ถาม : ดิฉันหย่าขาดกับสามีมาได้นานพอสมควรด้วยเหตุผลบางอย่าง
ระหว่างเราไม่ได้มีความบาดหมางกัน ยังสามารถโทร.คุยกันเหมือนเพื่อน
(เราเคยเป็นเพื่อนกันนานก่อนจะอยู่กินกัน) และดิฉันก็ทราบว่าเขาคิดแบบเพื่อนจริงๆ
แต่ดิฉันเองทราบดีแก่ใจว่ายังรักเขามาก
แม้จะพยายามใช้น้ำเสียงหรือคำพูดแบบเพื่อนก็ตาม นั่นทำให้รู้สึกผิด
เพราะปัจจุบันเขามีลูกเมียแล้ว อยากทราบว่าการที่ดิฉันยังมีใจรักเขา
และมีจินตนาการถึงเขาเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงอยู่ ถือว่าเป็นผิดบาปอย่างไรไหม? คือนานแล้วที่ไม่ได้เจอตัวเป็นๆนะคะ
แต่คุยทางโทรศัพท์ทีไรก็จะคิดถึงความสัมพันธ์เก่าๆเสมอ
จนนึกเกลียดตัวเองและทรมานใจที่ตัดอารมณ์ฝ่ายต่ำไม่สำเร็จ
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
ขอพูดตามขอบเขตของศีล ๕ นะครับ ศีล ๕ เป็นรั้วกั้นบาปทางกายและทางวาจาเท่านั้น ไม่ได้กั้นรวมไปถึงใจ หมายความว่าคุณจะคิดแค่ไหน จิตจะดิ้นรนกระสับกระส่ายเพียงใด ขอเพียงไม่มีเพศสัมพันธ์กันจริงๆ ก็นับว่ายังเป็นผู้อยู่ในกรอบอยู่ในรั้วของศีลได้เต็มตัว ยังไม่หลุดออกมาเป็นผู้ผิดศีลแน่นอนครับ
ว่ากันว่าวัวเคยขา
ม้าเคยขี่ เป็นสามีภรรยากันมาก่อนนั้น เมื่อหย่าขาดจากกันและไปเป็นของคนอื่น
แล้วยังมีเยื่อใยอยู่ จะเกิดความต้องการทางเพศได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากรู้ไส้รู้พุง
คลุกวงในใกล้ชิดกันมามาก จึงเหมือนอยู่แค่เอื้อมถึง
แต่ตานี้ของแค่เอื้อมกลายเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างร้ายแรงไปเสียแล้ว
พอใจรู้สึกว่าเป็นของต้องห้าม
และพยายามสั่งตัวเองให้ห้ามใจ ใจจะพยศขึ้นมาเหมือนม้าป่าหนีบ่วงบาศทันที
ถ้าไม่ห้าม ถ้าไม่คิด ถ้าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าห้ามปุ๊บ
ใจจะพยายามกระโจน บังเกิดความทะยานอยากอย่างรุนแรงขึ้นมาทันใด
ผลของการมีใจ
หรืออีกนัยหนึ่งคือการ ‘ไม่สามารถตัดใจ’ นั้น คุณทราบอยู่แล้วกับปัจจุบัน
นั่นคือความทรมานใจ และสำหรับผลในระยะยาว
ก็คือความมีความเกาะเกี่ยวผูกพันกับเขาแบบบาดใจ
บันดาลเหตุให้ต้องรู้สึกลับๆล่อๆต่อไปอีก นี่คือสัจธรรมของมโนกรรม กรรมที่ทำด้วยใจ
ย่อมได้รับ ‘ผลทางใจ’ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างแน่นอน เพียงแต่ในกรณีนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเดือดร้อนทรมานระดับเดียวกับที่ไปผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารเท่านั้น
กรณีของคุณอาจนำมาเป็นตัวอย่าง
แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำนัก
ใช่ว่าหย่าปุ๊บต้องตัดใจให้ได้ปั๊บ
ธรรมชาติไม่ได้ห้ามขาดมิให้ถวิลหาหรือเกิดอารมณ์วูบไหววาบหวามอีกเลย ยังมีใจได้
ยังถวิลหาได้ ยังเผลอใจได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าเผลอตัวก็แล้วกัน
บางทีผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันนะครับ
คู่ที่เลิกๆกันไปแล้วน่ะ ถ้าต่างฝ่ายต่างรู้ตัวว่าไม่คิดอะไรแล้วจริงๆ
จะพูดคุยหรือพบปะก็คงเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ แต่มีแบบนั้นสักกี่รายกัน? หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หรือหนักกว่านั้นคือทั้งสองฝ่าย ต่างก็ยังมีใจผูกพัน ยังมีความรู้สึกแสนหวานแสนดีค้างคาอยู่
อย่างนี้ผมไม่สนับสนุนเลยที่จะให้พบเจอหรือแม้กระทั่งได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์
เพราะวันดีคืนดีอาจเกิดน้ำหนักอารมณ์ชนะความยับยั้งชั่งใจเข้าจนได้ วันนี้ยังไม่ผิด
อาจไม่ใช่เพราะสามารถไว้ใจตัวเองได้
แต่เพราะยังไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มส่งสัญญาณต่างหาก
อาจฟังยากหน่อยนะครับ
ผมตอบว่าคุณยังไม่ผิดในปัจจุบัน
แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้ทำอนาคตให้ถูกเสียทีเดียวนะ การไว้ใจอนาคตมากเกินไปเขาเรียกประมาท
ถ้ากิเลสเขาเก่งน้อย วัฏสงสารคงไม่มี ‘ข้างล่าง’ มากกว่า ‘ข้างบน’
เหมือนอย่างที่เห็นตัวอย่างกันในโลกมนุษย์เช่นนี้หรอก
ถ้ามีเหตุสำคัญต้องพูดคุยก็คงจำเป็นต้องคุยต่อไป
แต่ถ้าไม่สำคัญ และคุณรู้อยู่แล้วว่าใจตัวเองสั่งตัดไม่ได้ ก็จงอย่าชะล่า
อย่าหลงไว้ใจอนาคตอีกต่อไปเลย พรุ่งนี้ไม่ใช่ตัวคุณ
แต่เป็นใครอีกคนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสิ้นเชิง
ฉะนั้นก็คุมตัวคุณที่คุมได้ในวันนี้เถิดครับ
อย่าปล่อยให้สายเกินแก้แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง
อย่างมากปีใหม่ส่งลูกอมรสบ๊วยไปให้สักกล่องเดียวก็โอเคแล้ว
เป็นการฝากความระลึกถึงในทางดีเพียงพอแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น