วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ชอบธรรมะทั้งคู่แต่ความอยากพ้นทุกข์ไม่เสมอกัน (ดังตฤณ)

ถาม : ตัวเองกับแฟนเป็นคนที่ชอบธรรมะด้วยกันทั้งคู่ แต่ดิฉันจะอยากพ้นทุกข์ และยิ่งวันก็ยิ่งเห็นการใช้ชีวิตคู่เป็นเครื่องถ่วง การที่เราใจเย็นและทำดีกับแฟนทุกอย่าง ทำให้เขาติดหลงดิฉันมาก ไม่เห็นแววว่าจะสละวางกันเลย ทั้งที่ก็ชอบเที่ยวไปทำบุญด้วยกัน และเขาก็อ่านหนังสือตามๆดิฉันตลอด แม้แต่ชวนไปปฏิบัติธรรมก็ตามไป แต่รู้สึกว่าเขาขี้เกียจ ขี้เซา และไม่ได้ขยันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ที่ตามไปเพราะอยากเอาใจมากกว่าอย่างอื่น อยากทราบว่าพอมีกุศโลบายใดช่วยให้เขาปล่อยวางบ้างได้ไหมคะ? ทุกวันนี้บ่นๆน้อยใจดิฉัน บางทีพูดเหมือนทีเล่นทีจริงเช่นไม่ค่อยรักเขาเลย แต่ดิฉันก็คิดว่าเขารู้สึกน้อยใจจริงๆ เราทั้งคู่อายุไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับมาก กับทั้งไม่มีห่วง ไม่มีพันธะใดๆ เพราะตกลงแต่แรกว่าแต่งงานเพื่ออยู่ดูแลกัน ไม่ใช่เพื่อสร้างครอบครัวมีลูกมีหลานค่ะ

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑

ดังตฤณ: 
เรื่องความไม่เสมอกันถือว่าปกติครับ ถ้าคนเราเหมือนกันไปหมด เสมอกันไปหมด ก็คงแปลว่าติดตามกันไปทุกฝีก้าว คิด พูด ทำเหมือนกันทุกกระดิก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้จริง

ภรรยาและสามีเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับกันและกัน อยากฝากกายฝากใจไว้กับกันและกัน ฉะนั้นถ้าฝ่ายหนึ่งเหมือนสนใจอีกฝ่ายน้อยกว่า ก็เป็นธรรมดาที่ต้องเกิดความน้อยใจกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นคุณมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน ที่จะปล่อยวาง ที่จะสละเครื่องผูกทั้งปวง ซึ่งนั่นย่อมหมายรวมถึงตัวเขา เขาก็ต้องรู้สึกว้าเหว่แน่ๆ

การที่จะรู้สึกปล่อยวางกับชีวิตโดยรวม พระพุทธเจ้าให้หมั่นระลึกถึงความแตกดับ ความไม่เที่ยงไม่ทน และความไม่แน่นอนของชีวิต เมื่อระลึกจนกลายเป็นอนุสติจริงๆแล้ว แม้ยังไม่ทำให้ขยัน แต่อย่างน้อยก็คงลดความยึดมั่นถือมั่นลงได้มาก

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญการตาย แต่สรรเสริญการระลึกถึงความตาย ผู้ระลึกถึงความตายอยู่เรื่อยๆ จะเป็นผู้ไม่ประมาท และไม่ยึดมั่นอะไรๆไว้ในใจเหนียวแน่นนัก รู้สึกแค่ว่าเดี๋ยวก็ต้องจากกัน ไม่เราเริ่มก่อน เขาก็เริ่มก่อน

แต่ในความจริงนะครับ มนุษย์จะระลึกถึงสิ่งที่อยากได้ใกล้มือ ดังเช่นตัวคุณเป็นความเย็น เป็นแหล่งกำเนิดความรู้สึกแสนดีของเขา เขาก็ต้องระลึกถึงคุณและการมีคุณไว้ตลอดไป ฉะนั้นตัวคุณเองนั่นแหละควรเป็นเครื่องเตือนให้เขาระลึกถึงสิ่งอื่น

ลองหมั่นพูดถึงความตายกัน ชวนกันระลึกถึงความตาย ถ้าเขาสนใจธรรมะจริงก็ต้องไม่รังเกียจที่จะฟัง ก่อนออกจากบ้าน สั่งเสียกันบ่อยๆ ว่าถ้าไม่กลับมา ให้ทำอย่างไรบ้าง หรือเมื่อเห็นข่าวการตายไม่เว้นแต่ละวันตามสื่อต่างๆ ก็ลองชวนกันคิด ว่าถ้าถึงตาคุณบ้างจะให้เขาทำอย่างไร พูดเรียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงปกติ พูดด้วยใจเห็นเป็นธรรมดา เมื่อพูดบ่อยๆด้วยความรู้สึกวางเฉย ในที่สุดจะมีผลสะเทือนให้เขาเกิดความวางเฉย และเห็นเป็นธรรมดาที่จะระลึกถึงความตายอยู่เสมอ

เมื่อเขารู้สึกขึ้นมาเป็นจริงเป็นจังว่าวันหนึ่งคุณจะตายจากไป สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือการถอนความหลงผิด คิดว่าคุณจะต้องอยู่เป็นความเย็นให้กับเขาเรื่อยๆ สิ่งต่อมาคือการลดความน้อยใจลง และสิ่งต่อมาคือความกระตือรือร้นในอันที่จะปฏิบัติเพื่อพ้นจากความเวียนเกิด เวียนแก่ เวียนเจ็บ และเวียนตายอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่


สำหรับข้อหลังนั้น จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด คงขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆอย่าง เช่นได้ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องตรงทางไหม ได้ความคืบหน้าเห็นผลชัดจนเกิดกำลังใจยิ่งๆขึ้นไปไหม อันนี้เป็นไปตามสมควรนะครับ อย่าไปคาดคั้นว่าจะต้องให้ได้อย่างคุณแน่ๆ เอาแค่คาดหวังว่าคุณจะเป็นเครื่องช่วยกระตุ้นให้เขาระลึกถึงความตายบ่อยๆก็น่าจะดีที่สุดแล้ว นับว่าใช้ชีวิตแบบยึดบ้านเป็นวัดสำรองตามอุดมคติของพุทธแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น