ถาม : ผมเพิ่งโดนขโมยของมีค่าไปร่วมสองแสนระหว่างเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัด มีคนแนะนำให้สะเดาะเคราะห์ ผมก็ไปที่วัดหนึ่ง ซึ่งมีพระกำลังประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ ทีแรกรู้สึกร้อนวูบๆวาบๆ แต่ก็แปลกใจที่เมื่อญาติโยมลุกไปหมดแล้วท่านชี้ตัวผมว่าให้อยู่ก่อน และบอกถูกหมดเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา รวมทั้งระบุว่าราหูกำลังครอบแขนครอบขา เร็วๆนี้อาจต้องเสียอวัยวะ ผมกลัวมาก กระวนกระวายร้อนใจ คำแนะนำของท่านคือให้บวชสัก ๗ วันหรือ ๑๕ วัน แต่ใจผมไม่พร้อมเลย อยากทราบว่าพระท่านรู้จริงหรือไม่? ท่านไม่ได้เรียกร้องเงินทองหรือแม้แต่จะให้ไปบวชกับท่านนะครับ
> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘
ดังตฤณ:
ถ้าตัดสินจากพฤติกรรมของพระ ก็ต้องบอกว่าท่านหวังดีกับคุณนะครับ ในส่วนของคุณเองถ้าเกรงจะถูกหลอก ก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปหาท่านอีก เพราะได้รับคำแนะนำสำเร็จรูปมาเสร็จสรรพหมดแล้ว คือให้ไปบวชแก้เคราะห์เสีย
ตามหลักของพุทธเรา วิธีสะเดาะเคราะห์ที่ดีที่สุด หรืออีกนัยหนึ่งวิธีโยกย้ายเงาราหูออกไปจากหลังของเรา ก็คือทำจิตให้เย็น มีสติให้มาก อาศัยเหตุการณ์ที่เราเพิ่งเผชิญมานั่นแหละเป็นบทฝึก ยิ่งเร่าร้อนกระวนกระวายมากเพียงใด เมื่อสามารถระงับเสียได้ ก็จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าความเย็นมากขึ้นเพียงนั้น
เมื่อใดใจเย็น เมื่อนั้นแปลว่าราหูหายไปจากใจ แม้ราหูจะยังครอบหัว ครอบตัว ครอบแขน ครอบขา ก็จะไม่อาจครอบใจเราได้ ต่อให้ต้องตายไปเดี๋ยวนั้น คุณก็จะได้ดีกว่าที่เป็น ได้เย็นกว่าที่เคย เพราะดับความกระวนกระวายในภพเก่าลงสนิทแล้ว
กรณีของคุณเริ่มมาจากการโดนโจรกรรมของมีค่า ใจเร่าร้อนเพราะเสียดาย ใจเคียดแค้นเพราะไม่อาจเอาคืน คุณใช้เป็นบทฝึกให้อภัยได้ไหม? ถ้าให้ได้ คุณจะรู้จักความสงบที่ลึกซึ้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เงินสองแสนมีอำนาจกระทำจิตของคุณให้มืดหรือสว่าง? หายไปสองแสน หรือได้ทำทานสองแสน นั่นเป็นสิ่งที่ใจคุณเลือกได้
ถ้ารู้จักทำทานสองแสนเสียครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อๆไปจะรู้ว่าต้องจัดการกับจิตใจของตัวเองอย่างไร เมื่อสูญเสียน้อยกว่านั้น หรืออาจจะมากยิ่งกว่านั้น คุณอาจได้ชื่อว่าใช้เงินสองแสนซื้อระดับชีวิตใหม่ ที่เป็นสุขได้แม้ในสถานการณ์ที่ต้องเป็นทุกข์ วันหนึ่งคุณอาจมองย้อนกลับมา แล้วเห็นว่าปี ๒๐๐๖ นี้เป็นปีทอง ใครคนหนึ่งได้สองแสนบาทไปเป็นโทษ ส่วนตัวคุณเองเสียสองแสนบาทเพื่อเป็นประโยชน์ในระยะยาว
คุณจะเป็นไม่กี่คนในโลก ที่รู้จักกับความสุขแปลกใหม่ มีแก่ใจคิดออกมาได้ว่า ‘จงเอาสองแสนไปใช้ให้เป็นสุขเถิด’ ลองดูไหมว่าถ้าคิดได้ขนาดนี้จะรู้สึกอย่างไร ไหนๆทรัพย์ก็สูญไปอย่างยากจะตามกลับแล้ว ลองได้อะไรวิเศษๆทางใจกลับคืนมาบ้าง อย่างน้อยคงดีกว่าอุ้มทุกข์เป็นของแถมแน่นอน คิดได้แล้วถามเพื่อนๆดู ว่าหน้าตาคุณเหมือนคนเพิ่งโดนเชิดสองแสน หรือเหมือนคนเพิ่งได้ทำบุญสองแสน
หากฝังใจเคียดแค้น คุณอาจได้ชื่อว่าเลี้ยงความกลัวเอาไว้ ถ้าอดไม่ได้ก็อาจใช้ความกลัวนั่นเอง เป็นบทฝึกพิจารณาความไม่เที่ยงในชีวิต ก็ในเมื่อชีวิตที่เคยปรากฏเป็นของแน่นอน กลับกลายเป็นของไม่แน่นอน ชีวิตที่นึกว่าอยู่ในมือ กลับกลายเป็นชีวิตที่ฝากไว้กับชะตาอย่างไรไม่อาจรู้ได้
พิจารณาความเสียดาย ดูเข้าไปตรงๆ คุณจะเห็นว่าเดี๋ยวใจก็ยึดมากบ้าง เดี๋ยวใจก็ยึดน้อยลงบ้าง กะแค่ความแน่นอนทางใจยังไม่มี แล้วคุณจะมีสมบัติใดอยู่จริง สิ่งที่คุณมีจริงก็แค่ ‘เรื่องไม่น่ายึดมั่นถือมั่น’ เท่านั้นเอง หากเห็นตามนี้ได้ คุณจะมีสติและความตื่นรู้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สะเดาะเคราะห์ตามวิถีพุทธนั้น ถ้ารู้จักวิธีจริงๆ จะบวชหรือไม่บวชก็ได้ครับ ผ้าเหลืองอาจช่วยให้คุณอภัยและตื่นรู้ได้ง่ายขึ้น หากบวชที่วัดดี และอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ตรงทาง
ในส่วนของการตอบแทนคุณ แม้จะไม่ไว้ใจพระที่ให้คำแนะนำอย่างไร ผมก็คิดว่าคุณควรไปใส่บาตร ถวายสังฆทานกับท่านบ้างก็ดี และขอถือโอกาสบอกไว้กว้างๆเลย ว่าการทำบุญสะเดาะเคราะห์นั้น แต่ละคนให้คำแนะนำไม่เหมือนกัน หากคุณได้รับคำแนะนำประเภทเรียกร้องทรัพย์เข้าตัวผู้แนะนำ ก็ขอให้ระมัดระวังดีๆ เพราะไม่มีคนขี้โลภที่ไหนมีคุณวิเศษพอจะแก้เคราะห์ให้คนอื่นตามวิถีพุทธหรอกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น