ถาม : หากสวรรค์มีแต่สุข
และใจของเทวดานางฟ้ามีความรื่นเริงยินดีอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย
พวกเขาจะเบื่อหน่ายสวรรค์กันบ้างไหม?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๙
ดังตฤณ:
เหมือนความฝันในแต่ละคืน คุณจะบอกได้ชัดที่สุดว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้ายก็ในขณะจิตแรกที่รู้ตัวว่าตื่นขึ้น โดยมากคุณจะตื่นขึ้นแล้วรู้สึกเฉยๆ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นฝันธรรมดา แต่ถ้าตื่นขึ้นแล้วโล่งอก แทบไชโยโห่ฮิ้วที่เมื่อครู่เป็นแค่ฝัน นั่นย่อมฟ้องว่าฝันนั้นร้ายกาจยิ่ง
ทางสุดท้ายคือตื่นขึ้นแล้วแทบอยากเอาหัวโขกปูนให้สลบลงฝันต่อ
เพราะยังตักตวงสุขไม่เต็มอิ่ม ก็แปลว่าฝันที่เพิ่งขาดตอนไปนั้นดีเกินจริง
แสนสุขเกินกว่าโลกมนุษย์จะให้กับคุณได้ เมื่อตื่นขึ้นจากฝันหวานทุกครั้ง
คุณจะอาลัยอาวรณ์ แสนเสียดายเสมอที่มันเป็นแค่ฝัน
นั่นก็เป็นเพราะคุณยังไม่อิ่มไม่เบื่อ ไม่รู้สึกว่าพอ
ชาติภพก็เหมือนฝัน
และสวรรค์ก็คือฝันดีที่สุดที่คุณจะตื่นขึ้นมาเสียก่อนเบื่อ
เมื่อยังหลงใหลฝันดีแล้วยังไม่อยากตื่นฉันใด
คุณก็จะยังไม่อยากละสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์ฉันนั้น ขณะอยู่บนสวรรค์
จิตของคุณจะเต็มตื่น สามารถในการรับรู้สิ่งต่างๆโดยรอบอย่างพิสดาร
คุณจะได้เสพแต่ภาพและเสียงงามละไม ล้ำประสบการณ์ทางแก้วหูแก้วตาของมนุษย์
เป็นต้นว่าคุณจะลืมเครื่องเสียงที่ดีที่สุดในโลก
เมื่อสัมผัสมิติกว้างยาวลึกของดนตรีสวรรค์ ที่ส่ำเสียงเครื่องประกอบใหญ่น้อยลอยมาจากโค้งฟ้าเบื้องไกลคนละทิศ
สอดประสานกันอย่างกลมกลืน และเป็นไปตามรสนิยมทางดนตรีสุดท้ายก่อนคุณตายจากโลกนี้ไป
เหล่าเทวดาจัดเป็น
‘นันทิ’ คือผู้มีแต่ความยินดี มีแต่ความพอใจในสิ่งที่ประสบพบพาน
หากนันทิเป็นผู้เบื่อ ผู้หดหู่เศร้าหมอง ก็จะไม่เรียกว่าเป็นนันทิอีกต่อไป
ฉะนั้นสวรรค์จะต้องเป็นงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงชั่วนาตาปี
เพื่อหล่อเลี้ยงความเป็นนันทิเอาไว้
ด้วยธรรมชาติอันปรากฏขึ้นเพื่อหล่อเลี้ยงความเป็นนันทิ
สวรรค์จึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘นันทะ’
คือมีหน้าที่ส่งมนต์ขลังสะกดให้จิตตกอยู่ในห้วงแห่งความปรีดาอันมีรสประหลาดล้ำ
ชวนให้เคลิ้มคิดอยู่ตลอดเวลา ว่านี่เป็นชีวิตอมตะ มองไปยังทิศใดจะไม่เห็นการแก่
อีกทั้งหายากที่จะมีตายให้ดูเป็นอุทาหรณ์ เพราะสภาพทิพย์มีความยืนยง
หนำซ้ำเมื่อตายก็ล่องหนหายไปเลย ไม่มีภาพไฟเผาให้สะเทือนใจอย่างในโลกมนุษย์เรา เทวดาจึงเกิดอุปาทานอย่างเหนียวแน่น
ว่าสวรรค์เป็นที่น่าพอใจ เป็นนันทะขั้นสูงสุด
ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้คิดเบื่อหน่ายในหมู่เทวดาทั่วไป
ต้นกำเนิดที่ก่อให้เกิดสภาพอันเป็นนันทะ
ก็คือมหากุศลกรรมที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ มนุษย์จะได้รู้หลังความตาย
ว่าหน้าที่ของบุญกุศลนั้น เป็นไปเพื่อความสุข เป็นไปเพื่อความชื่นใจ
เป็นไปเพื่อความสนุกรื่นเริงโดยส่วนเดียว
เราพอจะเห็นตัวอย่างได้จากบนโลกมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังเฉิดฉายล่อตาของอิสตรี
หรือสุ้มเสียงกลมกล่อมเสนาะโสตของผู้มีบุญทางเสียง
เพียงด้วยประสบการณ์สัมผัสวัตถุหยาบบนโลกประมาณนี้ ก็พอจะทำให้เราเข้าใจได้
ว่าวัตถุอันทรงพลังดึงดูดใจเป็นอย่างไร แต่วัตถุหยาบบนโลกมนุษย์นั้น
เมื่อเปรียบกับวัตถุทิพย์บนโลกสวรรค์แล้ว ก็เป็นได้เพียงแค่แม่เหล็กดูดใจ
ขนาดกระแบะมือเดียว ไม่อาจเทียบรุ่นกับแม่เหล็กดูดใจขนาดใหญ่เท่าห้องได้เลย
บนโลกมนุษย์นี้
ถึงแม้คุณมีทุกอย่างครบ ทั้งหน้าตา ฐานะ และคนรัก
แต่แค่ไม่บริหารร่างกายให้สม่ำเสมอ คุณก็มีสิทธิ์เป็นโรคเซ็งชีวิต จิตซึมเศร้า
แขนขาลีบไร้เรี่ยวแรงได้แล้ว ในขณะที่บนโลกเทวดานั้น
ถึงแม้คุณเป็นเพียงเทพบริวารที่แทบไม่มีสมบัติเป็นของตนเอง คุณก็จะมีสุขภาพแข็งแรงเป็นนิตย์โดยไม่จำเป็นต้องบริหารร่างกายแต่อย่างใด
แถมยังรู้สึกถึงกำลังวังชามหาศาล เหาะเหินทันใจ ไม่ต้องเดินให้ปวดเข่า
(บนสวรรค์มีเดินพอเป็นลีลา การเดินไม่ใช่วิธีหลักในการเคลื่อนที่ของเหล่าเทวดา)
คุณต้องชอบแน่ๆ ไม่เบื่ออัตภาพชนิดนั้นแน่ๆ
กล่าวโดยรวม เมื่อเรามองภาพใหญ่ที่สุดของสวรรค์
จะเห็นประกอบด้วยธรรมชาติสองขั้ว ขั้วแรกคือ ‘จิต’ อันยังชุ่มด้วยความทะยานอยาก
เหมือนพรานล่าเนื้อที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเหยื่ออันโอชะในทันทีที่เห็น
ส่วนอีกขั้วหนึ่งคือ ‘วัตถุทิพย์’ อันเอิบอาบไปด้วยรัศมีดึงดูดรุนแรง
เสมือนสนามแม่เหล็กที่ส่งกำลังอยู่ตลอดวันตลอดคืน
ถ้าจะกล่าวว่าเทวดามีความเบื่ออยู่บ้าง
ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราวครับ ธรรมชาติใดมีแรงดึงดูดเข้าหากัน
ธรรมชาตินั้นย่อมมีแรงผลักออกแฝงอยู่ในตัวเองเสมอ
กล่าวคือเมื่อถึงจุดอิ่มตัวของพลังดึงดูด ที่สุดแล้วก็เปลี่ยนเป็นแรงผลักออกจนได้
เช่นบนสวรรค์นั้น อาหารทิพย์รสหนึ่งอาจส่งกลิ่นเย้ายวนชวนรับประทานเหลือจะกล่าว
แต่เมื่อได้บริโภคซ้ำหลายครั้งเข้า แค่คิดถึงรสทิพย์เดิมๆ
ก็เกิดแรงผลักให้นึกอยากไปหารสทิพย์อื่นๆแล้ว
นี่ก็คล้ายกับพวกเรา
ที่อาจเบื่อก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้ จึงสลับไปกินข้าวผัดมื้อหน้า
สิ่งที่แตกต่างกันไปบ้าง ก็คือคุณอาจเบื่อก๋วยเตี๋ยวเพราะแม่ครัวรสมือไม่ดี
ปรุงก๋วยเตี๋ยวได้ห่วยมาก แต่ถ้าเป็นบนสวรรค์แล้ว
ที่อาหารทิพย์จะไม่อร่อยนั้นไม่มี มีแต่อร่อยจัดหรืออร่อยพอประมาณ
เทวดาจะอยากเปลี่ยนรสชาติด้วยเหตุผลเดียว คือต้องการความหลากหลายหรือความแปลกใหม่
ล่อใจให้กระโดดทะยานไม่หยุดนิ่งไปเรื่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น