วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

แอบดูอาบน้ำเป็นโรคจิตหรือไม่ (ดังตฤณ)

ถาม : จิตแพทย์ใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวในรายการโทรทัศน์ว่าการที่ผู้ชายชอบแอบดูผู้หญิงอาบน้ำ ไม่ถือว่าเป็นโรคจิต แต่เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่าดู (ท่านว่าไม่สมควรทำ แต่ไม่ใช่โรคจิต) เมื่อฟังคำตอบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ คือเกิดความสงสัยว่าแล้วอย่างนั้นแค่ไหนจึงเรียกว่ามีจิตปกติ คนที่จิตใจปกติน่าจะควบคุมพฤติกรรมทางเพศได้มิใช่หรือ? หากกล่าวว่าการแอบดูผู้หญิงอาบน้ำเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่นนี้ก็ต้องนับว่าพวกขโมยชุดชั้นในสาวๆจากราวตากผ้าก็น่าจะปกติด้วยเช่นกัน เพราะอ้างได้ว่าชุดชั้นในเป็นสิ่งน่าสะสม น่าเชยชม อยากทราบว่าทางกรรมวิบากจะถือเกณฑ์ใดตัดสินว่าปกติหรือผิดปกติ? และพวกนี้จะต้องได้รับผลอย่างไร?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑

ดังตฤณ: 

อันนี้ขอให้ตัดเรื่องถูกผิด เรื่องควรหรือไม่ควรออกไปก่อน ที่จิตแพทย์ท่านกล่าวมาก็ไม่ใช่เรื่องเกินทำความเข้าใจยอมรับนะครับ ธรรมชาติออกแบบให้เรือนกายเพศหญิงมีส่วนโค้งเว้าเย้ายวนชวนชมจริงๆ ทั้งเนื้อหนังที่เห็นได้นอกร่มผ้า และของสงวนที่อยู่ใต้ร่มผ้า แม้แต่เพศหญิงด้วยกันก็อยากรู้อยากเห็นว่าของคนสวยเป็นอย่างไร แต่ถึงอยากรู้ก็ต้องคาดเดา ต้องจินตนาการเอาเอง ไปขอดูเฉยๆคงไม่ให้

เรื่องของเรื่องอยู่ที่ตรงนี้ เมื่อไม่ให้ดู ก็ต้องแอบดูเอา มันขึ้นอยู่กับว่าความอยากของใครมีกำลังเกินความละอายใจ และความอยากนั้นมีสิทธิ์สัมฤทธิ์ผลได้ด้วยโอกาสอำนวยหรือไม่ด้วย กรรมวิบากไม่ได้เป็นตัวทำให้อยากดู ความอยากดูเกิดขึ้นจากธรรมชาติของจิตที่ยังหยาดเยิ้มด้วยราคะของทุกคน หน้าที่ของทุกคนจึงเป็นการตัดสินใจ ว่าจะทำกรรมว่าด้วยการละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของผู้อื่น หรือระงับความอยากส่วนตนเอาไว้

ฉะนั้นว่ากันแค่ที่ตรงนี้ก่อน ในทางโลกใครๆก็ถือกันว่านารีมีรูปเป็นทรัพย์ อยากได้ก็ต้องซื้อด้วยของหมั้นหรืองานแต่ง ไม่ใช่ขอดูหรือขอจับกันดื้อๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าเป็นปกติไหมที่ผู้ชายทั้งหลายจะอยากดูของสงวนของผู้หญิง อันนี้ต้องตอบว่าปกตินะครับ คุณจะไปเรียกพวกแอบดูสาวอาบน้ำว่าโรคจิตไม่ได้ ต้องเรียกว่าเป็นพวกมโนธรรมต่ำ ไม่รู้จักห้ามใจ แล้วก็ไม่เกรงอาญากฎหมาย เป็นคนที่สมควรแก่การโดนกฎหมายบ้านเมืองสั่งสอนให้หลาบจำ

การแอบดูอาบน้ำนั้น ที่ในทางกฎหมายถือว่าผิดก็เพราะของรักของสงวนเขาหวงห้ามไม่ให้ดู อันนี้เป็นกันทุกคน เป็นที่รู้กัน ว่าผลของการถูกแอบดูคือรู้สึกอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงนับว่าเสื่อมเสีย คล้ายขนมราคาแพงเขาวางล่อตาไว้ให้ซื้อ แต่นี่พวกจะลอบเอาปลายนิ้วปาดจิ้มมาลิ้มเล่น แม้ไม่ถึงขั้นขโมยกันยกถาด ก็ต้องกล่าวว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว หากจับได้เจ้าของขนมก็ต้องเลือดขึ้นหน้า ขึ้นเสียงเอาเรื่อง เรียกร้องค่าเสียหายอย่างแน่นอน

ตามกฎหมายของบางประเทศนี่นะครับ การแอบดูผู้หญิงอาบน้ำถือเป็นความผิดเล็กน้อย แค่ปรับและตักเตือน แต่บางประเทศและบางเงื่อนไขพิเศษ โทษอาจถึงขั้นเจาะตาให้บอดทั้งสองข้าง อย่างเช่นในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่พระราชาคือกฎหมาย ลองคิดดูว่าถ้าองครักษ์ใดใจกล้าแอบดูพระธิดาของท่านขึ้นมา ถูกจับได้จะเป็นอย่างไร อาจไม่ใช่แค่ลูกนัยน์ตาที่ถูกเจาะให้บอด แขนขามือเท้าอันเป็นอุปกรณ์ช่วยพาไปดูก็อาจถูกตัดทิ้งแถมท้ายอีกด้วย

ส่วนในทางกรรมวิบาก ก็ต้องกล่าวว่าลักลอบทำอย่างนั้นมันเป็นบาป เป็นอกุศล เนื่องจากลงมือกระทำการประหนึ่งโจรร้าย ลักลอบดูของลับในเขตหวงห้าม กับทั้งล่อแหลมที่จะอยากต่อความยาวสาวความยืด ดูจบแต่อารมณ์ไม่จบ บุกเข้าไปปลุกปล้ำขึ้นมา ศีลข้อ ๓ ก็ขาดทะลุกัน ฉะนั้นต้องสรุปว่าการแอบดูอาบน้ำเฉียดกัน หรือเชื่อมถึงกันกับการละเมิดศีลข้อ ๓ ว่าด้วยกาเมสุมิจฉาจาร

สรุปคือกรรมที่แอบดูผู้หญิงอาบน้ำนั้น เป็นกรรมทางกายฝ่ายทุจริต หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดศีลข้อ ๓ ในฐานะเป็นชนวนเริ่มต้นด้วยกำลังใจที่ยังอ่อนอยู่ และเมื่อทำกรรมสำเร็จก็อาจเป็นเหตุให้ไฟราคะโหมฮือ ปรับระดับกำลังใจที่ยังอ่อนให้กล้าแข็ง พูดง่ายๆถ้าหน้ามืดพอก็พังประตูก่อคดีข่มขืนกันได้ การแอบดูจึงเป็นต้นทางหายนะทางเพศ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแต่อย่างใด

วิบากหรือผลของการแอบดูสาวอาบน้ำก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ถ้าแอบดูแฟนสาวโทษเบากว่าแอบดูสาวแปลกหน้า ถ้าเผอิญเจอช่องโหว่เองโทษเบากว่าพยายามสร้างช่องโหว่ขึ้นมาให้ได้ ถ้าดูแล้วก็แล้วกันโทษเบากว่าพยายามบันทึกไว้ดูต่อ ถ้าบันทึกไว้ดูคนเดียวโทษเบากว่าตั้งใจไปแจกจ่าย ฯลฯ

หากมีกำลังใจที่อ่อน ทำแค่หนสองหน ผลอาจไม่ชัดเจนนักว่าจะปรากฏเมื่อใด แต่หากมีกำลังใจแข็งกล้า ทำบ่อยด้วยความคิดหมกมุ่นเอาจริงเอาจัง ก็มีสิทธิ์รับผลทันตาภายในชาตินี้ โดยมากจะมาในรูปของความเสื่อมไปของสง่าราศี หน้าตาและจิตใจหมองคล้ำ ดูไม่มีความน่าเกรงใจ ถูกลดระดับศักดิ์ศรีลงในทางใดทางหนึ่งโดยไม่รู้ตัว พูดง่ายๆคือทำให้สภาพชีวิตโดยรวมตกต่ำลง เพียงเพราะใจถูกดึงดูดลงสู่ที่ต่ำ

ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ถ้าดาราคนหนึ่งหน้าตาสว่าง เข้าวงการได้รับบทพระราชา หรือขั้นต่ำเป็นพ่อพระเอก หลังจากนั้นตัวจริงนอกจอหลงผิดคิดแอบดู ซื้อกล้องมาแอบถ่ายผู้หญิงที่เข้าห้องน้ำบ้านตนจนติดใจอยากทำเป็นประจำ วันๆไม่คิดเรื่องอะไรมากกว่าเชิญผู้หญิงมาบ้าน เลี้ยงน้ำเยอะๆจนเขาปวดฉี่ต้องเข้าห้องน้ำ เมื่อดารารายนี้มีพฤติกรรมโฉดสักครึ่งปี ผลที่ออกมาหน้าตาย่อมมืดหม่น คนคัดตัวแสดงเรื่องต่อไปเห็นเข้าก็ไม่ให้รับบทพระราชาอีกแล้ว ต้องเป็นหัวหน้าโจรหรือพ่อผู้ร้ายแทน

หากเดิมบุญน้อย หน้าตามืดๆอยู่ก่อนเป็นทุน ถ้ายิ่งมาหมกมุ่นกับการแอบดู ก็ยิ่งมืดคูณสอง เพราะของเก่ากับของใหม่บวกกันเป็นทบทวี กลายเป็นคนหน้าเหม็น น่ารังเกียจ และถูกมองข้ามได้ราวกับผ้าขี้ริ้วสกปรก

ถ้าแอบดูประจำไปจนตาย กระทั่งมีความตั้งมั่นในภพของนักแอบดู ผลที่จะเสวยชัดเจนก็คืออัตภาพถัดไปจะโดนดีบ้าง อันนี้ธรรมชาติจะมองว่าคุณนิยมเอาเปรียบทางเพศ ดังนั้นก็จะให้คุณไปครองเพศที่ถูกเอาเปรียบง่าย จะได้รับกรรมอย่างสมน้ำสมเนื้อ

ไม่เฉพาะเรื่องของการแอบดูที่เผินๆเหมือนไม่มีอะไรเสียหายนี้นะครับ ทำอะไรไว้กับผู้หญิงมากๆ ในแบบที่ควรได้เสวยผลในอัตภาพของอิตถีเพศ ก็ต้องไปเกิดเป็นหญิง ซึ่งธรรมชาติออกแบบให้เป็นผู้ถูกกระทำ (ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนทำบาปกันมาในแบบที่ต้องถูกกระทำ ขอให้สังเกตว่าผู้หญิงบางคนสง่างามเหมือนอยู่ในที่สูง และไม่มีความหยาบช้าใดๆไปแตะต้องได้ นั่นก็แสดงว่าเหตุผลของการเป็นหญิงของเธอเกิดจากความพอใจ และสั่งสมบุญเพื่อได้อัตภาพหญิงอันน่าพึงใจ)

ส่วนพวกที่ชอบขโมยชุดชั้นในสตรีจากราวตากผ้านั้น อันนี้บอกได้ง่ายๆว่าผิดศีลข้อ ๒ ว่าด้วยอทินนาทาน – การลักทรัพย์โดยเจ้าของไม่ยินยอมยกให้ แต่จะเฉียดหรือเชื่อมถึงการผิดศีลข้อ ๓ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับใครขโมยแล้วคิดต่อยอดแค่ไหน เท่าที่ทราบส่วนมากพวกนี้ขโมยแล้วก็แล้วกัน ไม่ได้จะเอาอะไรต่อ

คุณจะเรียกพวกนี้ว่าโรคจิตไหมก็ขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานของแต่ละคนครับ ว่าแค่ไหนจึงเรียกได้หรือเรียกไม่ได้ว่าโรคจิต สมัยก่อนถ้าใครดมชุดชั้นในให้เห็นเป็นถูกด่าว่าโรคจิตแบบไม่รีรอ แต่สมัยนี้ดาราหรือนายแบบหล่อเหลาระดับพระเอกก็มาโชว์ดมกัน และคนดูเห็นเป็นมุขจี้ๆไป

ตามสายตาชาวโลกแต่ละยุคจะกำหนดบรรทัดฐานไว้อย่างไรไม่สำคัญ สำคัญคือตามธรรมชาติของจิตแล้ว ราคะที่เกิดขึ้นย่อมทำให้จิตมืดหม่นเศร้าหมองลงเสมอ และความพอใจก็มักยืนพื้นอยู่บนการได้สิ่งที่ไม่ใช่ของของตน แสดงให้เห็นว่ากามเป็นเครื่องฉุดจิตลงต่ำจริงๆ การแสดงออกถึงความใฝ่ต่ำในที่สาธารณะนั้น เผยให้เห็นภพแห่งความตกต่ำในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องรอการแสดงผลที่ชัดขึ้นในภายภาคหน้าด้วยซ้ำ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น