ถาม : ถ้าหากเกิดมาไม่เคยมีปมปัญหาทางเพศในวัยเด็ก
แต่เห็นเพศสัมพันธ์เป็นของต่ำ ไม่เคยรู้สึกยินดีกับชายคนไหนเลยแม้เป็นคนรัก
อย่างนี้ถือเป็นความผิดปกติอันเกิดจากการทำกรรมแบบไหนหรือเปล่าคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๑
ดังตฤณ:
เรื่องเพศเป็นเรื่องติดตัว ทุกคนถือกำเนิดด้วยเพศ และมีอวัยวะเพศเป็นเครื่องฟ้องว่ายังไม่หลุดพ้นจากเรื่องเพศมาแต่เกิด หากมองทั้งตัวมนุษย์ที่ปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้ม เห็นโดยความเป็นนิมิตหนึ่งที่ยังไม่ว่างเปล่า คุณจะรู้สึกถึงความเป็นของเกลือกกลั้วอยู่กับความยุ่ง แยกเป็นต่างหากได้ยาก โดยเฉพาะจุดเชื่อมต่อทางเพศอันเป็นของต่ำนั้น เป็นแรงดึงดูดสำคัญให้เพศตรงข้ามเข้ามาหาหรือเข้าไปหาเพศตรงข้าม เป็นเหตุให้ติดอยู่ ค้างคาอยู่ หลุดพ้นจากความเป็นเช่นนี้ลำบาก ต้องทวนกระแสกันจริงๆถึงจะเอาตัวรอดสำเร็จ
กฎของจักรวาลข้อแรกๆมีอยู่ว่า
‘ของต่ำเป็นแหล่งกำเนิดแรงดึงดูด’ หมายความว่าถ้าอยู่เฉยๆทุกสิ่งจะไหลลงสู่ที่ต่ำ
ไม่ว่าวัตถุหรือจิตใจ จะไม่มีสิ่งใดขึ้นสูงได้เองโดยปราศจากการส่งกำลังทวนกระแส
แม้พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสครับว่าจิตนั้นมีธรรมชาติไหลลงต่ำ
หากไม่อาศัยทาน ศีล ภาวนาแล้วล่ะก็ บุคคลไม่อาจรอดพ้นจากอบายภูมิได้เลย
ไม่เชื่อคุณลองเลิกทำบุญ ทอดหุ่ย ปล่อยแขนปล่อยขาหมดอาลัยตายอยาก
ดูซิว่าใจมันจะคิดเรื่องดีหรือเรื่องร้าย จะสดใสเบิกบานหรือหดหู่เศร้าหมอง
เมื่อมองแบบพุทธว่าเพศเป็นสิ่งดึงดูดจากเบื้องล่าง
การมีจิตใจเป็นอิสระจากเรื่องเพศจึงนับว่าดี มีความใกล้ต่อการหลุดพ้นจากเครื่องยึดติดให้เกิดด้วยเครื่องเพศ
การไม่มีความรู้สึกทางเพศ
หรือถึงรู้สึกก็รู้สึกว่า ‘เป็นเรื่องต่ำ’ นั้น ผมขอแยกออกเป็น ๒ ประเภทหลักๆคือ
๑) ผิดปกติ
หมายถึงมีประสบการณ์เลวร้ายทางเพศ กลายเป็นปมฝังใจ เช่น
ถูกลวนลามจากคนในบ้านตั้งแต่เด็ก หรือถูกข่มขืนในวัยสาว
พานให้รังเกียจเรื่องเพศสุดใจ นึกถึงแล้วขยะแขยงเกินกว่าจะยอมเอาตัวเข้าไปหา
อย่างไรก็ตาม
ความผิดปกติเป็นสิ่งที่ทำให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้
หากพบกับชายอันเป็นที่รักอย่างแท้จริง ค่อยๆใกล้ชิดเห็นใจกัน
จนเกิดความรู้สึกถึงกระแสสะอาดในรัก รู้สึกอบอุ่นใจ
เหมือนได้น้ำดีใหม่ๆท่วมทับชะล้างน้ำเสียเก่าๆ
เมื่อกำแพงทางอารมณ์พังทลาย
หลงลืมประสบการณ์เลวร้ายด้วยความรักอันอ่อนโยน ธรรมชาติทางเพศก็กลับมาเอง
เพราะบอกแล้วว่าคนเรามีเพศเป็นของติดตัว ไม่ไปไหน หากปราศจากสิ่งกีดขวาง
อย่างไรก็ตั้งอยู่ตรงนั้นเอง
ความจริงความผิดปกติทางอารมณ์เพศของผู้หญิงมีสาเหตุได้ร้อยเล่มเกวียน
ฝรั่งเขียนตำราได้ไม่รู้กี่พันเล่ม เช่น ผู้หญิงบางคนมีความคิดแบบเดียวกับผู้ชาย
คืออยากเป็นผู้นำ หรืออยากทัดเทียม ไม่อยากตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย
เมื่อใดเป็นเบี้ยล่างก็รู้สึกแย่กับภาวะของตนเอง
พานให้อยากไปมีอะไรกับเพศเดียวกันที่อ่อนแอกว่าตน อะไรทำนองนั้น
๒) เหนือปกติ
หมายถึงมีประสบการณ์แสนดีทางจิต กลายเป็นความผูกพันกับการหลุดพ้น เช่น
ปฏิบัติสมาธิภาวนาจนลิ้มรสมหาปีติสุขในฌานสมาบัติ หรือเกิดความหยั่งทราบชัดว่ากายใจนี้ไม่เที่ยง
ไม่ใช่ตัวตน จึงรังเกียจเรื่องเพศที่เป็นสุขชั้นต่ำ
นึกถึงแล้วระอิดระอาว่าเป็นของไม่น่าชอบใจ
เหมือนไม่คุ้มกับการเอาทะเลทิพย์ไปแลกกับน้ำหวานรสเฝื่อนเจือกลิ่นเหม็นหืนแก้วเดียว
อย่างไรก็ตาม
ความเหนือปกติอาจถูกดูดคืนเข้าสู่ภาคพื้นเบื้องต่ำได้
หากร้างราจากการบำเพ็ญเพียรภาวนา กระทั่งสภาพจิตตกกลับสู่สามัญ
หลงลืมความสุขยิ่งใหญ่ในฌาน หรือกลับมายึดมั่นถือมั่นอีกว่ากายใจนี้เที่ยง
กายใจนี้เป็นของฉัน
เมื่อแรงฉุดขึ้นสูงหายไป
ธรรมชาติทางเพศก็กลับมาทวงอำนาจคืน ถ้าอำนาจทางเพศน้อย ป่านนี้หลุดพ้นไปนิพพานกันไม่เหลือแล้วครับ
เอาเฉพาะกรณีของคุณ
เมื่อบอกว่าไม่มีปมปัญหาทางเพศ อยู่ๆรังเกียจเรื่องทางเพศเองมาแต่ไหนแต่ไร
แม้กับชายคนรักก็ไม่รู้สึกยินดี เช่นนี้ก็น่าสันนิษฐานว่าเป็นเรื่อง ‘เหนือปกติ’
ไม่ใช่ ‘ผิดปกติ’ กล่าวคืออดีตชาติใกล้ๆนี้ น่าจะบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ผลมาพอสมควร
และอาจเป็นผู้ตั้งความปรารถนาที่จะหลุดพ้นอย่างแรงกล้าตั้งแต่เป็นนางฟ้านางสวรรค์
อะไรทำนองนั้น อำนาจของการภาวนาหรือความปรารถนาฝ่ายสูง จึงกดความรู้สึกทางเพศไว้
ไม่เห็นเป็นเรื่องน่ายินดีเหมือนคนอื่นๆ
เพื่อจะแน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเป็นเรื่อง
‘เหนือปกติ’ ต้องดูด้วยว่าคุณสบายเนื้อสบายตัว
ไม่เป็นทุกข์กับการห่างจากเพศสัมพันธ์ หากลองถือศีลแปดแล้วยิ่งสงบสุข
ปฏิบัติธรรมภาวนาแล้วยิ่งมีจิตประณีตลึกซึ้ง
ใฝ่หาความพ้นไปจากการเกิดตายด้วยเพศอย่างเด็ดขาด อันนี้ส่องสะท้อนได้ชัด
เป็นเครื่องยืนยันที่ไม่น่าสงสัยอะไรอีกแล้ว คุณมาเพื่อทำชาตินี้ให้เป็นที่สุด
เกิดครั้งสุดท้ายเพื่อรู้ว่าไม่มีใครเกิดมาอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น