ถาม : ตัวเองกับแฟนเป็นคนที่ชอบธรรมะด้วยกันทั้งคู่
แต่ดิฉันจะอยากพ้นทุกข์ และยิ่งวันก็ยิ่งเห็นการใช้ชีวิตคู่เป็นเครื่องถ่วง
การที่เราใจเย็นและทำดีกับแฟนทุกอย่าง ทำให้เขาติดหลงดิฉันมาก
ไม่เห็นแววว่าจะสละวางกันเลย ทั้งที่ก็ชอบเที่ยวไปทำบุญด้วยกัน
และเขาก็อ่านหนังสือตามๆดิฉันตลอด แม้แต่ชวนไปปฏิบัติธรรมก็ตามไป
แต่รู้สึกว่าเขาขี้เกียจ ขี้เซา และไม่ได้ขยันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ที่ตามไปเพราะอยากเอาใจมากกว่าอย่างอื่น
อยากทราบว่าพอมีกุศโลบายใดช่วยให้เขาปล่อยวางบ้างได้ไหมคะ? ทุกวันนี้บ่นๆน้อยใจดิฉัน
บางทีพูดเหมือนทีเล่นทีจริงเช่นไม่ค่อยรักเขาเลย
แต่ดิฉันก็คิดว่าเขารู้สึกน้อยใจจริงๆ เราทั้งคู่อายุไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับมาก
กับทั้งไม่มีห่วง ไม่มีพันธะใดๆ เพราะตกลงแต่แรกว่าแต่งงานเพื่ออยู่ดูแลกัน
ไม่ใช่เพื่อสร้างครอบครัวมีลูกมีหลานค่ะ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
เรื่องความไม่เสมอกันถือว่าปกติครับ
ถ้าคนเราเหมือนกันไปหมด เสมอกันไปหมด ก็คงแปลว่าติดตามกันไปทุกฝีก้าว คิด พูด
ทำเหมือนกันทุกกระดิก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้จริง
ภรรยาและสามีเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับกันและกัน
อยากฝากกายฝากใจไว้กับกันและกัน ฉะนั้นถ้าฝ่ายหนึ่งเหมือนสนใจอีกฝ่ายน้อยกว่า
ก็เป็นธรรมดาที่ต้องเกิดความน้อยใจกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นคุณมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน
ที่จะปล่อยวาง ที่จะสละเครื่องผูกทั้งปวง ซึ่งนั่นย่อมหมายรวมถึงตัวเขา
เขาก็ต้องรู้สึกว้าเหว่แน่ๆ
การที่จะรู้สึกปล่อยวางกับชีวิตโดยรวม
พระพุทธเจ้าให้หมั่นระลึกถึงความแตกดับ ความไม่เที่ยงไม่ทน
และความไม่แน่นอนของชีวิต เมื่อระลึกจนกลายเป็นอนุสติจริงๆแล้ว แม้ยังไม่ทำให้ขยัน
แต่อย่างน้อยก็คงลดความยึดมั่นถือมั่นลงได้มาก
พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการตาย
แต่สรรเสริญการระลึกถึงความตาย ผู้ระลึกถึงความตายอยู่เรื่อยๆ จะเป็นผู้ไม่ประมาท
และไม่ยึดมั่นอะไรๆไว้ในใจเหนียวแน่นนัก รู้สึกแค่ว่าเดี๋ยวก็ต้องจากกัน
ไม่เราเริ่มก่อน เขาก็เริ่มก่อน
แต่ในความจริงนะครับ
มนุษย์จะระลึกถึงสิ่งที่อยากได้ใกล้มือ ดังเช่นตัวคุณเป็นความเย็น
เป็นแหล่งกำเนิดความรู้สึกแสนดีของเขา เขาก็ต้องระลึกถึงคุณและการมีคุณไว้ตลอดไป ฉะนั้นตัวคุณเองนั่นแหละควรเป็นเครื่องเตือนให้เขาระลึกถึงสิ่งอื่น
ลองหมั่นพูดถึงความตายกัน
ชวนกันระลึกถึงความตาย ถ้าเขาสนใจธรรมะจริงก็ต้องไม่รังเกียจที่จะฟัง
ก่อนออกจากบ้าน สั่งเสียกันบ่อยๆ ว่าถ้าไม่กลับมา ให้ทำอย่างไรบ้าง
หรือเมื่อเห็นข่าวการตายไม่เว้นแต่ละวันตามสื่อต่างๆ ก็ลองชวนกันคิด
ว่าถ้าถึงตาคุณบ้างจะให้เขาทำอย่างไร พูดเรียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงปกติ
พูดด้วยใจเห็นเป็นธรรมดา เมื่อพูดบ่อยๆด้วยความรู้สึกวางเฉย
ในที่สุดจะมีผลสะเทือนให้เขาเกิดความวางเฉย
และเห็นเป็นธรรมดาที่จะระลึกถึงความตายอยู่เสมอ
เมื่อเขารู้สึกขึ้นมาเป็นจริงเป็นจังว่าวันหนึ่งคุณจะตายจากไป
สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือการถอนความหลงผิด คิดว่าคุณจะต้องอยู่เป็นความเย็นให้กับเขาเรื่อยๆ
สิ่งต่อมาคือการลดความน้อยใจลง
และสิ่งต่อมาคือความกระตือรือร้นในอันที่จะปฏิบัติเพื่อพ้นจากความเวียนเกิด
เวียนแก่ เวียนเจ็บ และเวียนตายอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่
สำหรับข้อหลังนั้น จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
คงขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆอย่าง เช่นได้ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องตรงทางไหม
ได้ความคืบหน้าเห็นผลชัดจนเกิดกำลังใจยิ่งๆขึ้นไปไหม อันนี้เป็นไปตามสมควรนะครับ
อย่าไปคาดคั้นว่าจะต้องให้ได้อย่างคุณแน่ๆ
เอาแค่คาดหวังว่าคุณจะเป็นเครื่องช่วยกระตุ้นให้เขาระลึกถึงความตายบ่อยๆก็น่าจะดีที่สุดแล้ว
นับว่าใช้ชีวิตแบบยึดบ้านเป็นวัดสำรองตามอุดมคติของพุทธแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น