วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ซื้อของทำทาน ต่อรองแม่ค้าจะเป็นการลดส่วนบุญไหม (ดังตฤณ)

ถาม : อยากทราบว่าถ้าต่อรองของที่เราซื้อเพื่อนำไปทำบุญ จะทำให้เป็นการลดส่วนบุญหรือเปล่าคะ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗

ดังตฤณ: 
ขอให้เข้าใจว่าจิตที่คิดทำบุญเปล่งประกายกุศลออกมาเต็มที่ได้ ๓ จังหวะ ได้แก่

๑) จิตขณะเตรียมทำบุญ เช่นเพียงตกลงปลงใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำบุญ หรือขณะเมื่อเดินเลือกซื้อของ

๒) จิตขณะกำลังทำบุญ เช่นเมื่อหย่อนกับข้าวใส่บาตร

๓) จิตขณะหลังทำบุญ เช่นเมื่อยังมีแก่ใจยิ้มไม่หุบแม้เดินทางออกจากวัดแล้ว

สรุปว่าในขั้นของการเตรียมทำบุญ ยังไม่ได้ลงมือทำบุญจริง จิตก็บังเกิดภาวะกุศลแล้ว เปิดกว้างสว่างระดับหนึ่งแล้ว ส่วนจะมีเหตุปัจจัยให้สว่างบริสุทธิ์หรือเกิดมลทิน ก็ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆไป อย่างเช่นที่นี้เราพูดกันถึงเรื่องการต่อรองราคาของ ก็ขอให้ดูตามจริงว่าจิตขณะต่อรองเป็นอย่างไร เช่น

๑) จิตประกอบด้วยความโลภมาก คือมีความคิดเอาจริงเอาจัง อยากได้เปรียบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือคิดคำนวณเงินส่วนต่างอย่างละเอียด กระทั่งหมกมุ่นกับการเงินการทองจนจิตปิดแคบ สภาวะกุศลอันเกิดจากเจตนาทำบุญย่อมหมองลง ทำนองเดียวกับหลอดไฟขาวสว่างที่ถูกหมวกดำมาครอบบัง อันนี้เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่าเมื่อใดจิตประกอบด้วยความโลภ เมื่อนั้นจิตย่อมเข้าข่ายอกุศล

๒) จิตประกอบการคำนึงคำนวณสมเหตุสมผล คือเห็นอยู่ว่าแม่ค้าตั้งราคาเกินควร หรือรู้อยู่ว่าของชิ้นนี้ตั้งไว้เพื่อให้ต่อรอง ไม่ครุ่นคิดโลภอยากเอาเปรียบใคร จิตจึงไม่ถึงกับปิดแคบ ยังรักษาระดับความเป็นกุศลดั้งเดิมไว้ได้ อันนี้ต้องใช้ใจเป็นเครื่องวัด หากรู้สึกว่าไม่เป็นไร ถูกหรือแพง ต่อรองได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ สำคัญที่เราเพ่งเล็งจะเอาวัตถุนี้ไปทำบุญ เพราะเห็นประโยชน์ของวัตถุนั้นๆอย่างแท้จริง นั่นแหละมาตรวัดว่ากุศลของเรายังไม่หย่อน และไม่เกิดอกุศลใดๆขึ้นแทรกแซง บุญย่อมเกิดเต็มดวงเหมือนเช่นที่ซื้อเลยไม่ต่อราคา


อีกประการหนึ่งที่สำคัญนะครับ ต้องดูระยะอื่นประกอบด้วย คือขณะกำลังทำบุญและหลังทำบุญ คุณมีความชื่นใจกับการได้ทำบุญแค่ไหน ถ้าชื่นใจมาก ไม่มีความอาลัย ไม่มีความเสียดายทรัพย์ที่บริจาคหรือถวายไปแม้แต่น้อย ก็แปลว่าการทำบุญนั้นๆมีความผ่องแผ้วใช้ได้ครับ ถึงแม้สะดุดนิดๆหน่อยๆตอนเลือกซื้อของก็ไม่ทำให้บุญแหว่งวิ่นมากนักหรอก!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น