วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ฝันถึงดังตฤณ

ถาม : ฝันว่าคุณดังตฤณมาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ เป็นฝันที่แจ่มชัดมาก อยากทราบว่าที่เห็นนั้นเป็นคุณดังตฤณ หรือภาคหนึ่งของจิตคุณดังตฤณจริงๆหรือเปล่า?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๙

ดังตฤณ: 
ยิ่งผมเขียนหนังสือและบทความมากขึ้น ช่วงหลังก็ยิ่งได้รับคำถามทำนองนี้จากคุณๆมากขึ้นเช่นกัน ก็ขอให้คำตอบพร้อมข้อเท็จจริงไว้ ณ ที่นี้ในคราวเดียวนะครับ

ปรากฏการณ์ทางฝันนับเป็นเรื่องลึกลับชนิดหนึ่ง ที่พวกเราเผชิญกันอยู่ทุกคืน ประสบการณ์ ‘ฝันทั่วไป’ที่เกิดจากการก้าวลงสู่ความหลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินว่าความฝันเป็นคลื่นลมในหัวที่เหลวไหลไร้สาระ ไม่แตกต่างจากความฟุ้งซ่านไร้สติทั่วไป ขณะที่ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งเห็นความฝันเป็นช่องทางเชื่อมต่อกับต่างมิติ เช่น ขอดูเลขหวยงวดที่กำลังจะออก หรือติดต่อกับญาติที่เพิ่งตาย

แต่บางคนก็มีความสามารถพิเศษยิ่งกว่านั้น เช่น นักพยากรณ์ระดับโลกอย่างเอ็ดการ์ เคย์ (Edcar Cayce) ฝึกหลับเพื่อรู้นิมิตเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งหลายคำทำนายของเขาก็ถูกต้องตรงจริง มิฉะนั้นคงไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักประมาณน้องๆนอสตราดามุส

นอกจากนั้น ความฝันเป็นทางมาของผลงานแปลกใหม่ เช่น นักประพันธ์ขายดีข้ามชาติอย่างสตีเฟ่น คิง (Stephen King) ได้พล็อตเรื่องจากฝันระทึกในบางคืนของเขา คีตกวีนามอุโฆษอย่างนิโคโล แพกานีนี่ (Nicolo Paganini) ก็ได้งานเพลงชิ้นสำคัญมาจากการฝันว่าปีศาจสีไวโอลินให้ฟัง

ทุกวันนี้ฝรั่งนักเล่นฝันก็มีเทคนิควิธีใหม่ๆในการใช้ฝันให้เป็นประโยชน์ตามประสงค์ เช่น การฝึกมีสติรู้ตัวในฝันที่สมจริง (Lucid Dreaming) การฝันร่วมกัน (Mutual Dreaming) การใช้ฝันเพื่อเยียวยารักษา (Healing Dreaming) ฯลฯ จริงจังขนาดตั้งเป็นสถาบันวิจัยพัฒนากันใหญ่โตทีเดียว

สรุปว่าความฝันก็สำคัญไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ไม่ต้องเอาอะไรที่กล่าวมาข้างต้นเลยก็ได้ อย่างน้อยคุณคงเคยได้ยินข่าวโจรกลับใจมอบตัว เพียงเพราะฝันร้ายเห็นผีเหยื่อมาทวงแค้นทุกคืน หรือคุณอาจเจอมากับตัวเอง ประเภทต้องย้อนกลับไปหาคนรักเก่า เพียงเพราะทนอารมณ์พิศวาสแทบขาดใจในฝันหวานไม่ไหว หลายครั้งความฝันอาจเปลี่ยนวิธีที่คุณใช้ชีวิต หรือเปลี่ยนการตัดสินใจของคุณได้ จึงไม่ควรดูแคลน หรือมองว่าเป็นเรื่องเล็กที่สักแต่ผ่านไปชั่วคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝันเดิมๆที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และจูงจิตให้ปักใจเชื่อว่านั่นเป็นโลกที่สองของคุณ

ยิ่งถ้าเป็นความฝันที่เกี่ยวกับการพัฒนาจิตวิญญาณ อันนั้นยิ่งต้องถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะหมายถึงว่าคุณจะได้ใช้ชีวิตนี้เป็นประตูสู่ความพ้นทุกข์ หรือหลงวนติดกับอยู่กับวงจรลวงใจเดิมๆ เท่าที่ผมฟังมา นักปฏิบัติธรรมมากรายเล่าว่าตนเองได้วิธีฝึกจิตมาจากพระพุทธองค์หรือเทพพรหมที่มาสอนในฝัน ชาวบ้านธรรมดาหลายรายเปลี่ยนเป็นคนทรงเจ้าเพียงชั่วข้ามคืน โดยอ้างว่า ‘นายเก่า’ มาตามตัว และขอใช้ร่างเพื่อเป็นช่องทางให้ช่วยเหลือมนุษย์เพิ่มบารมี (หรือแปลอีกทีคือหาบริวารเพิ่ม)

ฟันธงกันแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ของพวกนี้มีครับ ที่เป็นเรื่องจริง ไม่ได้อุปาทานไปเอง แต่ส่วนใหญ่โดนสะกดจิตหมู่ ช่วยกันสร้างอาณาจักรในฝันตามรูปแบบที่พากันปักใจเชื่อ แล้วก็เลยพากันฝันเห็นอะไรเหมือนๆกัน หรือคล้ายๆกัน หรือกระทั่งเหมือนได้ไปเจอและพูดคุยกันในอีกโลกหนึ่ง ทั้งที่จริงเป็นโทรจิตผ่านฝัน หรือผ่านภาวะสมาธิที่เชื่อมถึงกัน ซึ่งล้ำสมัยเหนือเทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สายที่ว่าเร็วสุดขีดในปัจจุบัน เพราะในการสื่อสารทางจิตขณะฝันนั้นคุณจะเห็นภาพและเสียงเป็นสามมิติคมชัดไร้ที่ติ ในขณะที่เทคโนโลยีโลกเสมือนผ่านการสื่อสารไร้สาย ยังห่างไกลจาก พ.ศ. ๒๕๔๙ ไปหลายสิบปี

ฝันอันน่าติดใจบางเรื่องอาจดึงดูดให้หลายคนติดอยู่ใน ‘โลกใบที่สอง’ ซึ่งจิตสร้างขึ้นมาเองขณะหลับ พวกนี้อาจเกิดขึ้นได้น้อย เพราะอย่างที่บอกว่าคนเราไม่ค่อยเชื่อความฝันชั่วครู่ชั่วคราว แต่บางคนบทจะเชื่อขึ้นมาก็ถึงขั้นที่จิตสร้างฝันแบบเดิมให้เสพได้เกือบทุกคืนเลยทีเดียว พวกอารมณ์รุนแรง ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวมากๆมักทำกันได้ครับ

เกริ่นเสียยาว ไม่ใช่อะไร อยากปูพื้นเสียก่อนว่าจิตขณะฝันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นจนเกินเลย เอาล่ะ! วกกลับมาตอบให้ตรงคำถามเสียที ขอแจงเป็นข้อๆนะครับ

๑) ความแจ่มชัดสมจริงของฝันไม่ได้แปลว่าฝันเป็นความจริงเสมอไป มันอาจหมายความว่าจิตของคุณนิ่ง มีคุณภาพ มีความสว่างเป็นกุศล เช่นบางคนอ่านหนังสือธรรมะเสร็จแล้วหลับทันที ก็อาจเกิดปรากฏการณ์ทางจิตได้หลากหลาย ขอให้ทำความเข้าใจว่า ‘เรื่องจริง’ ที่เกิดขึ้นแน่ๆคือจิตดีๆนั่นเอง ส่วนเหตุการณ์ในฝันไม่ต้องไปนับก็ได้ว่าจริงเท็จอย่างไร เพราะแก่นสารของชีวิตคุณอยู่ที่จิตเป็นกุศลหรืออกุศล เมื่อหลับด้วยกุศลจิตได้ก็น่าดีใจเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว

๒) คำแนะนำดีๆ ถ้าดีจริงและสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้มาจากฝันก็หาใช่ข้อน่ารังเกียจแต่อย่างใด หากเป็นกำลังใจให้คุณอยากบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี หรือกระทั่งภาวนาบารมี ก็ถือว่าเป็นนิมิตมงคลอันประเสริฐสำหรับตัวคุณเอง ต่อให้คุณฝันว่าคุยกับม้าพูดได้ แล้วม้าให้ข้อคิดอันวิเศษ นำไปใช้ได้จริง เชื่อม้ามันเสียหน่อยก็ไม่เสียหายหรอก ยิ่งถ้าฝันว่าคุยกับคน ก็คงไม่น่าประดักประเดิดที่จะนำมาพิจารณาบ้าง

๓) ผมไม่เคยส่งตัวเองเข้าไปในฝันของคนที่ไม่เคยพบหน้ากัน ฉะนั้นสิ่งที่คุณเห็นในฝันไม่ใช่ ‘ตัว’ ของผม ในขณะที่คุณเห็นผมคุยด้วย ผมอาจกำลังนอนหลับสนิท อาจกำลังนั่งสมาธิเพลินๆ หรืออาจกำลังยืนบิดเอวแก้เมื่อยจากการทำงานหลังขดหลังแข็งอยู่ก็ได้

๔) หากพบว่าสิ่งที่ผมพูด ไม่ใช่อะไรที่คุณเคยได้ยินจากใคร ไม่ใช่กระทั่งข้อเขียนต่างๆของผมในโลกความจริง อันนี้มีความเป็นไปได้หลากหลายครับ แต่ที่น่าจะเป็นมากกว่าอย่างอื่น คือจิตของคุณเองคุยกับตัวเอง โดยเอาผมไปเป็นหุ่นแทนอีกภาคหนึ่งของคุณ

ข้อสุดท้ายนี้ต้องขยายความ และถ้าจะจาระไนกันจริงๆก็คงได้เนื้อความหลายสิบหน้า เอาเป็นว่า ณ ที่นี้พูดแค่สั้นๆว่า เนื้อความทั้งหมดที่คุณอ่านจากหนังสือหรือข้อเขียนใดๆของดังตฤณ ล้วนแล้วแต่ไหลมาจากจิตของผม เมื่ออ่านบ่อยหน่อยถึงจุดหนึ่ง ก็อาจกล่าวว่าคุณสัมผัส ‘กระแสจิตของผม’ ได้

หลายคนอาจรู้สึกเหมือนคุยกับผมต่อหน้าต่อตากันมานาน สะสมแนวคิดและมุมมองของผมไว้ไม่น้อย อันนั้นก็เข้าไปเป็นข้อมูลที่จิตของคุณหยิบจับมาปรุงต่อได้พิสดารสารพัด บางคนเห็นผมตอบคำถามไขข้อข้องใจในฝันได้เป็นฉากๆ ตื่นขึ้นมายังจำได้สนิท นั่นก็เป็นความฉลาดทางจิตของคุณเอง เป็นปัญญาที่เกิดจากการสั่งสมความสว่างและแง่คิดตามจริง

เมื่อใดจิตมีคุณภาพ พร้อมจะมีเหตุผล พร้อมจะรู้เห็นโลกตามจริง เมื่อนั้นจิตย่อมมีคำตอบแก้ข้อสงสัยให้ตัวเองได้เสมอ อาจด้วยการหยั่งรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันตลอดสาย

ความฉลาดขณะหลับฝันนั้น เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครค้นคว้าวิจัยกัน แต่บอกได้อย่างหนึ่ง คือถ้าก่อนหลับคุณสั่งสมกุศลอันเป็นธรรมชาติสว่างไว้มาก ฝึกที่จะมองและยอมรับชีวิตตัวเองตามหลักกรรมวิบาก ตลอดจนฝึกที่จะมองและรู้เห็นกายใจตนเองโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น เมื่อลงสู่ความหลับอย่างมีสติ คุณอาจพบขุมทรัพย์ทางวิญญาณอันล้ำค่า

ในอีกทางหนึ่ง เพื่อให้คำตอบครอบคลุมความจริงทั้งหมด ผมอยากช่วยยืนยันว่าบางกรณี มีครูบาอาจารย์ หรือมีเทพมาเข้าฝันได้จริงๆ กลทางจิตไม่ใช่เรื่องยากนักสำหรับผู้ทรงฌาน คือแค่กำหนดดูวาระจิตอันเป็นปัจจุบันขณะของคนที่ต้องการติดต่อ และรู้ว่าเขากำลังอยู่ในสภาพ ‘พร้อมจะเห็นนิมิต’ อย่างเช่นกำลังหลับไหล หรืออย่างเช่นกำลังเข้าสมาธิได้สว่างนิ่ง ผู้ทรงฌานก็เพียง ‘เชื่อมต่อ’ จากจิตถึงจิตด้วยการนึกว่าจะให้เขาเห็น คงคล้ายกับที่คุณแอบย่องมาข้างหลังใครแล้วเพ่งนึก เหมือนสะกิดให้เขารู้สึกถึงการมาของคุณ หันมาเห็นคุณนั่นแหละ เพียงแต่อำนาจจิตขั้นสูงจะทำได้ยิ่งกว่า ‘สะกิดให้รู้สึก’ เยอะ

เมื่อกล่าวว่าเป็นไปได้จริง ก็ขอกล่าวในอีกทางหนึ่ง คือกรณีของเรียนรู้วิธีฝึกจิตหรือปฏิบัติธรรมจากในฝัน เช่นเห็นพระพุทธเจ้าหรือพระชื่อดังรูปใดมาสอน อันนั้นผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องปลอดภัยนัก เพราะโอกาสเสี่ยงไปเข้าทางมิจฉาทิฏฐิ มีสูงกว่าเข้าทางสัมมาทิฏฐิ จากที่ฟังคำให้การของผู้เรียนกรรมฐานจากครูบาอาจารย์ในฝัน ปรากฏว่า ๙ ใน ๑๐ เป็นอุปาทานเข้าข้างตัวเองที่ไม่รู้ตัว หรือแม้จะเจอ ‘ของสูงมาจริง’ ก็หาใช่นำไปสู่ความพ้นทุกข์เด็ดขาด แต่จะมาชวนให้ไปเป็นบริวารของท่านเสียมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่นครูบาอาจารย์ในฝันมักเริ่มต้นด้วยการแนะนำให้รู้จักกับนิพพาน ส่วนใหญ่จะเห็นเหมือนแดนสุขาวดี มีปราสาทวิมานแก้ว มีดอกบัวสะพรั่ง มีบรรยากาศสงบเยือกเย็นน่าเป็นสุขเหลือประมาณ หรืออีกทีก็เห็นว่านิพพานเป็นอวกาศ มีตัวเองลอยเท้งเต้งอยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ตื่นขึ้นมาแล้วบ่นอุบว่านิพพานไม่เห็นมีอะไร น่าเบื่อจะตาย ผมฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจครับ พวกที่เชื่อว่าตนมีเทพพรหมมาโปรดถึงในฝันนั้น พูดบอกหรือชี้แจงให้เข้าใจยาก เนื่องจากหลงนึกว่าตัวเองมีดีเหนือมนุษย์เสียแล้ว

ถ้าจะเรียนกรรมฐาน ขอแนะนำให้เรียนกับครูบาอาจารย์ที่มีชีวิต มีความสามารถแสดงเหตุผล และคุณสามารถนำไปสอบเทียบกับพระไตรปิฎกได้ ว่าถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนเพียงใด วันหนึ่งเมื่อคุณรู้จักนิพพาน คุณจะรู้ว่าไม่มีรสอะไรเหนือกว่านั้นอีกแล้วจริงๆ และนิพพานก็เป็นสิ่งที่สัมผัสรู้ได้ด้วยจิตขณะตื่นเต็ม ไม่ใช่ต้องหลับฝันหรือพึ่งบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเสียก่อน จิตอันบำเพ็ญบารมีครบพร้อมแล้วนั่นแหละ ที่จะพบว่านิพพานอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขอแค่มองชีวิตจริงให้ถูก มองชีวิตจริงให้เป็นเท่านั้น


หลังจากอ่านคำตอบจบ คืนนี้คุณอาจฝันเห็นอะไรต่ออะไร ก็ขอแนะนำไว้ล่วงหน้า ว่าให้ถือเป็นกำลังใจ แต่อย่ายึดไว้เป็นอุปาทานนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น