ถาม : รู้จักอยู่คนหนึ่ง
เขาชอบทำบุญอยู่เรื่อยๆ แต่ใจกลับไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อว่ากรรมมีผล
สรุปคือแม้แต่ทานที่เขาให้ไปเขาก็ไม่เชื่อว่าจะสนองคุณตกรางวัลเขาเมื่อไหร่ ที่ไหน
อย่างนี้เขาจะได้บุญหรือรับผลบุญในอนาคตไหมครับ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘
ดังตฤณ:
พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าทำเหตุถูก แม้ไม่ต้องการผล ก็ต้องได้รับผลอยู่วันยังค่ำ อย่างเช่นการให้ก็คือการให้ เขาได้กระทำเหตุคือการให้ไว้แล้ว ก็ย่อมได้รับผลเป็นการได้ในภายหลัง ส่วนจะได้อย่างไพบูลย์หรือไม่ ต้องดูองค์ประกอบทางใจหลายๆข้อ ไม่ใช่แค่เชื่อหรือไม่เชื่อวิบากกรรมแล้วจะได้รับรางวัลเพิ่มหรือลดฮวบฮาบ
ยกตัวอย่างเช่นถ้าเขาให้ทานด้วยความตั้งใจสงเคราะห์ผู้รับอย่างแท้จริง
แม้เขาเป็นผู้ไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากเลย ในกาลที่กรรมเผล็ดผล
เขาก็จะเป็นผู้มีความสามารถซื้อหาสิ่งของน่าชอบใจมาบำรุงสุขให้ตัวเองอย่างเหลือล้น
และเขาย่อมเป็นที่น่าต้อนรับ
เมื่อพลาดพลั้งต้องตกอับย่อมมีผู้เห็นแล้วสงสารอยากช่วยเหลือ เป็นต้น
ตรงข้าม
แม้ปากบอกเชื่อเรื่องกรรมวิบาก แต่หากองค์ประกอบของการให้ทานบกพร่อง
เช่นตั้งหน้าตั้งตาทำบุญเพียงเพราะหวังได้ลาภอามิสสนองคืน
อย่างนี้ในกาลที่กรรมเผล็ดผล เขาก็จะได้รับผลเพียงน้อยเท่านั้น
และอาจจะเป็นพวกขี้โลภ ใครเห็นก็นึกหมั่นไส้ไม่อยากช่วยเหลือแม้กำลังลำบากอยู่แท้ๆ
มีบางกรณีเหมือนกันครับ
ที่ไม่เชื่อกรรมวิบากแล้วทำทาน ก็ต้องใช้กำลังใจอย่างใหญ่หลวง
เช่นเศรษฐีบางคนสละทรัพย์ของตนให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนเกือบหมดเกลี้ยง
โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆในชาตินี้ แล้วก็ไม่ได้มาดหมายว่ามีชาติหน้า
ก็หมายความว่าเขาเล็งประโยชน์เพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
ให้ในความหมายของการให้อย่างถ่องแท้ ผลย่อมใหญ่ครอบโลกตามกำลังของจิตไปด้วย
หมายความว่าเกิดใหม่ในจังหวะที่กรรมเผล็ดผล
ย่อมไม่มีอะไรในโลกที่เขาอยากได้แล้วเกินกำลังซื้อหา
อย่างไรก็ตาม ต้องกล่าวตามสัจจะครับ
ว่าถ้าองค์ประกอบของการให้ทานครบพร้อม คือคิดสงเคราะห์ด้วย เชื่อในผลของทานด้วย
ก็ย่อมยังจิตให้เกิดศรัทธาปสาทะ ตั้งมั่นเป็นโสมนัสได้ยิ่งใหญ่ที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น