ถาม : ถ้าใครได้รับความช่วยเหลือจากเรามากๆ
เขาจะต้องเป็นคนใช้เราในชาติต่อๆไปหรือเปล่าครับ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๒
ดังตฤณ:
ไม่จำเป็นหรอกครับ คนที่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณมากๆโดยที่คุณเต็มใจเอง หยิบยื่นเอง อันนั้นก็ไม่ถือว่าเขาใช้สอยคุณแต่อย่างใด
การช่วยเหลือกระทั่งเขาซาบซึ้งน้ำใจคุณ
และอาจยังไม่มีโอกาสตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในชาตินี้
จะมีผลอย่างไรในชาติถัดไปก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เขาได้รับความช่วยเหลือด้วย เช่น
๑)
หากคุณช่วยเปลี่ยนเขาจากร้ายให้กลายเป็นดี ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และกำลังสมอง
ทั้งหว่านล้อมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นกงจักรเป็นกงจักร
เห็นดอกบัวเป็นดอกบัว ตลอดจนพาไปกราบครูบาอาจารย์ผู้เป็นแสงสว่าง เป็นที่พึ่ง
อย่างนี้เมื่อพบกันอีกในชาติถัดมาเขาจะเชื่อคุณ ยอมคล้อยตามคุณ ยกให้คุณเป็นผู้นำทางความคิด
แม้ว่าเขาจะเป็นคนหัวรั้นมาตลอดชีวิต ไม่เคยยอมฟังใครเลยก็ตาม
๒)
หากคุณช่วยเขาเปลี่ยนสถานการณ์ลำบากให้กลายเป็นสบายขึ้น เช่น ช่วยปลดหนี้ให้เขา
ไม่ทำให้เขาต้องเสียบ้านเสียรถ หรือช่วยให้เขารอดจากคุก
เมื่อพบกันอีกในชาติถัดมาเขาจะอยากช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับคุณ
และมักมารู้จักกับคุณทันสถานการณ์ลำบากบางประการ
เพื่อให้เขาแสดงฝีมือหรือน้ำใจช่วยเหลือ
แม้ปกติเขาจะไม่ใช่คนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อใครต่อใครเท่าใดนักก็ตาม
ย้ำว่าทั้งสองกรณีหลักๆข้างต้น
เป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่ว่าผู้ถูกช่วยเหลือเขาซาบซึ้งและสำนึกบุญคุณ
ในความเป็นจริงความสำนึกบุญคุณจดจำฝังใจไม่ใช่ธรรมชาติของสัตว์ทั้งหลาย
เนื่องจากสัตว์ทั้งหลายติดอยู่กับธรรมชาติดิบๆ คือเห็นแก่ตัว เอาเข้าตัว
กะเกณฑ์ให้คนอื่นทำเพื่อตัว ฉะนั้นผลจากการช่วยเหลือและได้รับความช่วยเหลือ
จึงไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบของการตอบแทนกันเสมอไป
มองภาพรวมคุณจะเห็นโลกนี้มีคนอยู่สองกลุ่มใหญ่
กลุ่มที่หนึ่งพร้อมจะแบมือขอความช่วยเหลือ
กลุ่มที่สองยินดีจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ โดยกลุ่มแบมือขอมีขนาดใหญ่มหึมา
ส่วนกลุ่มยื่นมือช่วยมีแค่หยิบมือเดียว
แถมกลุ่มยื่นมือช่วยมีสิทธิ์ถูกยักย้ายถ่ายเทมาเป็นกลุ่มแบมือขอได้ง่าย
แค่เข็ดหรือเจ็บใจหนักๆสักครั้งสองครั้ง
ส่วนกลุ่มแบมือขอก็เป็นไปได้น้อยที่จะถูกยักย้ายถ่ายเทมาเป็นกลุ่มยื่นมือช่วย
ต้องเกิดแรงบันดาลใจอย่างใหญ่หลวงกันจริงๆ
กลุ่มแบมือขอจะไม่มีโอกาสเป็นใหญ่
เป็นผู้นำ เพราะเสวยภพของนักพึ่งพา ถ้าได้เพื่อนเป็นพวกยื่นมือช่วย
ตนเองก็จะมีศักดิ์ศรีด้อยกว่า และมักเป็นฝ่ายต้องอิจฉาตาร้อนสารพัด
ยากจะเขยิบขึ้นมามีความรู้สึกทัดเทียมเพื่อนได้
ส่วนกลุ่มยื่นมือช่วยนั้น
เมื่อเสวยภพนักช่วยเหลือหลายชาติหลายสมัยเข้า
ก็ชักเสพติดรสสุขอันเกิดแต่มหากรุณาที่มีความเยือกเย็นไพศาลล้ำลึก
กระทั่งรักการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นชีวิตจิตใจ บารมีเติบกล้ากลายเป็นนิสัยโพธิสัตว์
ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้เต็มไปด้วยความไยดีอาทรต่อสรรพสัตว์
อยากรื้อถอนสัตว์ออกจากห้วงสมุทรแห่งความทุกข์
จึงพลอยมีกำลังใจไม่จำกัดดุจห้วงมหาสมุทรแห่งความกรุณา เขาย่อมมีกำเนิดที่ใหญ่และเป็นผู้นำแทบทุกครั้ง
เหมือนเกิดมามีหน้าที่ต้องช่วยคนจำนวนมาก
แต่ขณะเดียวกันก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นการตอบแทนจากทั่วทุกสารทิศเช่นกัน
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น