ถาม : ในกรณีที่พ่อแม่กำลังจะต้องตายแน่ๆ
แต่เหมือนหายใจไปวันๆเพราะเครื่องช่วยหายใจ
การถอดเครื่องช่วยหายใจออกตามคำสั่งเสียไว้ล่วงหน้าของพวกท่าน
ซึ่งไม่อยากยื้อชีวิตตัวเองไว้เป็นภาระแก่ลูก อย่างนี้ถือเป็นปาณาติบาตหรือไม่คะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘
ดังตฤณ:
ก่อนอื่นเล็งที่ใจ ต้องบอกว่าไม่ใช่ปาณาติบาตเต็มขั้นแน่นอน คือขาดเจตนาฆ่าเป็นตัวตั้ง เพราะไม่ได้วางแผนทำให้ตายขณะที่กำลังทรงสภาพดีๆอยู่
ว่าไปแล้วคนป่วยที่ไม่อาจดำรงชีวิตรอดด้วยวิธีทางธรรมชาติ
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ถือว่าอายุกายขาดไปแล้วเกินครึ่ง
เพราะเครื่องช่วยหายใจนั้น ชื่อบอกอยู่แล้วว่าเป็นเครื่องช่วยต่ออายุ
ถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจอายุก็ต้องขาดแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม
แม้ไม่มีเจตนาฆ่า แต่ความรู้สึกว่าคุณเป็นคนทำให้ท่านตายก็อาจเกิดขึ้น
เพราะช่วยได้แต่ไม่ช่วย ซึ่งตรงนี้แหละที่อาจทำให้คุณไม่พ้นมลทินดีนัก
ฉะนั้น
ถือเอาแค่ความรู้สึกไม่สบายใจข้อเดียวนี้
ผมอยากแนะนำว่าควรปล่อยให้ท่านตายตามเวลาจะสบายใจกว่าครับ
ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องกลัดกลุ้มไปอีกนานว่ามีส่วนทำให้พ่อแม่ตายหรือเปล่า
มลทินทำนองนี้ไม่ใช่จะล้างให้รู้สึกสะอาดง่ายนัก
อย่างน้อยได้รู้สึกว่าคุณช่วยเต็มความสามารถตามฐานะลูก ซื้อความสบายใจหายห่วง ก็ย่อมดีกว่ากันแน่
แต่บางทีการช่วยพยุงชีวิตนั้นก็มีรายละเอียดแยกย่อยมาก
ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้อยู่กับใจแค่ไหนด้วย
เพราะหลายกรณีเท่าที่ผมทราบคือร่างกายหมดสภาพที่จะดำรงชีวิตแน่แล้ว
ฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพมีสติอย่างคนธรรมดาไม่ได้แน่แล้ว ถือว่าอายุขาดแน่แล้ว การรั้งไว้แค่ร่างกาย
อาจหมายถึงไม่ปล่อยให้เกิดจุติจิต ไม่ปล่อยให้ท่านเคลื่อนไปเสวยกรรมตามกาลก็ได้
ถ้าคุณทราบชัด มีหลักฐานทางแพทย์ชัดเจน ก็อาจปล่อยท่านไปโดยไม่ถือเป็นการฆ่า
แต่อีกหลายกรณีจะก้ำกึ่ง
ไม่แน่ไม่นอน หมอเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่หรือไป มีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ฟื้นคืนกลับมาเป็นดังเดิม
อันนี้ถ้าคุณด่วนถอด น้ำหนักความรู้สึกย่อมเป็นคนละเรื่องกับกรณีข้างต้น
ด้วยความไม่รู้ภายใต้ความไม่แน่ไม่นอนนี่แหละ โอกาสที่จะเป็นปิตุฆาต
มาตุฆาตก็สูงมาก
ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอน
ขอแค่คิดแม้แต่นิดเดียวว่าอยากให้ชีวิตขาดๆไปเสีย คุณจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ
เมฆหมอกปาณาติบาตก็เคลื่อนมาคลุมจิตคุณเกือบครึ่งแล้ว
เพราะถือว่าขาดเมตตากับผู้ให้กำเนิด การขาดเมตตาเป็นตัวชี้ว่าไม่อยากให้อยู่ต่อ
ยิ่งถ้าคิดอยากได้มรดกเสียเร็วๆ อันนี้ถือเป็นปาณาติบาตเต็มขั้นทันที
เพราะเจืออยู่ด้วยความโลภ ความโลภเป็นตัวชี้ว่าอยากให้ตาย
ปิตุฆาตกับมาตุฆาตคืออนันตริยกรรม
ให้ผลหนักแน่นที่สุด ประกอบกรรมชนิดนี้แล้วเอาคืนไม่ได้
ชะล้างหรือชดเชยด้วยวิธีใดๆไม่ได้ สำนวนอันเป็นพุทธพจน์คือจะเป็นผู้ไปอบาย
ตกนรกชั่วกัป ไม่อาจเยียวยา อย่าเสี่ยงเฉียดใกล้เลยเป็นดี ขอสรุป ๒ ข้อสั้นๆคือ
๑)
ถ้าหลักฐานทางแพทย์ชี้ว่าตายอยู่แล้ว แค่ช่วยให้หายใจไม่ได้แปลว่ายังมีชีวิตอยู่
อันนั้นถอดเครื่องช่วยก็ไม่นับว่าฆ่า
๒) ถ้าพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง แต่ไม่มีเงิน
แม้เอาพ่อแม่เข้าโครงการอุปถัมภ์ แต่หมอก็ไม่ยอมต่อชีวิตให้
ก็ทำใจคิดว่าคุณหมดแรงที่จะยื้อท่านไว้จากปากเหวแห่งมรณา
อย่างไรท่านก็ต้องตกร่วงลงไปอยู่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น