ถาม : ในทางธรรมะ
เมียน้อยถือว่าเป็นบุคคลเลวร้ายขนาดไหน? จะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๖
ดังตฤณ:
กรณี ‘กินน้ำใต้ศอก’
นี่ ทุกประเทศจะถกกันในประเด็นใครถูกใครผิด ใครน่าเห็นใจหรือน่ารังเกียจ
ใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
ซึ่งก็จะไม่ได้ข้อยุติตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังยุติความพอใจในกามหลากรสไม่ได้
และฝ่ายหญิงยังห้ามใจจากเงินง่ายและชายเจนสังเวียนไม่ไหว เพราะผลประโยชน์จะสรรหาเหตุผลที่ฟังขึ้นและน่ายอมรับได้หลายข้อเสมอ
ในแง่มุมของกรรมวิบากแล้ว
เหตุผลน่าเห็นใจไม่มี มีแต่จิตสำนึกและเจตนาในการเป็นเมียน้อย
ฉะนั้นคำว่าเมียน้อยไม่ได้แปลว่า ‘เลวร้าย’ หรือ ‘ผิดทันที’
แต่ต้องดูว่าเงื่อนไขของเมียน้อยคืออะไร
๑)
ได้รับการยินยอมพร้อมใจจากเมียหลวงหรือรู้ทั้งรู้ว่าเมียหลวงจะต้องเจ็บปวดสาหัส หากเมียหลวงโอเคอย่างเต็มใจก็ไม่มีใครผิดศีล
ไม่มีใครก่อบาป เพราะเป็นการกระทำอย่างเปิดเผยโดยไม่มีใครเป็นทุกข์จากการรับรู้ความจริง
เหตุผลโดยมากที่เมียหลวงยอมคือเบื่อเซ็กซ์
บางคนนี่ขนาดเป็นแม่สื่อหาเมียน้อยให้สามีทีเดียว
แต่หากยังไม่มีการตกลงจากเมียหลวงว่าโอเค แล้วแอบปล่อยตัวปล่อยใจเป็นเมียน้อยลับๆ
โดยรู้ๆอยู่ว่าเมื่อเมียหลวงรู้เข้าจะต้องปวดร้าว อย่างนั้นก็เข้าข่ายเป็นชู้
ผิดศีลธรรม เป็นการก่อบาปเต็มประตู
๒)
หลวมตัวตกเป็นน้อยด้วยความไม่รู้หรือว่ารู้อยู่ล่วงหน้า ปัจจุบันสังคมโลกทำงานปะปนกัน ไม่ใช่ให้ผู้หญิงอยู่ก้นครัวที่บ้านเหมือนสมัยโบราณ
แล้วชายหญิงก็ปิดบังกันเรื่องคู่ครองง่ายเสียด้วย ก็ถ้าไม่บอกเสียอย่างใครจะไปรู้
หากฝ่ายหญิงถูกหลอกต้มอย่างสนิทก็ถือว่าไม่บาป
เพราะในกรณีนี้บาปจะเกิดต่อเมื่อรู้ทั้งรู้แล้วขืนทำ
พวกที่รู้ว่าเขามีเมียแล้วยังฝืนเอาตัวเข้าไปบวกนี่
ส่วนใหญ่เพราะฝ่ายชายมีดีเกินห้ามใจ แล้วส่วนใหญ่ที่ยังสวย ยังอ่อนเยาว์
ก็มักสำคัญตนผิด คิดว่าในที่สุดต้องชนะ เดี๋ยวฝ่ายชายต้องใจอ่อน
ยอมหย่าขาดจากเมียหลวง ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
ก็เจอข้อหาแย่งสมบัติน่าหวงแหนจากมือผู้อื่นมาครอง ผลย่อมหนักหนา อาจจะยิ่งเสียกว่าโจรชิงทรัพย์อันเป็นที่รักจากเจ้าของยามเผลอ
หลายคนมักมองว่าผู้ชายเป็นฝ่ายเลว เห็นแก่ตัว
แต่ก็มีบางกรณีครับที่ทนเทคนิคการยั่วจากฝ่ายหญิงไม่ไหว
ธรรมชาติให้อาวุธลับล่อใจมาหลายชิ้น
เปิดของลับวับๆแวมๆหน่อยชายส่วนใหญ่ก็ตะลึงงงลืมศีลธรรมกันแล้ว ซึ่งพออะไรๆเลยเถิดแล้วเรื่องแดงขึ้นมา
ฝ่ายหญิงบีบน้ำตาหน่อยสังคมจะรุมประณามฝ่ายชายทันที อย่างไรก็ตาม
ธรรมชาติจะไม่ถูกหลอกให้สงสารใครเพียงเพราะเห็นน้ำตา ในที่ที่กรรมเผล็ดผลนั้น
สิ่งเดียวที่มีให้คือการลงโทษอย่างหนักหน่วง ดุดัน ปราศจากความปรานีปราศรัย
และไม่ต้องสอบสวนหาความจริงจากปากใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น
๓)
ทำเพื่อเงินหรือทำเพื่อความรัก
ถ้าแพ้เงินก็บาปมาก แต่ถ้าแพ้รักก็บาปน้อยลง แต่ไม่ใช่ไม่บาปเลย
อย่างไรการเป็นชู้ก็เป็นอกุศล เป็นสิ่งบาดจิตให้ทุกฝ่ายเกิดแผลวันยังค่ำ
ข้ออ้างที่ฟังขึ้นและดูเหมือนน่าเห็นใจที่สุดคือ ‘เรารักกันมาก’
แต่ที่ซุกไว้ใต้พรมคือ ‘ถึงรู้ว่าคนเป็นหลวงจะต้องเจ็บเจียนขาดใจก็ช่าง’
สมัยที่ผู้หญิงทำงานหาเงินเองได้อย่างยุคเรานี้ มีด้วยซ้ำครับที่เมียน้อยรวยกว่า
และเอื้อเฟื้อ ให้การจุนเจือ ‘ครอบครัวหลัก’ ของฝ่ายชาย
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าได้รับข้อยกเว้นจากสังคม อย่างไรใครรู้เข้าก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยอยู่ดี
ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังมีพันธะทางกฎหมายหรือทางกายอยู่กับเมียหลวง
๔)
ทำเพื่อตัณหาส่วนตัวหรือทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องที่เดือดร้อน หากยอมเป็นเมียน้อยด้วยความ ‘กลั้นไม่อยู่’
ของตัวเอง แปลว่ายอมทำผิดเพราะแพ้ความรู้สึกฝ่ายต่ำ
แต่หากจำใจเป็นเมียน้อยด้วยความจำเป็นทางครอบครัวบีบคั้น
อาจหมายถึงการยอมเป็นนางบาปเพื่อช่วยให้พ่อแม่รอดพ้นจากความอดตาย
บางคนไม่ยอมนิยามว่าตัวเองเป็นเมียน้อยด้วยซ้ำ
คือกำหนดใจไว้แต่แรกว่าขอตากหน้าเอากายแลกเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้มีพระคุณสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้เงินทองเท่าที่จำเป็นก็จะทำตัวสาบสูญไปจากฝ่ายชายชั่วนิรันดร์
หากคิดอย่างนั้นและทำอย่างนั้นได้จริงๆ โทษก็จะเบาลงตามส่วน
๕)
ทำแล้วสำนึกหรือไม่สำนึกผิด
หากสำนึกผิดจิตจะไม่จับบาปไว้เต็มกำ แต่ยิ่งด้านชาไร้สำนึกเท่าไหร่
จิตก็จะเข้าฝ่ายอกุศล มืดมน จนไม่ค่อยเห็นทางสว่างทางดี
และเหมือนถูกบีบให้คิดก่อการร้ายเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
อันที่จริงผู้หญิงเป็นเพศที่รู้สึกสกปรกกับเรื่องทางเพศง่ายกว่าผู้ชาย
เพียงแค่ธรรมชาติส่งเลือดมาเป็นประจำทุกเดือน
ก็ทำให้รู้สึกย่ำแย่กับสภาพฟ้องมลทินของตนเองพอแรงแล้ว ยิ่งถ้าเพิ่มมลทินทางใจเข้าไปอีก
ตามธรรมดาก็ย่อมเหมือนถูกบีบสองด้านจากซ้ายขวา หรือถูกอุดทั้งปากอุดทั้งจมูก
เกลียดตัวเองจนจะกลายเป็นโรคจิตเอาง่ายๆ
แต่ก็มีผู้หญิงอีกพวกหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบค่อยๆหลุดเป็นอิสระจากมโนธรรมมาทีละน้อย
กระทั่งอิสระเต็มที่ มโนธรรมถูกปลดปล่อยเหมือนว่าวที่ขาดลอยกู่ไม่กลับ
ความรู้สึกข้างในคล้ายมีชีวิตเพื่ออาศัยเรือนกายหลอกพวกหน้าโง่มาติดกับท่าเดียว
ประเภทนี้คติข้างหน้ามักเกิดเป็นอะไรที่ต่ำกว่ามนุษย์
เพราะมาตรฐานมโนธรรมไม่ถึงมนุษย์
๖)
เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเมียน้อยแล้วตั้งใจจะหยุดหรือคิดเป็นน้อยต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโดนเขาหลอกหรือหลอกตัวเอง
ผมเชื่อว่าถ้าสำรวจดีๆมีเมียน้อยกว่าครึ่งที่อยากเลิกให้ได้วันนี้พรุ่งนี้
แต่เลิกไม่ได้ก็เพราะทำใจไม่ได้เท่านั้น
แต่แม้ประสบกับความล้มเหลวในการตัดเยื่อตัดใย
อย่างน้อยตั้งใจจริงก็ถือว่าดีแล้วครับ จัดเป็นกรรมขาวบนฐานของกรรมดำแล้ว
มีผลลดหย่อนผ่อนโทษได้แล้ว ส่วนพวกที่ขอเป็นเมียน้อยไปจนตายนั้น
ภพของเมียน้อยจะตั้งมั่น วิบากร้ายมีเท่าใดก็จะให้ผลหนักแน่นยืดยาว
การเป็นอะไรอย่างหนึ่งไปทั้งชาตินั้นมีผลใหญ่หลวงเกินกว่าที่คิดมาก
เหตุผลต่างๆของการตัดสินใจเป็นเมียน้อยข้างต้น
จะเป็นตัวกำหนดความหนักเบาของวิบากในปัจจุบันคือ
๑)
ความทรมานใจ
เหมือนการกินบอระเพ็ดที่ต้องขมและไม่มีสักกี่คนชอบใจ
แต่เพื่อแลกรางวัลบางอย่างก็ต้องจำทน แต่ยิ่งทนนานก็ยิ่งทรมานใจมาก
ฉะนั้นจะทรมานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าจะหลุดพ้นจากการเป็นเมียน้อยได้ช้าเร็วเพียงใด
๒)
ความรู้สึกเป็นรอง
ถึงแม้ฝ่ายชายจะไหว้ปะหลกๆก่อนออกจากบ้าน
หรือต่อให้เมียหลวงยิ้มย่องผ่องใสก้มลงกราบตักเมื่อเจอเงินปึกใหญ่ฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ
ความรู้สึกเป็นรองก็จะไม่หมดไปจากใจเมียน้อย
ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังประกาศกับใครต่อใครว่าเมียหลวงเป็นภรรยาตามกฎหมาย
ยิ่งถ้าโดนเมียหลวงไล่บี้เอาด้วยตบะของผู้มาก่อน
ความรู้สึกเป็นรองยิ่งแจ่มชัดหายห่วง หรือแม้สมัยนี้มีเมียน้อยสายพันธุ์ใหม่
เป็นฝ่ายบุกระรานรังควานเมียหลวงเสียเอง
อย่างไรความรู้สึกในส่วนลึกก็ฟ้องอยู่ว่าตัวเองมาทีหลัง
ตัวเองไม่มีทะเบียนตามกฎหมาย ตัวเองไม่มีหน้ามีตาให้สังคมยอมรับว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง
นั่นแหละปัญหาทางใจของเมียน้อย ผมเคยได้ยินกว่าผู้ชายบางคนเสน่ห์แรงจัด
ผู้หญิงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขามีสาวมาติดเยอะ
แต่ละคนไม่หวังครอบครองเขาไว้คนเดียว แค่หมายจะได้เป็นเบอร์หนึ่งเท่านั้นพอ
ความคิดทำนองนี้นับว่าตลก เพราะชายเจ้าชู้ไม่มีทางวางใครเป็นเบอร์หนึ่งถาวร
เขาจะมีแต่เบอร์หนึ่งชั่วคราว ส่วนจะสั้นหรือยาวก็ว่ากันตามเหตุปัจจัย
ถ้าเขามีเมียน้อยได้คนหนึ่ง ทำไมเขาจะมีเมียน้อยคนต่อไปไม่ได้
แล้วเบอร์หนึ่งมันจะอยู่ที่ไหน ในที่สุดเขาก็ใจดำกับทุกคนอย่างเสมอภาคนั่นเอง
๓)
ความน้อยใจง่าย คนเราถ้าขาดสิ่งใด
พอขอสิ่งนั้นแล้วไม่ได้หรือรอแล้วไม่มา ธรรมดาก็ต้องน้อยใจ
สิ่งที่เมียน้อยขอนั้นมีทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็แย่แล้ว
ยิ่งถ้าได้เพียงกะปริบกะปรอยทั้งสองอย่างก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ตามกฎแห่งกรรมวิบากนั้น การเป็นคนขี้ขอจะทำให้ต้องขอต่อไป
เมื่อขอบ่อยแล้วไม่ค่อยได้อย่างที่ขอ ก็มักก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นธรรมดา
ตราบใดที่ยังสร้างกรรมอันเป็นไปเพื่อความอ่อนแอ เพื่อความเป็นผู้ขอ
ตราบนั้นจะไม่พ้นจากความเป็นหญิงที่มีภาวะพึ่งพาสูงไปได้เลย
และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้อยใจง่าย คิดมาก
และอารมณ์แปรปรวนแบบเด็กไม่ได้อย่างใจไปจนตาย
๔)
ความไม่มีศักดิ์ศรี
ผมเคยทราบมาว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดีระดับนางงามนางแบบคนหนึ่ง
เป็นเมียน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเงินหลายสิบล้าน มีบ้านอยู่ฮาวาย
มองภายนอกทุกอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปหมด แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่มีคือความรู้สึกเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของตนเอง
คือพอไปถึงจุดที่ ‘เหมือนมีหมดทุกอย่าง’ คนเราจะเห็นจริงๆนะครับว่า ‘ที่ยังไม่มี’
คืออะไร การมีครบแบบไร้ศักดิ์ศรีนั้น
นานไปจะรู้ว่าไม่มีอะไรเลยอย่างมีศักดิ์ศรียังดีเสียกว่า คำว่าศักดิ์ศรีกินไม่ได้นั้น
ขอให้ช่วยๆกันลืมเสียเถอะ เปลี่ยนใหม่เป็นว่า ศักดิ์ศรีนั้นกินไม่ได้
แต่ทำให้กินข้าวได้อร่อยกว่าคนไร้ศักดิ์ศรี แทน
นอกจากนั้น
เหตุผลในการเป็นเมียน้อยต่างๆยังเป็นตัวกำหนดวิบากในอนาคตกาล ซึ่งจะหนักเบา
กินเวลาสั้นหรือยาว ก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด วิธีทำ หากเป็นเมียน้อยไม่พอ
ยังสะใจกับการทิ่มแทงให้เมียหลวงหรือผู้เป็นขวากหนามให้เจ็บปวด
ก็อาจต้องไปเสวยทุกข์ในนรก
แต่หากทำบุญทางอื่นจนมีวาสนาพอจะได้เกิดมาในโลกมนุษย์นี้อีก
ผลของกรรมเก่าจะบีบให้เป็นฝ่ายตกที่นั่งทุกข์บ้าง
รวมทั้งเปิดโอกาสให้เลือกทำดีขึ้นหรือเลวลง เหมือนเป็นคำถามลองใจจากธรรมชาติ
ว่าถ้าคนๆหนึ่งทุกข์เท่าที่เคยทำคนอื่นไว้ จะเลือกแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
ระหว่างหาทางป่ายปีนขึ้นพ้นเหว หรือเหยียบตัวเองให้จมธรณีลงไปอีก
การให้อภัยของเมียหลวงจัดเป็นการถอนตัวเองขึ้นจากหล่มวิบากอย่างหนึ่ง
สถานการณ์ทุกข์ของเมียน้อยในอนาคตชาติเป็นไปต่างๆได้ดังนี้
๑)
แนวโน้มที่จะเกิดเป็นสตรี
ทั้งนี้เพราะตามสามัญสำนึกของเกือบทุกคน สตรีเพศคือภาวะอ่อนแอ ต้องการการพึ่งพาสูง
หรือแม้เป็นผู้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ ก็ต้องเป็นเบี้ยล่างในทางใดทางหนึ่ง
(ยากประมาณหนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้านครับ
ที่ผู้หญิงจะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำประเทศ
ในขณะที่มองกันเป็นเรื่องธรรมดาถ้าผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรจะเป็นชาย)
เมียน้อยที่คิดหวังแค่สบาย ได้เอาเงินค่าเลี้ยงดูมากิน นอน เที่ยว ช็อปปิ้ง
ไม่คิดเก็บเงินทำทุนตั้งตัว อันนี้เที่ยงที่สุดที่จะเกิดเป็นหญิงอีก
๒)
แนวโน้มที่จะถูกพิจารณาเป็นรองหรือตัวสำรองในทุกๆด้าน ทั้งนี้เพราะการยอมตัวเป็นเมียน้อยนั้น
ไม่ใช่จำเพาะแค่เรื่องทางเพศว่าต้องมาทีหลัง แต่ยังรวมตลอดครอบคลุมไปถึงศักดิ์ศรี
ครอบคลุมถึงหน้าตา และครอบคลุมไปถึงความรู้สึกทางใจอีกด้วย
ผลของความรู้สึกเป็นรองในชาติปัจจุบันเป็นอย่างไร
อนาคตชาติก็จะมีเหตุการณ์มากดความรู้สึกให้ต้องเป็นรองซ้ำอีก
เช่นแม้ตั้งใจทำงานและผลงานออกมาดี แต่กลับไม่ค่อยเข้าตากรรมการ
ไม่ถูกเชิดชูให้เป็นผู้นำ มักถูกยัดเยียดให้เป็นลูกน้องร่ำไป
นอกจากนี้ยังมีทางเลือกน้อย โอกาสเกิดในฐานะนางบำเรอสูง
แม้บุญมากหน่อยก็ได้แค่นางสนมของพระราชาเท่านั้น ที่จะถึงระดับมเหสีคงยาก
๓)
แนวโน้มที่จะต้องเศร้าหมองเพราะถูกแย่งของรักของหวง อันนี้เป็นเรื่องเข้าใจได้ง่าย
ถ้าหากสมัครใจเป็นเมียน้อยโดยไม่สนใจหัวอกเมียหลวงยิ่งร้าย
ความสะใจที่แย่งสำเร็จหรืออย่างน้อยได้พยายามแย่ง
จะบันดาลเหตุการณ์สนองคืนแบบตรงไปตรงมา
คือไม่ใช่แค่เรื่องเสียชายอันเป็นที่รักให้คนอื่น
แต่รักอะไรก็มักเสียสิ่งนั้นไปเพราะถูกแย่งเป็นประจำ
________________
คลิกที่คำถามเพื่ออ่านต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น