วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิธีทำใจกับความตกต่ำของคนรักเก่า (ดังตฤณ)

ถาม : ทำใจไม่ได้กับชีวิตแย่ๆของคนรักเก่า แม้เลิกกันนานแล้วก็ไม่สามารถตัดใจเมื่อเห็นเขาตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เคยพยายามพูด พยายามชักชวนให้เขามาสนใจธรรมะบ้าง แต่เขาก็ผิดศีลหลายต่อหลายข้อมานาน เป็นความเคยชินที่เปลี่ยนแปลงยาก ตอนนี้เหมือนดิฉันตาสว่าง และเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาตกอยู่ในความมืด เอาแต่คิดผิดๆ พูดผิดๆ และทำผิดๆเพื่อความเดือดร้อน แต่เราบอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง คำถามคือจะต้องฝึกคิดอย่างไรเพื่อให้ใจวางเขาลงได้คะ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘

ดังตฤณ: 
ลองนึกถึงโขดหินที่ชายหาดก้อนใหญ่ๆสักลูก คุณคงเห็นว่ามันหนักเกินกำลัง ถ้ายังขืนพยายามไปยกหรือเข็นให้มันเคลื่อนที่ คุณเองก็จะหนักเปล่า และโขดหินก็จะอยู่กับที่ของมันอย่างนั้นตามเดิม

ฝึกมองโขดหินเทียบกับกำลังกายของคุณบ่อยๆ แล้วน้อมมาพิจารณาให้เห็นตามจริง ว่าวิบากมืดของคนบางคน ก็ทำให้เขา ‘ตัวหนัก’ จนเข็นยากเหมือนโขดหิน ถ้าเรายังขืนผลักดันก็อาจเปลืองแรงกายเปลืองแรงใจเปล่าๆปลี้ๆ โดยที่เขาจะยังคงเป็นเขา ปักหลักอยู่ตรงตำแหน่งเดิมที่เขานึกว่าดีแล้ว เหมาะสมกับเขาแล้ว

เมื่อพิจารณาหลายครั้งจนพอ ก็จะเกิดอาการตาสว่างขึ้นเอง คือคิดได้ว่ากรรมใครกรรมมัน คนและสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนเองก่อ ถ้าเขามีบุญพอจะฟังคุณแล้วกลับตัวกลับใจ อะไรๆก็ไม่ยากนัก แต่หากบาปของเขาหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะรับฟัง ต่อให้พูดจนต้องอมยาแก้เจ็บคอวันละสองกระป๋อง เขาก็จะแค่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่อย่างนั้น

กรรมจะสร้างภพให้กับจิตของแต่ละคน ภพคือภาวะ คือระดับของจิต คือสภาพแวดล้อมของโลกที่ต้องประสบพบพาน แม้อยู่บนโลกใบเดียวกัน แต่ก็ประสบกับเหตุการณ์ผิดแผกแตกต่างกัน เช่นคนมีเงินเดือนเท่ากัน แต่บางคนเกิดปัญหาให้ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ จึงมีเงินเก็บผิดกัน มีความกลัดกลุ้มไม่เท่ากัน

สืบดูพฤติกรรมแล้ว โดยมากก็พบว่าคนพวกหนึ่งหลงมัวเมาอบายมุข เล่นพนัน เที่ยวผู้หญิงเป็นประจำ ในขณะที่คนอีกพวกหนึ่งรู้จักเก็บออม ห่างไกลจากอบายมุข

ถามว่าพวกเสเพลรู้บ้างไหม ว่าการพนันและการเที่ยวผู้หญิงเป็นเหตุให้ทรัพย์เสื่อม เขาจะตอบว่ารู้ ก็ใช้เงินไป จะให้เงินเหลือเท่าเดิมได้อย่างไร เขาจะไม่รู้เลยว่าแท้ที่ จริงอบายมุขมิใช่แค่ทำให้ทรัพย์เสื่อมเพราะใช้จ่ายออกไปตรงๆ แต่กระแสอบายมุขเองจะลากจูงเหตุการณ์ร้ายๆ หรือนำพาเขาไปประสบกับสถานการณ์แย่ๆที่หลีกเลี่ยงยาก พูดง่ายๆคืออบายมุขจะดึงดูดให้มัวเมา หลงเขลา เข้าไปติดอยู่ในภพแห่งความเสื่อมทรัพย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

หากคุณเคยเล่นพนัน ไม่สังหรณ์สักนิดว่าเล่นแล้วจะหมดตัว รู้สึกฮึกเหิม เชื่อมั่นแต่ว่าจะเล่นได้ เสร็จแล้วผลออกมาคือกระเป๋าแห้งกลับบ้าน นั่นคือตัวอย่างของการถูกอบายมุขดึงดูดเข้าไปติดภพแห่งความเสื่อมเข้าแล้ว ยิ่งรู้สึกถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งอยากแก้มือใหม่เท่าใด นั่นยิ่งสะท้อนให้เห็นยางเหนียวที่ยึดคุณติดกับภพแห่งความเสื่อมอย่างเต็มตัว

หากจิตคุณอยู่คนละภพกับเขาจริงๆ จะรู้สึกว่าไม่อาจสัมผัสกันได้ เยื่อใยความผูกพันเท่านั้น ที่ยังโยงคุณให้ห่วงหาอาทร ขอให้คิดว่าการที่คุณเห็นเขาตกต่ำแล้วช่วยพูดเตือนสติ หรือพยายามทุกวิถีทางดึงเขามาสู่ทางกุศล ก็นับว่ามีเมตตา (ใจคิดปรารถนาดี) ตลอดจนมีความกรุณา (ลงมือช่วยเหลือ) แต่ก็ควร ‘ดีให้ครบถ้วน’ เพื่อตัวคุณเอง คือเมื่อไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ก็ต้องมีอุเบกขา (วางเฉยด้วยการพิจารณาแล้วว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม)


การวางเฉยไม่เป็น ถือว่ายังปรารถนาดีไม่พอ คือไม่รู้จักปรารถนาดีกับตนเอง คนอื่นเขาย่อยยับไม่พอ ต้องให้ตัวเองย่อยยับตามไปด้วยถึงจะสะใจหรือเลิกรู้สึกผิด วิธีที่จะวางเฉยคือต้องหัดถามตัวเองบ่อยๆ ว่าที่เขาได้รับผลอย่างนั้น เขาตกต่ำอย่างนั้น ใครเป็นคนทำ ใครเป็นต้นเหตุ ใครเป็นคนรักษาเหตุแห่งความเสื่อมไว้ ถามย้ำๆๆเข้าไปจนกว่าใจจะยอมรับ ว่าไม่มีใครช่วยอุ้มใครได้ เป็นขาเดินแทนใครไม่ได้ อย่างมากที่สุดแค่ช่วยชี้ทาง เขาจะเห็นชอบว่าควรมาหรือไม่ ต้องสุดแท้แต่เขามีบุญพอหรือยัง ที่จะมองเห็นประโยชน์โดยความเป็นประโยชน์ และมองเห็นโทษโดยความเป็นโทษครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น