วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

หย่าขาดกับสามีแต่ยังคิดเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง (ดังตฤณ)

ถาม : ดิฉันหย่าขาดกับสามีมาได้นานพอสมควรด้วยเหตุผลบางอย่าง ระหว่างเราไม่ได้มีความบาดหมางกัน ยังสามารถโทร.คุยกันเหมือนเพื่อน (เราเคยเป็นเพื่อนกันนานก่อนจะอยู่กินกัน) และดิฉันก็ทราบว่าเขาคิดแบบเพื่อนจริงๆ แต่ดิฉันเองทราบดีแก่ใจว่ายังรักเขามาก แม้จะพยายามใช้น้ำเสียงหรือคำพูดแบบเพื่อนก็ตาม นั่นทำให้รู้สึกผิด เพราะปัจจุบันเขามีลูกเมียแล้ว อยากทราบว่าการที่ดิฉันยังมีใจรักเขา และมีจินตนาการถึงเขาเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงอยู่ ถือว่าเป็นผิดบาปอย่างไรไหม? คือนานแล้วที่ไม่ได้เจอตัวเป็นๆนะคะ แต่คุยทางโทรศัพท์ทีไรก็จะคิดถึงความสัมพันธ์เก่าๆเสมอ จนนึกเกลียดตัวเองและทรมานใจที่ตัดอารมณ์ฝ่ายต่ำไม่สำเร็จ

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗

ดังตฤณ: 
ขอพูดตามขอบเขตของศีล ๕ นะครับ ศีล ๕ เป็นรั้วกั้นบาปทางกายและทางวาจาเท่านั้น ไม่ได้กั้นรวมไปถึงใจ หมายความว่าคุณจะคิดแค่ไหน จิตจะดิ้นรนกระสับกระส่ายเพียงใด ขอเพียงไม่มีเพศสัมพันธ์กันจริงๆ ก็นับว่ายังเป็นผู้อยู่ในกรอบอยู่ในรั้วของศีลได้เต็มตัว ยังไม่หลุดออกมาเป็นผู้ผิดศีลแน่นอนครับ

ว่ากันว่าวัวเคยขา ม้าเคยขี่ เป็นสามีภรรยากันมาก่อนนั้น เมื่อหย่าขาดจากกันและไปเป็นของคนอื่น แล้วยังมีเยื่อใยอยู่ จะเกิดความต้องการทางเพศได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากรู้ไส้รู้พุง คลุกวงในใกล้ชิดกันมามาก จึงเหมือนอยู่แค่เอื้อมถึง แต่ตานี้ของแค่เอื้อมกลายเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างร้ายแรงไปเสียแล้ว

พอใจรู้สึกว่าเป็นของต้องห้าม และพยายามสั่งตัวเองให้ห้ามใจ ใจจะพยศขึ้นมาเหมือนม้าป่าหนีบ่วงบาศทันที ถ้าไม่ห้าม ถ้าไม่คิด ถ้าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าห้ามปุ๊บ ใจจะพยายามกระโจน บังเกิดความทะยานอยากอย่างรุนแรงขึ้นมาทันใด

ผลของการมีใจ หรืออีกนัยหนึ่งคือการ ‘ไม่สามารถตัดใจ’ นั้น คุณทราบอยู่แล้วกับปัจจุบัน นั่นคือความทรมานใจ และสำหรับผลในระยะยาว ก็คือความมีความเกาะเกี่ยวผูกพันกับเขาแบบบาดใจ บันดาลเหตุให้ต้องรู้สึกลับๆล่อๆต่อไปอีก นี่คือสัจธรรมของมโนกรรม กรรมที่ทำด้วยใจ ย่อมได้รับ ‘ผลทางใจ’ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างแน่นอน เพียงแต่ในกรณีนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเดือดร้อนทรมานระดับเดียวกับที่ไปผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารเท่านั้น

กรณีของคุณอาจนำมาเป็นตัวอย่าง แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำนัก ใช่ว่าหย่าปุ๊บต้องตัดใจให้ได้ปั๊บ ธรรมชาติไม่ได้ห้ามขาดมิให้ถวิลหาหรือเกิดอารมณ์วูบไหววาบหวามอีกเลย ยังมีใจได้ ยังถวิลหาได้ ยังเผลอใจได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าเผลอตัวก็แล้วกัน

บางทีผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันนะครับ คู่ที่เลิกๆกันไปแล้วน่ะ ถ้าต่างฝ่ายต่างรู้ตัวว่าไม่คิดอะไรแล้วจริงๆ จะพูดคุยหรือพบปะก็คงเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ แต่มีแบบนั้นสักกี่รายกัน? หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือหนักกว่านั้นคือทั้งสองฝ่าย ต่างก็ยังมีใจผูกพัน ยังมีความรู้สึกแสนหวานแสนดีค้างคาอยู่ อย่างนี้ผมไม่สนับสนุนเลยที่จะให้พบเจอหรือแม้กระทั่งได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ เพราะวันดีคืนดีอาจเกิดน้ำหนักอารมณ์ชนะความยับยั้งชั่งใจเข้าจนได้ วันนี้ยังไม่ผิด อาจไม่ใช่เพราะสามารถไว้ใจตัวเองได้ แต่เพราะยังไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มส่งสัญญาณต่างหาก

อาจฟังยากหน่อยนะครับ ผมตอบว่าคุณยังไม่ผิดในปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้ทำอนาคตให้ถูกเสียทีเดียวนะ การไว้ใจอนาคตมากเกินไปเขาเรียกประมาท ถ้ากิเลสเขาเก่งน้อย วัฏสงสารคงไม่มี ‘ข้างล่าง’ มากกว่า ‘ข้างบน’ เหมือนอย่างที่เห็นตัวอย่างกันในโลกมนุษย์เช่นนี้หรอก


ถ้ามีเหตุสำคัญต้องพูดคุยก็คงจำเป็นต้องคุยต่อไป แต่ถ้าไม่สำคัญ และคุณรู้อยู่แล้วว่าใจตัวเองสั่งตัดไม่ได้ ก็จงอย่าชะล่า อย่าหลงไว้ใจอนาคตอีกต่อไปเลย พรุ่งนี้ไม่ใช่ตัวคุณ แต่เป็นใครอีกคนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้นก็คุมตัวคุณที่คุมได้ในวันนี้เถิดครับ อย่าปล่อยให้สายเกินแก้แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง อย่างมากปีใหม่ส่งลูกอมรสบ๊วยไปให้สักกล่องเดียวก็โอเคแล้ว เป็นการฝากความระลึกถึงในทางดีเพียงพอแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น