วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บทส่งท้าย วาทะดังตฤณฉบับจิ๋ว : ด้วยความเป็นห่วง

ถ้ายังไม่มีความรัก
เรารู้แน่ว่าจะต้องอยู่อย่างเหงา
แต่ถ้าจะฝืนมีความรักให้จงได้
เราไม่รู้เลยว่าจะต้องทุกข์แบบไหนแน่

.. .. .. .. .. ..

ในความเป็นพุทธ
คุณจะรู้ว่าตัวเองเริ่มแน่พอ
เมื่อสูญคนรักโดยไม่เสียน้ำตา
และไม่มีความถือสา แม้ต้องคุยยาวกับศัตรู

.. .. .. .. .. ..

สวดมนต์เสียบ้าง
ถึงไม่รู้ว่าภาษาบาลีบอกอะไร
แต่ถ้าใจนึกถึงพระก็แปลว่าจิตผูกอยู่กับของสูง
ตราบใดจิตผูกอยู่กับของสูง
ตราบนั้นจิตจะไม่ตกต่ำลงไปได้

.. .. .. .. .. ..

ถ้าอ่านไม่ออก
ว่าฝันทำนายอะไรข้างหน้า
ก็ลองเรียนรู้ที่จะทบทวน
ว่าฝันฟ้องความจริงใดที่ผ่านมาบ้าง

.. .. .. .. .. ..

ความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่ามือเท้า
เพราะเราไม่อาจอาศัยมือเท้า
ในการเอาชนะเรื่องร้ายได้ไหว
และจะมีก็แต่ความคิดเท่านั้นที่เปลี่ยนโลกได้

.. .. .. .. .. ..

อำนาจก่อสงครามอาจน่ายำเกรง
แต่ไม่น่าเคารพเหมือนอำนาจยุติสงคราม

.. .. .. .. .. ..

คิดไปจนกว่าจะตายว่าคุณยังไม่ได้ทำอะไรเท่าใดนัก
ไม่อย่างนั้นความรู้สึกว่าทำอะไรมามากแล้ว
จะเป็นข้ออ้างให้คุณทำอะไรน้อยลงเรื่อย

.. .. .. .. .. ..

จะเชื่อหรือคิดฝันเกี่ยวกับความสำเร็จอย่างไรก็ได้
แต่คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จเลย
หากไม่ลงมือทำจริงในสิ่งที่ตัวเองรักจะทำให้สำเร็จ

.. .. .. .. .. ..

ถ้าคุณทำประโยชน์ให้กับโลกได้ยิ่งกว่าพระราชา
จะไม่มีใครหัวเราะเยาะหากอวดว่าคุณเคยเป็นพระราชา
แต่ถ้าคุณกำลังเป็นพระราชาแล้วไม่ทำประโยชน์อะไรเลย
ตอนตายไปจะไม่มีใครจดจำด้วยซ้ำว่าคุณเคยเป็นพระราชา

.. .. .. .. .. ..

สุขสันต์วันสงบ
วันที่ใจไม่ทะยานอยาก
เป็นของจริงกว่าสุขสันต์วันขึ้นปีใหม่
วันที่ใจอยากโน่นอยากนี่มากมาย

.. .. .. .. .. ..

ถ้ารู้น้อยกว่าจุดที่กำลังยืน
ถอยกลับไปก้าวหนึ่งเพื่อเรียนเพิ่ม
ถ้ารู้มากกว่าจุดที่กำลังยืน
ก้าวไปข้างหน้าให้คุ้มกับที่รู้
เพื่อสุดท้ายไม่ต้องตายเยี่ยงคนย่ำอยู่กับที่

.. .. .. .. .. ..

มนุษย์ใช้เหตุผลทางความคิด
ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
ขณะที่ธรรมชาติใช้ความจริงทางจิต
ในการตัดสินว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป

.. .. .. .. .. ..

ความถูกต้อง
ทำให้เราฉลาดขึ้นจากการเห็นผลดี
ความผิดพลาด
ทำให้เราฉลาดขึ้นจากการเห็นผลร้าย
แต่เราจะโง่เท่าเดิม
ถ้ามองไม่ออกว่าอะไรดีอะไรร้าย

.. .. .. .. .. ..

เนื้อตัวเราทุกคน
เต็มไปด้วยบาดแผลของวันวาน
จึงไม่น่าตำหนิใคร
กับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
โดยเฉพาะถ้าเขาระวังตัวอย่างดี
ไม่ปล่อยให้เกิดแผลซ้ำที่เดิมอีก
.. .. .. .. .. ..

ถ้าเมื่อวานเป็นวันที่คุณทำผิด
วันนี้จะเป็นคนละวันกับเมื่อวาน
เพราะคุณรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ผิดอีก
และถ้าเมื่อวานเป็นช่วงขาลงโดยที่คุณไม่จงใจให้มันลง
วันนี้จะเป็นอีกวันที่แตกต่างจากเมื่อวานได้แน่นอน
เพราะคุณมีสิทธิ์จงใจให้เป็นขาขึ้นด้วยน้ำมือตัวเองแล้ว

.. .. .. .. .. ..

เรื่องร้ายอาจพาคุณไปหาคนดี
เรื่องดีอาจพาคุณไปหาคนร้าย
แต่เรื่องจะลงเอยเป็นร้ายหรือดี
ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนดีหรือร้าย

.. .. .. .. .. ..

หลายครั้งเมื่อตัวละครชั่วร้าย
ถึงคราวตายคาเวที
อาจจะมีเสียงโห่ร้องเริงร่า
ประกอบสีหน้าอันชั่วร้ายของผู้ชม

.. .. .. .. .. ..

แม้แต่เรื่องเล่นๆ
ก็ต้องใช้เวลาในชีวิตคุณไปจริงๆ
ถ้าเล่นอะไรแล้วเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ก็ขอให้กลับมาเล่นอีกบ่อยๆเถิด

.. .. .. .. .. ..

การพูดความจริงให้น่าเชื่อ
อาจยากกว่าพูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก
โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้น
ดันไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง

.. .. .. .. .. ..

ความประมาทป็นอาวุธร้าย
ที่สังสารวัฏเขาดึงเราลงสู่ที่ต่ำได้
แม้ว่าจะขึ้นมาสูงมากแล้วก็ตาม

.. .. .. .. .. ..

ความร้อนระหว่างคนนั้น เ
ริ่มต้นเหตุเกิดจากไฟ
แต่ลงท้ายเราเลือกได้ว่าจะเป็นไฟหรือน้ำ
ถ้าเลือกเป็นไฟ ก็เผาใจตนเองและผู้อื่น
ถ้าเลือกเป็นน้ำ ก็นำความเย็นสบายมาสู่สองฝ่าย

.. .. .. .. .. ..

ที่อยากเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์
มันเป็นไปไม่ได้หรอก
ตั้งใจเป็นคนไม่มีทุกข์ทางใจจะง่ายกว่า
ถ้าทำถูกทาง
จะค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความดีขึ้นจนเต็มร้อยไป
เอง
.. .. .. .. .. ..

หลักการแก่กรรมก็คล้ายหลักซักผ้านั่นแหล
เผลอปล่อยให้ผ้าดำที่ตรงไหน
ก็ไปทำให้มันขาวที่ตรงนั้น
ไม่ใช่ไปทำที่ตรงอื่น
เมื่อเราผิดพลาดจุดใด
ก็แก้ให้ถูกที่ตรงนั้น
ไม่ใช่แก้เกี้ยวด้วยการอ้างความดีที่จุดอื่นมากลบเกลื่อน

.. .. .. .. .. ..

ถ้าเชื่อเรื่องกรรมวิบาก
ก็เท่ากับเลิกเชื่อความบังเอิญ
หันมาเชื่อในเหตุผล
เมื่อเชื่อว่าทุกสิ่งที่กำลังเห็นคือผลของเหตุ
ก็ต้องเชื่อว่าทุกสิ่งที่กำลังทำคือเหตุของผล

.. .. .. .. .. ..

ต้นชีวิตมนุษย์
คือช่วงของการถูกกรรมเก่าหลอก
ว่าตัวเองเป็นอะไรอย่างหนึ่ง
กลางชีวิตมนุษย์
คือช่วงของโอกาสตัดสินใจใหม่
ว่าจะถูกหลอกให้เป็นตัวเดิมต่อหรือเปล่า
ปลายชีวิตมนุษย์
คือช่วงของการเตรียมเสวยผล
อันเกิดจากการตัดสินใจที่ผ่านมา

.. .. .. .. .. ..

ศึกษาให้หมดทุกศาสตร์
แล้วจะรู้ว่าศาสตร์แห่งกรรมวิบาก
เป็นต้นตอของศาสตร์ทั้งหลายรวมกัน

.. .. .. .. .. ..

สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายตรงหน้า
คือการเวียนเกิดอย่างไม่รู้ว่าเมื่อใดยุติ

.. .. .. .. .. ..

เส้นทางธรรมเป็นเส้นทางเดียวที่มีปลายทาง
จึงเป็นทางเดียวที่ไม่พาไปสู่ความวกวนสูญเปล่า
แม้เบื้องแรกเห็นขอบฟ้าไกลเหมือนไม่มีวันไปได้ถึง
ต่อเมื่อเดินดูเรื่อยๆจึงรู้ว่าไม่ต้องไปไกลให้ถึงขอบฟ้า
สุดทางธรรมจะอยู่ก่อนขอบฟ้ามากนัก
และสุดทางนั้นก็สั้นจนปลายเท้าของชีวิตนี้พาไปได้ถึงแน่

.. .. .. .. .. ..

เหตุผลที่กรรมดำแย่ที่สุด
ก็เพราะมันนำเราไปสู่ความลำบาก
ส่วนเหตุผลที่กรรมขาวยังไม่นับว่าดีที่สุด
ก็เพราะมันยังพาเราออกจากความลำบากไม่ได้
และเหตุผลที่ต้องถือว่ากรรมไม่ดำไม่ขาวประเสริฐสุด
ก็เพราะนั่นเป็นการปฏิบัติเพื่อพ้นจากความลำบากโดยแท้

.. .. .. .. .. ..

โลกไม่ได้มีแค่แรงดึงดูดวัตถุ
ให้ติดแน่นอยู่กับพื้นโลกเท่านั้น
แต่ยังมีแรงดึงดูดใจ
ให้ติดอยู่กับโลก
หรือจมต่ำลงกว่าโลกอีกด้วย

.. .. .. .. .. ..

ยอดสุดของการรู้จักตัวเอง
คือการค้นพบว่าไม่มีตัวฉัน
พบว่ากายอันเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ที่ตั้งของตัวฉัน
พบว่าใจอันแปรเปลี่ยนก็ไม่ใช่ที่ตั้งของตัวฉัน

.. .. .. .. .. ..

สำหรับนักภาวนา
คาถาลดความคาดหวังได้ชะงัดที่สุดไม่ต้องท่องยาว
ทุกเช้าแค่สวดว่า "นับหนึ่งใหม่" เท่านั้นพอ
มันจะทำให้เลิกจำสิ่งที่ทำได้แล้ว
และเลิกหวังว่าจะทำอะไรได้ใหม่บ้าง
ท่องคาถานี้บ่อยๆจะพบว่าเราไม่มีอะไรต้องเสียนอกจากความโลภ
และไม่มีอะไรต้องเอาให้ได้มากไปกว่าความไม่เอา

.. .. .. .. .. ..

เราปฏิบัติธรรมเพื่อทิ้งสิ่งที่มี

ไม่ใช่เพื่อเอาสิ่งที่ยังไม่มี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น