ถาม : การข่มขืนเป็นบาปแค่ไหน? มีหลายคดีที่ตอนแรกชายหน้ามืดตั้งใจข่มขืนและผู้หญิงก็ขัดขืน
แต่ต่อมาผู้หญิงสมยอมด้วยความคล้อยตาม
อย่างนี้ถือว่าสิ่งที่ฝ่ายชายเป็นบาปหรือไม่ครับ? ทางกฎหมายมีช่องคือถ้าพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายหญิงสมยอม
ก็ไม่ถือว่าฝ่ายชายผิด หรือมีโทษเบามาก ในทางกรรมวิบากก็เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๒
ดังตฤณ:
บางครั้งการเล่นแง่ทางกฎหมายที่ยึดตัวอักษรและดุลพินิจของศาลเป็นหลัก
ก็ทำให้คนเลวดูดี หรือทำให้คนดีดูแย่ได้ครับ แต่ทางกรรมวิบากจะไม่ยึดอักษรหรือดุลพินิจของใครอื่นมากไปกว่าเจตนาของผู้กระทำการ
ฉะนั้นถ้าเจตนาดีก็เป็นบุญ เจตนาร้ายก็เป็นบาป และไม่มีคนดีคนเลวอยู่ในใครถาวร
ต่างก็สลับบทเป็นเลวหรือดีตามสถานการณ์ หรือตามน้ำหนักของเจตนา
เจตนาข่มขืนนั้นถือเป็นบาปใหญ่ครับ
เนื่องจากเป็นกรรมที่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมกัน
ประมาณยากว่าเกิดความเสียหายมากน้อยขนาดไหนกับคนๆหนึ่ง
ตามธรรมชาติเพศหญิงเป็นฝ่ายถูกกระทำ
และความเสียหายทางเพศก็เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิง
ปมแห่งความหวาดกลัวอาจฝังกายฝังใจไปจนสิ้นลมเพียงเพราะถูกรังแกแค่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม เรื่องของกรรมนั้น ถ้าอยากรู้ผลชัดเจนต้องดูครอบคลุมทั้งหมด
ไม่เฉพาะตัวเจตนาของผู้กระทำ แต่ต้องเล็งกันที่ความเสียหายของฝ่ายถูกกระทำด้วย
เราพอแจกแจงรูปแบบการขืนใจได้คร่าวๆเป็น
๒ ประเภทคือ
๑)
ปลุกปล้ำให้สมยอม หมายถึงใช้กำลังเพื่อให้ฝ่ายหญิงตกเป็นสมบัติของตน โดยคาดหมายได้ว่าเธอจะมีความสุขไปด้วย
ไม่ได้มีเจตนาข่มเหงให้เกิดความบาดเจ็บหรือเจ็บช้ำน้ำใจเป็นหลัก
การปลุกปล้ำให้สมยอมเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ทั้งสองฝ่ายรู้จักสนิทสนม
หรือถึงขั้นเป็นคู่รักกันแล้ว
โทษที่จะเกิดกับชายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลกระทบทางใจของฝ่ายหญิงเป็นสำคัญ
เพราะแม้เบื้องต้นไม่เต็มใจ ไม่สมยอมมอบกายให้ แต่เมื่อทำๆไปแล้วเกิดความโอนอ่อน
และภายหลังไม่ได้เป็นทุกข์ ไม่ได้เดือดร้อนมากมาย ก็แสดงว่ามีใจให้ฝ่ายชายอยู่ก่อน
แต่การปลุกปล้ำให้สมยอมมีความเสี่ยง
คือไม่รู้จะออกหัวออกก้อยอย่างไรแน่ เพราะแม้เล็งว่าเธอคงยินดี แต่ความจริงอาจไม่ใช่อย่างนั้น
แค่ความแตกต่างทางภาษากายเล็กๆน้อยๆระหว่างปลุกปล้ำ
ก็อาจพลิกความรู้สึกของผู้หญิงจากค่อยๆยอมโอนอ่อน
กลายเป็นทวีความรุนแรงในการปฏิเสธได้อย่างรวดเร็ว
หรือถึงขั้นเคืองแค้นแบบเลิกคบไม่ต้องเผาผีกันเลย
ความต่างเกี่ยวกับเจตนาของฝ่ายชายยังแยกย่อยได้อีกมาก
เช่น ชายบางคนหมายจะลิ้มลองเฉยๆ ในขณะที่บางคนใจร้อน อยากได้เร็วๆ
แล้วค่อยแห่ขันหมากไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวภายหลัง เหล่านี้ก็ให้ผลต่างด้วย
ถ้าเพียงคิดไว้ในใจว่ามีจังหวะกับหญิงอื่นเมื่อไหร่จะเอาอีก
ก็เท่ากับผูกใจไว้กับภพแห่งความเป็นนักเลงเล่นหญิง
พอถึงเวลาที่กรรมเผล็ดผลก็อาจกลายเป็นเพศหญิงที่ถูกมองเป็นของเล่นสนุกบ้าง
แต่หากปล้ำด้วยใจรัก
คิดไว้ว่าจะรับผิดชอบแน่นอน
ตลอดจนรู้ๆอยู่ว่าฝ่ายหญิงก็มีใจให้และเชื่อมั่นว่าสามารถทำให้เธอมีความสุข
อย่างนี้โทษของการปลุกปล้ำอาจมาในรูปของการผูกกรรมกันโดยเฉพาะ
กล่าวคือฝ่ายหญิงจะรู้สึกว่าเธอเป็นเจ้าหนี้สามารถทวงหนี้คืนในรูปแบบไหนก็ได้
เพราะฝ่ายชายเริ่มก่อน คือเป็นฝ่าย ‘ปล้นสมบัติ’ ของเธอไป
ดังนั้นฝ่ายชายจึงต้องมีหน้าที่สำนึกผิดและชำระคืน ซึ่งแน่นอนครับว่าแพง เนื่องจากนารีมีรูปเป็นทรัพย์ ยิ่งทรัพย์งามเพียงใดก็ต้องคิดดอกเบี้ยมหาโหดเพียงนั้น
ฉะนั้นอย่าแปลกใจ
หากได้เธอมาโดยมิชอบ ก็เป็นธรรมดาที่จะโดนเรียกร้องนั่นเรียกร้องนี่ไม่มีวันจบวันสิ้น
เผลอๆความผูกใจว่าคุณเป็นลูกหนี้เธอ อาจข้ามภพข้ามชาติไปเลยทีเดียว
อีกประการหนึ่งที่ควรคำนึง
คือความยอกย้อนทางอารมณ์ของผู้หญิงจะมากกว่าผู้ชาย เพราะเป็น ‘ฝ่ายเสีย’
ถึงแม้ถูกเร้าให้คล้อยตามได้ หรือร่วมสุขไปด้วยได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ภายหลังอาจกลับเปลี่ยนเป็นเสียดาย เสียใจ และเสียความรู้สึกกับฝ่ายชาย
กล่าวตรงนี้เพราะอยากบอกคุณๆที่คิดว่า ‘ไม่เป็นไร’ หรือ ‘ปล้ำไปปล้ำมาเดี๋ยวก็ชอบเอง’
นั้น นับว่าเสี่ยงที่จะเดาผิดนะครับ
ผลของการเดาผิดก็อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เช่น เสร็จเรื่องแล้วเธออาจเครียด
ไม่กินข้าวกินปลา การเรียนหรือการงานตกต่ำ
ที่เคยกระหนุงกระหนิงกับคุณก็กลายเป็นบึ้งตึงใส่
หรือที่เคยชอบพออยู่บ้างก็อาจเปลี่ยนเป็นเกลียดและขยะแขยง ฯลฯ
อะไรๆเป็นไปได้ทั้งนั้น
ผมเคยได้ยินนักจิตวิทยาบางคนพูดนะครับ
ว่าผู้หญิงที่กลัวเพศสัมพันธ์มากๆนั้น ต้องแก้ด้วยการให้แฟนที่รักและไว้ใจปลุกปล้ำเสียบ้าง
มันก็อาจถูกในเชิงวิชาการ แต่ขอบอกว่าอาจเสี่ยงในความเป็นจริง
เพราะนอกจากความซับซ้อนทางอารมณ์ของผู้หญิงแล้ว
ยังมีตัวแปรคือความสามารถของผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อะไรๆในโลกไม่มีบทสรุปตายตัวหรอกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ควรทำอย่างนั้น
จะเหมาะหรือไม่เหมาะขึ้นอยู่กับว่าใครทำกับใคร เมื่อไหร่ และอย่างไรมากกว่า
๒)
ทำร้ายเพื่อขืนใจ หมายถึงการข่มขืนของจริง ชนิดที่ไม่อาจคาดหมายได้เลยว่าฝ่ายหญิงจะมีความสุขจากการเป็นฝ่ายถูกกระทำ
และฝ่ายชายอาจใช้รูปแบบใดๆ นับแต่การข่มขู่ด้วยอาวุธ
ตลอดจนกระทั่งการตบตีชกต่อยให้เจ็บปวด
การทำร้ายเพื่อขืนใจเกิดขึ้นกับหญิงแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมักจี่
หรือรู้จักแต่เป็นศัตรูกันอยู่ หรือกระทั่งรู้จักสนิทแต่มีลักษณะต้องห้ามบางประการ
เช่น เป็นญาติเป็นหญิงที่ยังอยู่ในการปกครองเลี้ยงดูของพ่อแม่
หรือเป็นภรรยาของผู้อื่น แม้ฝ่ายหญิงจะเกิดความยินดีในเพศรสขึ้นมาบ้างตามธรรมชาติ ก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาน้ำหนักบาปของชายโฉดลงสักเท่าใด
เพราะเจตนาแต่แรกของชายโฉดมิใช่เพื่อให้ฝ่ายหญิงเป็นสุข
กับทั้งคาดหมายได้ว่าเสร็จกามกิจแล้วเธอจะต้องทุกข์ทรมานทั้งกายทั้งใจอย่างใหญ่หลวง
จะเป็นชายโฉดได้ต้องมีความชั่วร้ายในจิตใจ
มโนธรรมต่ำเข้าใกล้ศูนย์ ซึ่งถ้าถามหาว่าใครผิด ใครเป็นคนทำให้มโนธรรมตกต่ำ
เล็งหาไปเล็งหามาคงไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นราคะและโทสะต่างหาก
ถ้าลงมือข่มขืนโดยเริ่มจากความมีราคะกล้า
เช่น เห็นผู้หญิงนุ่งห่มล่อแหลมเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
อย่างนี้พอทนไม่ไหวก็นำมาซึ่งรูปแบบการข่มขืนที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย
ฉายให้เห็นสัญชาตญาณดิบแบบเดียวกับเดรัจฉาน กรรมที่ทำจึงมีแนวโน้มว่าจะดึงดูดไปสู่ภพแห่งความเป็นเดรัจฉาน
ที่สมสู่ได้โดยปราศจากความละอายหรือ ขาดความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ
แต่ถ้าลงมือข่มขืนโดยเริ่มจากความมีโทสะแรง
เช่น อาฆาตแค้นนายจ้างสาวที่ข่มขี่ด้วยวาจาผรุสวาทหรือตบตีเตะถีบด้วยมือเท้า
อย่างนี้รูปแบบการข่มขืนจะเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ใกล้กันมากกับการคิดฆ่ากันให้ตาย
อันเป็นกรรมร้อนแรงเผาผลาญได้ในระดับไฟนรก
คือทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น
กรรมที่ทำจึงเป็นไปเพื่อภพแห่งความเป็นสัตว์นรกมากกว่าอบายภูมิอื่นที่โทษเบากว่า
ดังกล่าวแล้วว่าการทำร้ายเพื่อขืนใจนั้น
อย่างน้อยขณะนั้นต้องชั่วจริงๆถึงจะออกแรงทำได้สำเร็จ สำคัญคือถ้าทำได้ครั้งหนึ่ง
ก็มีแนวโน้มที่จะทำได้อีก ยิ่งทำมากขึ้นเท่าไร
แนวโน้มที่จะย่ามใจกับการลงมือก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เรียกว่ายอมก้มหน้าให้ซาตานรดน้ำมนต์จนศีรษะชุ่มโชก หน้ามืดหน้ามัวลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเมื่อใด
ก็หมดความเป็นผู้เป็นคนไปเมื่อนั้น
กรณีที่เพิ่งก่อคดีข่มขืนแค่ครั้งสองครั้ง
โทษทัณฑ์เช่นถูกจับขังคุกหรือถูกรุมประชาทัณฑ์ในชาติปัจจุบันอาจได้น้ำหนักพอจะปลดหนี้กรรมได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสำนึกผิดด้วยใจจริง และไม่คิดทำอีกเลยตลอดไป
แต่หากเคยมีความสุขบน ความทุกข์ของผู้หญิงมามากหน้าหลายตา
จนจิตใจถูกห่อหุ้มด้วยบาปอกุศลมืดคลุ้มเกินกว่าจะสำนึกผิด
อย่างนี้ต่อให้เข้าคุกตลอดชีวิตหรือกระทั่งถูกประหาร ก็ยากจะเปลื้องหนี้หมด
ต้องไปผ่อนส่งต่อในอบายภูมิค่อนข้างแน่นอน
สำหรับอาชญากรทางเพศที่ทำผู้หญิงมามากด้วยความสะใจ
ไม่สำนึกผิด ไม่อยากกลับตัวเลยจนตายนั้น เมื่อพ้นจากอบายแล้ว
ก็มักต้องเกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิงด้วยชะตาไม่สู้ดี มีแต่การสั่งสมพฤติกรรมทางเพศแบบผิดๆ
กระทั่งเป็นไปได้ที่จะมีความสุขกับการถูกทรชนข่มขืน
ด้วยความรู้สึกลึกๆที่อธิบายใครไม่ได้เหมือนเป็นวิถีทางของตนที่ต้องชดใช้ให้หมดๆ
หรือกลั่นเป็นคำพูดจากก้นบึ้งก็อาจว่า ‘โดนแค่นี้ดีกว่าที่เคยเจอในนรก!
กามนั้นดูเผินๆเหมือนเป็นสุข
หรือกระทั่งพาไปสู่สุดยอดแห่งความสุข แต่แท้ที่จริง หากเห็นให้ครบทุกแง่มุม
คุณจะรู้สึกว่ากามคือเครื่องล่อให้สรรพสัตว์ติดวนอยู่กับ ทุกข์
ทั้งทุกข์เพราะไม่พ้นไปจากการเกิดแก่เจ็บตาย และทั้งทุกข์เพราะกรรมอันดึง ให้ตกต่ำลงสู่อบายภูมิครับ
** IG **
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น