ถาม : สงสัยจริงๆ ว่ากรรมอะไรทำให้บางคนถึงหัวปักหัวปำเชื่ออะไรผิดๆ
ทั้งที่น่าจะเห็นชัดๆว่านั่นผิด นั่นเหลวไหล
ทำไมเขากลับไม่เห็นหรือรู้สึกแม้แต่น้อย?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๖
ดังตฤณ:
ตอนที่รู้สึกว่าตัวเองถูก ไม่มีใครเชื่อว่าตัวเองผิดหรอกครับ ทุกคนมีทิฐิมานะ มีความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกทั้งสิ้น กรรมที่บุคคลทำเป็นประจำด้วยความยินดี ย่อมก่อให้เกิดทิฐิ ถือมั่นว่ากรรมนั้นๆเป็นสิ่งถูก เป็นสิ่งชอบธรรม เป็นสิ่งดีมีประโยชน์ เว้นไว้แต่ว่าเขามีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีความละอาย และจำต้องฝืนใจทำกรรมที่ไม่อยากทำ เช่นนั้นกิเลสจะครอบงำเขาไม่ได้
ทิฐิมานะอย่างอ่อนทำให้คนเราหาทางเอาชนะด้วยเหตุผล
แต่ทิฐิมานะอย่างแข็งทำให้คนเราดื้อหัวชนฝาและคิดเอาชนะแม้ด้วยพายุอารมณ์
การเข้าข้างตัวเองอย่างไม่ไตร่ตรอง ไม่พิจารณาตามเสียงของคนรอบข้าง
มิไยใครจะพากันแสดงความเห็นหรือตักเตือนอย่างไรก็หาได้ฟัง
อย่างนั้นประสิทธิภาพในการเห็นอะไรตามจริงจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป
ต้นเหตุความเห็นผิดที่รุนแรงก็เช่นพลาดไปโจมตีคนถูก
ภายหลังรู้ทั้งรู้ว่าเขาถูก แต่ก็ต้องสร้างความอุ่นใจให้ตัวเองโดยการคิดว่าเขาผิด
เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ร้าย แบบนี้กิเลสจะพัฒนาตัวเอง
คือที่สุดแล้วแม้กำลังหลอกตัวเองก็ไม่รู้สึกตัวว่าหลอกตัวเอง
บางคนก็น่าสงสารครับ
คือใจอ่อนยอมทำผิด จะเพราะตกกระไดพลอยโจนหรือเพราะเหตุผลซับซ้อนใดๆก็ตามที
ทั้งๆทราบชัดว่าตัวเองกำลังลงต่ำ
แต่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่อาจฝืนแรงดึงได้
พวกนี้ในที่สุดจะถูกกลืนกิน กลายเป็นคนเห็นผิดเป็นชอบเข้าในวันหนึ่งเช่นกัน
กิเลสนั้นคล้ายหมอกมัวห่อหุ้มจิตใจ
บดบังทัศนวิสัย ทำให้ตามองไม่เห็นสิ่งที่ควรจะเห็น
หรือแม้เห็นก็เห็นอย่างพร่าเลือนไม่ตรงจริง ยิ่งหากคิดเข้าข้างตัวเองบ่อยครั้งกระทั่งหลงยอมก่อบาปก่อกรรม
กลายเป็นคนทุศีลเต็มขั้น หาความละอายในการชั่วไม่ได้แล้ว ก็จะเหมือนมีกำแพงทึบ
กั้นแสงสว่างใดๆไม่ให้เล็ดรอดเข้ามาถึงจิตได้เลย
เมื่อปล่อยให้สัญชาตญาณดิบอยู่เหนือเหตุผลบ่อยๆ
จิตของเขาอาจเห็นการฆ่าคนเทียบเท่าการเล่นเกมคอมพิวเตอร์
จิตของเขาอาจเห็นการขโมยเป็นบทพิสูจน์ความสามารถเหนือผู้อื่น
จิตของเขาอาจเห็นการข่มขืนผู้หญิงไม่มีทางสู้เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ตนถึงใจ
จิตของเขาอาจเห็นการโป้ปดมดเท็จเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ทำให้ใครๆตามไม่ทัน
จิตของเขาอาจเห็นเหล้าเป็นน้ำอมฤตที่ถ้าไม่คิดกินก็ถือว่าโง่
สรุปคือการละเมิดศีล
๕ เป็นอาจิณ จะทำให้ทั้งชีวิตเหมือนมองผ่านแว่นบาป เห็นอะไรๆเบี้ยวบิดผิดปกติได้เป็นตรงข้าม
อันนั้นร้ายแรงที่สุด รองลงมาคือการคิดเข้าข้างตัวเองบ่อยๆ
กระทั่งจิตปิดรับความเห็นของผู้อื่นสิ้นเชิง
แม้รู้แก่ใจว่าทำแล้วเดือดร้อนก็เห็นเป็นของดี
รองลงมากกว่านั้นคือทิฐิมานะซึ่งคนธรรมดาทั่วไปต่างก็มีกัน
แต่ทิฐิมานะอ่อนๆนั้นจะมีช่องทางเข้าของแสงสว่าง
มีช่องเปิดรับเสียงจากภายนอกได้บ้าง
กล่าวโดยพื้นฐานที่สุดจริงๆ
ทุกคนมีกิเลสที่เรียกว่า ‘โมหะ’ คลุมบังจิตอยู่
ยึดมั่นสิ่งไม่เที่ยงโดยความอยากให้เที่ยง
ยึดมั่นสิ่งไม่ใช่ตัวตนโดยความอยากให้เป็นตัวตน ตราบใดยังไม่ขจัดม่านหมอกโมหะนี้ไป
วันหนึ่งก็ต้องหลงเห็นผิดเป็นชอบเพราะความโลภบ้าง เพราะความโกรธบ้าง
เป็นธรรมดาโลกครับ พระอรหันต์เท่านั้นจะมองคนในโลกว่าเอ๊… เห็นชัดๆว่าไม่เที่ยง
ทำไมทึกทักว่าเที่ยงไปได้ เห็นชัดๆว่าไม่น่ายึด ทำไมยังยึดกันอยู่
เห็นชัดๆว่าไม่ใช่ตัวตน ทำไมรู้สึกว่าเป็นตัวตนกันหนอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น