วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

กรรมที่ทำให้หลงเชื่อผิดๆ (ดังตฤณ)

ถาม : สงสัยจริงๆ ว่ากรรมอะไรทำให้บางคนถึงหัวปักหัวปำเชื่ออะไรผิดๆ ทั้งที่น่าจะเห็นชัดๆว่านั่นผิด นั่นเหลวไหล ทำไมเขากลับไม่เห็นหรือรู้สึกแม้แต่น้อย?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๖

ดังตฤณ: 
ตอนที่รู้สึกว่าตัวเองถูก ไม่มีใครเชื่อว่าตัวเองผิดหรอกครับ ทุกคนมีทิฐิมานะ มีความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกทั้งสิ้น กรรมที่บุคคลทำเป็นประจำด้วยความยินดี ย่อมก่อให้เกิดทิฐิ ถือมั่นว่ากรรมนั้นๆเป็นสิ่งถูก เป็นสิ่งชอบธรรม เป็นสิ่งดีมีประโยชน์ เว้นไว้แต่ว่าเขามีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีความละอาย และจำต้องฝืนใจทำกรรมที่ไม่อยากทำ เช่นนั้นกิเลสจะครอบงำเขาไม่ได้

ทิฐิมานะอย่างอ่อนทำให้คนเราหาทางเอาชนะด้วยเหตุผล แต่ทิฐิมานะอย่างแข็งทำให้คนเราดื้อหัวชนฝาและคิดเอาชนะแม้ด้วยพายุอารมณ์ การเข้าข้างตัวเองอย่างไม่ไตร่ตรอง ไม่พิจารณาตามเสียงของคนรอบข้าง มิไยใครจะพากันแสดงความเห็นหรือตักเตือนอย่างไรก็หาได้ฟัง อย่างนั้นประสิทธิภาพในการเห็นอะไรตามจริงจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป

ต้นเหตุความเห็นผิดที่รุนแรงก็เช่นพลาดไปโจมตีคนถูก ภายหลังรู้ทั้งรู้ว่าเขาถูก แต่ก็ต้องสร้างความอุ่นใจให้ตัวเองโดยการคิดว่าเขาผิด เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ร้าย แบบนี้กิเลสจะพัฒนาตัวเอง คือที่สุดแล้วแม้กำลังหลอกตัวเองก็ไม่รู้สึกตัวว่าหลอกตัวเอง

บางคนก็น่าสงสารครับ คือใจอ่อนยอมทำผิด จะเพราะตกกระไดพลอยโจนหรือเพราะเหตุผลซับซ้อนใดๆก็ตามที ทั้งๆทราบชัดว่าตัวเองกำลังลงต่ำ แต่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่อาจฝืนแรงดึงได้ พวกนี้ในที่สุดจะถูกกลืนกิน กลายเป็นคนเห็นผิดเป็นชอบเข้าในวันหนึ่งเช่นกัน

กิเลสนั้นคล้ายหมอกมัวห่อหุ้มจิตใจ บดบังทัศนวิสัย ทำให้ตามองไม่เห็นสิ่งที่ควรจะเห็น หรือแม้เห็นก็เห็นอย่างพร่าเลือนไม่ตรงจริง ยิ่งหากคิดเข้าข้างตัวเองบ่อยครั้งกระทั่งหลงยอมก่อบาปก่อกรรม กลายเป็นคนทุศีลเต็มขั้น หาความละอายในการชั่วไม่ได้แล้ว ก็จะเหมือนมีกำแพงทึบ กั้นแสงสว่างใดๆไม่ให้เล็ดรอดเข้ามาถึงจิตได้เลย

เมื่อปล่อยให้สัญชาตญาณดิบอยู่เหนือเหตุผลบ่อยๆ จิตของเขาอาจเห็นการฆ่าคนเทียบเท่าการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ จิตของเขาอาจเห็นการขโมยเป็นบทพิสูจน์ความสามารถเหนือผู้อื่น จิตของเขาอาจเห็นการข่มขืนผู้หญิงไม่มีทางสู้เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ตนถึงใจ จิตของเขาอาจเห็นการโป้ปดมดเท็จเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ทำให้ใครๆตามไม่ทัน จิตของเขาอาจเห็นเหล้าเป็นน้ำอมฤตที่ถ้าไม่คิดกินก็ถือว่าโง่

สรุปคือการละเมิดศีล ๕ เป็นอาจิณ จะทำให้ทั้งชีวิตเหมือนมองผ่านแว่นบาป เห็นอะไรๆเบี้ยวบิดผิดปกติได้เป็นตรงข้าม อันนั้นร้ายแรงที่สุด รองลงมาคือการคิดเข้าข้างตัวเองบ่อยๆ กระทั่งจิตปิดรับความเห็นของผู้อื่นสิ้นเชิง แม้รู้แก่ใจว่าทำแล้วเดือดร้อนก็เห็นเป็นของดี รองลงมากกว่านั้นคือทิฐิมานะซึ่งคนธรรมดาทั่วไปต่างก็มีกัน แต่ทิฐิมานะอ่อนๆนั้นจะมีช่องทางเข้าของแสงสว่าง มีช่องเปิดรับเสียงจากภายนอกได้บ้าง

กล่าวโดยพื้นฐานที่สุดจริงๆ ทุกคนมีกิเลสที่เรียกว่า ‘โมหะ’ คลุมบังจิตอยู่ ยึดมั่นสิ่งไม่เที่ยงโดยความอยากให้เที่ยง ยึดมั่นสิ่งไม่ใช่ตัวตนโดยความอยากให้เป็นตัวตน ตราบใดยังไม่ขจัดม่านหมอกโมหะนี้ไป วันหนึ่งก็ต้องหลงเห็นผิดเป็นชอบเพราะความโลภบ้าง เพราะความโกรธบ้าง เป็นธรรมดาโลกครับ พระอรหันต์เท่านั้นจะมองคนในโลกว่าเอ๊… เห็นชัดๆว่าไม่เที่ยง ทำไมทึกทักว่าเที่ยงไปได้ เห็นชัดๆว่าไม่น่ายึด ทำไมยังยึดกันอยู่ เห็นชัดๆว่าไม่ใช่ตัวตน ทำไมรู้สึกว่าเป็นตัวตนกันหนอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น