ถาม : เคยโดนหมอดูทักว่าจะอยู่กับสามีไม่ได้
แต่ดิฉันไม่เชื่อ เพราะสามีเป็นคนดีมาก และดิฉันก็รักเขามาก
พออยู่กินกันจริงเรื่องก็เป็นไปตามที่หมอดูทำนายไว้
คือเกิดเรื่องร้อนสารพัดจนทนไม่ไหว ต้องเลิกรากันจริงๆ
ความสงสัยของดิฉันคือถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็คงไม่ต้องเชื่อเรื่องกรรมกันอีกต่อไป
ในเมื่อทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ดิฉันพยายามทำดีกับสามี
แต่ก็มีตัวแปรอื่นแทรกแซงจนรับมือไม่ไหว นี่แปลว่ากรรมดีชนะดวงไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘
ดังตฤณ:
ต้องว่าเป็นกรณีไปครับ แต่ละคนต้องเจอวิบากต่างกัน มนุษย์เราคบกันด้วยม่านหมอกบดบังความจริง ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอย่างไรแน่ ไม่รู้ว่าอดีตกรรมอันใดเป็นชนวนนำมาพบกัน ไม่รู้ว่ากรรมสัมพันธ์แต่ปางก่อนเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้เป็นสุขหรือเป็นทุกข์เมื่ออยู่ร่วมกัน ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่ทั้งสองคนทำๆอยู่ในปัจจุบันจะพาไปสู่ความเจริญหรือหายนะ
ความจริงส่วนใหญ่ถูกกันไว้จากความรับรู้
เห็นแต่รูปร่างหน้าตา ฟังแต่เสียงพูด รู้สึกแต่ว่ารัก
เพียงแค่นั้นก็อาจทำให้ปักใจเชื่อ ว่าเราเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะกับเราะที่สุด
ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครรู้เลย
และด้วยเพราะไม่รู้แต่กระหายใคร่รู้
ก็จึงพากันเข้าหาหมอดู อันเป็นวิธีซื่อๆที่จะโกงธรรมชาติสะดวกสุด
เสียไม่กี่ร้อยซื้อแว่นส่องอนาคตให้เห็นล่วงหน้าว่าจะอยู่กันรอดไหม
หรืออย่างน้อยรู้เสียหน่อยว่าอยู่ด้วยกันแล้วเป็นสุข มีความอบอุ่นใจ
มีครอบครัวที่เจริญรุ่งเรืองแค่ไหน
หากคุณไปเจอหมอดูที่แม่นจริง
เขาจะบอกได้จากศาสตร์แห่งสถิติ ว่าฤกษ์เกิดแบบนั้นแบบนี้มาอยู่คู่กันแล้ว
‘มีแนวโน้ม’ เป็นดีหรือร้าย ทำนองเดียวกับที่พ่อครัวหัวป่าพยากรณ์ได้ว่าถ้าเอาส่วนประกอบและเครื่องปรุงอาหารแบบใดมาผสมกัน
จะได้ผลเป็นรสชาติเข้าท่าหรือกร่อยสนิท
ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์
ฮวงจุ้ย นามมงคล หรือศาสตร์เกี่ยวกับการทำนายไหนๆ
ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์นั้นๆก็อาศัยเกณฑ์เดียวกันในการตัดสิน คือถ้าเป็นเนื้อคู่แล้ว
ต้องมีปัจจัยสนับสนุนให้พร้อมจะเป็นสุขเมื่ออยู่ร่วมชายคากัน
แต่หากอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ปัจจัยส่งให้ทะเลาะเบาะแว้ง
ก่อนนอนไม่แน่ใจว่าจะโดนแทงตอนหลับเลือดไหลท่วมเตียงหรือเปล่า
อันนี้ไม่นับเป็นเนื้อคู่ แม้ก่อนแต่งส่อเค้าว่ารักกันปานจะกลืน
รู้สึกว่าเป็นคนดีของกันและกันขนาดไหนก็ตาม
กลับมาพูดถึงเรื่องของคุณ
ฟังรายละเอียดแล้วสรุปได้ว่าเป็นปัจจัยภายนอกเกือบทั้งสิ้น
พูดง่ายๆว่าโดนสุมไฟจากนอกบ้าน ไม่ได้เริ่มจุดไฟขึ้นเองจากในบ้าน
แต่แม้เป็นไฟจากภายนอก เมื่อขาดมาตรการป้องกันที่ดี ที่สุดก็ลามมาถึงในบ้านจนได้ สิ่งที่หมอดูเห็นอาจจะเป็นไฟนอกบ้านที่ต้องมาแน่
และหมอดูก็คาดการณ์อย่างที่ใครๆก็คาดเดาได้ ว่าถ้าเจอไฟขนาดนั้น
ผัวเมียย่อมละเหี่ยใจเป็นธรรมดา ไหนจะมือที่สาม
ไหนจะความจุกจิกระหว่างครอบครัว ไหนจะความเครียดจากความผันผวนทางการเงินการงาน
คุณผ่านทางแยกกับสามีมาแล้วผมก็คงไม่ต้องลงรายละเอียดวิธีแก้ไข
ที่นี้อยากไขข้อข้องใจกว้างๆครับ ขอยืนยันว่าคุณเชื่อใจตัวเอง
เชื่อกรรมในปัจจุบันของตัวเองได้ยิ่งกว่าหมอดู แม้ว่าอย่างไรไฟนอกบ้านก็ต้องโหมขึ้นและลามเข้าบ้านแน่ๆ
แต่ถ้าคุณเตรียมน้ำไว้ดี มีใจไม่ประมาทร่วมกัน
อย่างไรไฟก็มาไม่ถึงตัวบ้านอย่างเด็ดขาด
ถ้าร่วมกันทำบุญในระดับทาน
คือตั้งใจว่าจะรู้จักเสียสละ ไม่ผูกใจเจ็บ
ฝึกให้อภัยเป็นทานเสียแต่เนิ่นๆจนจิตหลั่งกระแสเมตตาร่วมกันตลอดเช้ายันเย็น
ไหนเลยความจุกจิกระหว่างครอบครัวของแต่ละฝ่ายจะมารบกวนให้คิดมากได้? ใครระรานแค่ไหนใจก็เย็นพอจะทำสถานการณ์ให้ดีขึ้นเสมอ
ถ้าร่วมกันทำบุญในระดับศีล
คือปฏิญาณว่าจะถือศีล ๕ ให้สะอาดร่วมกัน
ไหนเลยมือที่สามจะเข้ามาป่วนให้เกิดความแตกแยก
หรือแม้กระทั่งสร้างความร้าวฉานหวาดระแวงระหว่างคุณกับสามีได้? กระแสของศีลที่ชักชวนกันรักษาอย่างมั่นคงแล้ว
จะทำให้คุณสบายใจ ไม่รู้สึกว้าวุ่นแม้แต่น้อย ถึงสามีจะอยู่ลับตาใกล้ไกลเพียงใดก็ไม่จำเป็นต้องโทร.ตามจิกตามเช็กให้รำคาญกัน
สรุปคือถ้าเอาชนะความโลภ เอาชนะความโกรธ
เอาชนะความหลงเข้าใจผิดเสียได้ด้วยทานและศีล คุณก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อหมอดูเลยครับ
ยิ่งอยู่จะยิ่งสบายใจ เห็นอกเห็นใจกัน อยากอยู่ร่วมกันไปอีกนานแสนนาน แม้ต้องลงทุนเตรียมน้ำใหม่ให้ชนะไฟเก่ามากหน่อยก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น