วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ขาดความมั่นใจ ไม่เคยรู้สึกว่าจะทำอะไรสำเร็จ (ดังตฤณ)

ถาม : ตั้งแต่เด็กๆผมจะขาดความมั่นใจในการทำงานให้เสร็จ อย่างเวลาครูให้งานมากๆ จะรู้สึกทันทีว่าไม่มีกำลัง ไม่มีความสามารถจะทำให้ทัน หรือตอนจะสอบวิชาที่ไม่ชอบ ก็เหมือนมีก้อนหินหนักๆมาถ่วงไว้ ไม่ให้เปิดหนังสืออ่านไหว แล้วในที่สุดก็ส่งผลกระทบกับชีวิตการทำงาน เจ้านายสั่งให้อ่านเอกสาร แค่เห็นแฟ้มหนาหน่อยก็อ่อนระทวย พานอยากจะลาออกเดี๋ยวนั้นแล้ว อย่างนี้ผมเคยไปทำกรรมประเภทขัดขวางความเจริญใครเขามาหรือเปล่า ถ้าใช่จะต้องแก้อย่างไรครับ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗

ดังตฤณ: 
กรณีแบบนี้อย่าไปมองเรื่องกรรมเก่าที่มองไม่เห็นหรือพิสูจน์ได้ยากเลยครับ ปัญหามันกองอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนดีกว่า

ตอนคุณจะเปิดแฟ้มเอกสารใหญ่ๆ ใจมันจับอยู่ที่แฟ้มทั้งแฟ้มใช่ไหมล่ะ? ถ้าใจจับอยู่ที่แฟ้มทั้งแฟ้ม ก็เป็นธรรมดาที่ต้องรู้สึกหนักอึ้ง และความรู้สึกหนักอึ้งนั้นเองที่กดปกแฟ้มเอาไว้ ขณะเดียวกันสำนึกรับรู้ภายในก็บอกตัวเองว่าขืนไม่เปิด ขืนไม่อ่าน เดี๋ยวก็ตกงานกันพอดี ไม่แปลกที่ความรู้สึกอึดอัดทรมานจากความขัดแย้งภายใน จะบีบให้คุณรู้สึกอยากลาออกไปให้พ้นๆ

งานใหญ่ๆนี่นะครับ สำเร็จได้จากการเริ่มทำอะไรเล็กๆ แปลว่าถ้าใจคุณจับอยู่กับงานเล็กๆก่อน ในที่สุดงานใหญ่จะสำเร็จลงได้

การทำงานไม่เหมือนการพิชิตยักษ์ โอเคถ้าคุณเป็นเจ้าชายที่ถูกยัดเยียดให้ไปปราบมังกรร้าย อย่างนั้นคุณจำเป็นต้องโฟกัสกับมังกรยักษ์ทั้งตัว เผลอกะพริบตานิดเดียวมันพ่นไฟใส่ให้คุณม่องเท่งได้ทันที แต่นี่คุณเป็นคนธรรมดา รับงานหนักหน่อยก็จริง แต่คงไม่มีใครยัดเยียดแฟ้มสูงเท่าเพดานให้คุณพิชิตยอดภายใน ๑๐ นาทีแน่นอน

แบ่งทำทีละงานสิครับ งานที่เล็กที่สุดในการจัดการแฟ้มใหญ่ ก็คือเอื้อมมือไปเปิดปกแฟ้ม เพื่อเริ่มกางเอกสารออกอ่าน เอาใจไปจับอยู่กับงานง่ายๆแค่นั้นก่อน อย่าคิดว่าคุณกำลังปราบแฟ้มทั้งแฟ้ม คุณจะรู้สึกว่างานเบาลงทันที ขอให้ทดลองดูเถอะ แล้วจะรู้ว่าคุณสามารถทำได้ทุกครั้ง

เมื่องานง่ายที่สุดผ่านไปแล้ว ขั้นต่อมาคือคิดถึงงานง่ายที่สุดลำดับต่อไป นั่นคืออ่านประโยคแรกให้จบ อย่าคิดว่าคุณกำลังจะอ่านร้อยประโยคพันประโยคให้หมดรวดเดียว

คุณจะพบความจริงที่ว่าสมองและร่างกายมนุษย์นั้น ขอให้เริ่มต้นทำงานเถอะ เดี๋ยวจะมีกลไกสอดสัมพันธ์ให้เคลื่อนไหวต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ กระทั่งบรรลุจุดหมายปลายทางไปได้เอง

อีกประการหนึ่ง พอทำเรื่องเล็กๆเสร็จ อย่าเพิ่งอนุญาตให้ตัวเองมีข้ออ้างว่าทำเสร็จแล้ว พักยาวๆเสียหน่อย เพราะการพักยาวจะไปเรียกเอาความขี้เกียจกลับมาใหม่ เอ็นมันจะยึด สมองมันจะเฉื่อย การพักบ่อยๆเป็นเรื่องดี ขออย่างเดียวอย่าให้นานเกินไป คุณอาจสูดลมหายใจช้าๆ ลึกๆ ทอดตามองทางอื่นเพื่อเคลียร์สมองให้ว่างเปล่าพักหนึ่ง พักนานเท่าที่จะพอใจ โดยมีสติกำกับไปด้วย ถ้าเห็นว่าความคิดเริ่มแช่ไปในเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็ให้รีบกลับมาทำงานต่อทันที ก่อนจะเกิดสภาพจมปลักหรือติดหล่มกับความเฉื่อยชา

คุณจะพบว่าตอนงานเสร็จนั้น คุณไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวหรอก เพราะทำมาเรื่อยๆ ไม่เสียเวลาอิดออดหรือตามใจตัวเอง เหมือนคนว่ายน้ำระยะยาว ถ้าคิดถึงปลายทางตั้งแต่แรกก็ถอดใจไม่อยากไปให้ถึง แต่ถ้าจ้วงน้ำเรื่อยๆ ทำวินาทีนี้ให้ผ่านไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางก็ใกล้เข้ามาเองโดยไม่ต้องตั้งความหวังรอคอยแต่อย่างใดเลย


แค่เปลี่ยนมุมมองตามหลักการอันเป็นสุดยอดของแนวปฏิบัติทางพุทธ คือ 'อยู่กับปัจจุบัน’ คุณจะแก้ปัญหามือง่อยเท้าง่อยในการทำงานได้ตามลำดับ ใจจะไม่ปั่นป่วนฟุ้งซ่านวกวนแต่อย่างใดเลย และสูตรสำเร็จคือ ‘ทำเฉพาะงานเล็กๆตรงหน้า’ นี้ สามารถแก้ปัญหาได้ครอบจักรวาล แม้คุณเข้าใจว่านี่คือกรรมเก่ากำลังให้ผล กรรมใหม่ในการตั้งมุมมองใหม่ก็จะค่อยๆลดความกังวล บรรเทาความฟุ้งซ่านอึดอัดทรมานลงไปได้เรื่อยๆ การสร้างนิสัยใหม่วันต่อวัน ก็คือการสั่งสมบุญใหม่ชะล้างบาปเก่านั่นเองครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น