั่นย่อมเป็นบาปติดตัวเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยเขาย่อมรู้แก่ใจว่าทำไม่ดีไม่งามลงไปแล้ว
ไม่ค่อยต่างจากการทำลายทรัพย์สินของบริษัทเท่าใดเลย
หากบวชเข้ามาทั้งไม่เข้าใจว่าคนอื่นเขามายุติกามกัน
ยังมาเสพกามต่อในวัด ก็เท่ากับเป็นคนนอกบริษัทที่หวังเข้ามาหาผลประโยชน์
มาใช้สอยเครื่องไม้เครื่องมือของบริษัทโดยไม่ชอบธรรม ต่อหน้าทำทีเหมือนเป็นคนใน
แต่โฉมหน้าที่แท้คือคนนอกพร้อมจะหักหลังคนในอยู่ตลอดเวลา ตรองดูนะครับ
ไม่มีใครทรยศบริษัทตนเองได้ด้วยความจริงใจ
คนขาดความจริงใจเท่านั้นที่คิดคดทรยศได้แล้วผู้ทรยศนั้นสมควรได้ชื่อว่าเป็นคนบาปหรือนักบุญ?
ทรยศใครไม่ว่า
มาทรยศพระศาสนาแห่งความหลุดพ้นจากปวงทุกข์ ผลย่อมดูไม่จืด
ใครทำสมบัติราคาสูงเสียหายย่อมถูกลงโทษอย่างหนักฉันใด ผู้ทำศาสนาแห่งความบริสุทธิ์ให้มัวหมองย่อมเปื้อนมลทินบาปอย่างร้ายแรงฉันนั้น!
สรุปคือต้องตั้งต้นบวชกันด้วยความเข้าใจครับ
กามเป็นเหตุแห่งการเกิดมา ธรรมชาติจึงจัดสรรให้กามน่าสนุก น่าอยากมี น่าอยากเอา
ใครอยากเสพกามก็เท่ากับประกาศว่ายังอยากเกิดอีก ซึ่งอยู่นอกวัดก็ไม่ผิดกติกาอะไร
จะเสพกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ตามใจ ต่อเมื่อไม่อยากเกิดค่อยเข้าไปอยู่ในวัด
แล้วรักษาวินัย ถอนความอยากเสพกามเสียด้วยกิจอันบริสุทธิ์สะอาดแห่งสงฆ์
กระทั่งสามารถละความอยากเกิดเสียได้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น