ถาม : มีคนบอกว่าเทวดายังเบื่อหน่ายทิพยสมบัติ
อยากลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มี ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๙
ดังตฤณ:
จิตของมนุษย์แต่ละคน และจิตของเทวดาแต่ละองค์นั้น เสพสมบัติด้วยความยินดียินร้ายไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการสั่งสมกรรม การสั่งสมกิเลส และการสั่งสมปัญญา
เหตุผลทางใจที่ทำให้เทวดาหมดความไยดีในสมบัติทิพย์ของตนมีอยู่หลักๆ
ตามที่ปรากฏบันทึกอยู่ในคัมภีร์พุทธ เรียงตามลำดับความน่าจะเป็น คือ
๑) ทนริษยาเพื่อนเทวดาไม่ได้
ทิพยสมบัติของเทวดานางฟ้าไม่เหมือนกัน
มีความวิจิตรพิสดารผิดกัน ขึ้นอยู่กับบุญที่แต่ละองค์ทำๆกันมา
ยามเทวดาเยี่ยมชมวิมานของเพื่อนแล้วประจักษ์ในความเหลื่อมล้ำต่ำสูง
ก็เป็นทำนองเดียวกับที่คุณเรียนจบมาพร้อมเพื่อน แต่ได้งานต่างกัน
สิบปีให้หลังเพื่อนมีทั้งคฤหาสน์หลังโต โรงรถมีเก๋งใหญ่กับรถสปอร์ตขึ้นเงาวับ
ในขณะที่คุณผ่อนทาวเฮาส์กับรถมือสองหัวหูยุ่ง คุณก็คงเริ่มคิดมาก
บังเกิดความไม่พอใจในสมบัติและฐานะของตนเองขึ้นมา
ที่แสลงใจเด็ดขาดกว่านั้น
คือเมื่อเทวดาเห็นนางฟ้าของเพื่อนงดงามบาดตาเกินนางฟ้าของตน
ก็คงประมาณคุณแอบหลงรักแฟนเพื่อน รูปร่างหน้าตาเธอเย้ายวน แต่ห้ามแตะต้อง
เท่านั้นไม่พอ เมื่อหันกลับมามองเมียคุณเอง
ก็เจอแบบเตี้ยล่ำดำปี๋เหมือนกระปุกออมสินเก่าๆ อันนี้แหละคุณอาจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ความทรมานใจในเรื่องพรรค์นี้มีเพียงใดบนโลกมนุษย์
ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับความทรมานใจบนสรวงสวรรค์
เพราะคุณไม่มีทางลักลอบมีชู้โดยเจ้าของไม่ล่วงรู้
อีกอย่างเทวดาถือกำเนิดขึ้นด้วยมหาปีติ มหาโสมนัสในบุญกุศล
จึงยากที่จะก่อเรื่องอัปยศอดสูประเภทลักกินขโมยกินได้ไหว
เมื่อเกิดความกลัดกลุ้มริษยา
เทวดาทำได้มากกว่าเอาแต่คิด พวกเขาทราบทางมาแห่งสวรรค์
มีสัญชาตญาณรู้ละเอียดกระทั่งว่าสมบัติชิ้นใดได้มาจากกรรมแบบไหน
ถ้าไม่รู้ก็ถามเพื่อนที่รู้
เช่นว่าเพื่อนเคยทำอย่างไรมาถึงได้บ้านใสพร้อมเมียสวยเห็นปานนั้น เทวดาด้วยกันก็มักบอกเล่าโดยไม่เห็นความจำเป็นต้องปิดบัง
เขาย่อมทราบว่าสมบัติทิพย์จะเกิดขึ้นได้นั้น
ที่มาเดียวคือบุญอันสั่งสมไว้ชอบแล้วขณะเป็นมนุษย์
บนสวรรค์นั้น
แม้ริษยากันเพียงใดก็ซื้อหาเพิ่มเติมมาแข่งขันกันไม่ได้
เพราะการเป็นเทพคือภพที่เอาไว้เสวยวิบากตายตัวตั้งแต่ผุดเกิดจนแตกดับ
โอกาสที่จะเพิ่มเติมบุญบารมีนั้นยากกว่ามนุษย์มาก
เนื่องจากเทวดาต่างก็ไม่ต้องการการช่วยเหลือ
ต่างมีสมบัติที่ผุดขึ้นให้ตนใช้เฉพาะตัว
ดังนั้นผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจึงไม่มี
และเมื่อไม่มีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ไม่มีที่ตั้งของการทำทาน ต่างฝ่ายต่างเสวยบุญของตนเป็นหลัก
อีกประการหนึ่ง
เมื่อสมบัติทิพย์เป็นสิทธิ์ขาดเฉพาะตน
ก็ไม่จำเป็นต้องคิดแย่งชิงหรือฆ่าฟันกันให้เมื่อย เมื่อไม่มีเหตุบีบคั้นให้ทำบาป
ก็ไม่ต้องตั้งใจรักษาศีล ๕ เมื่อไม่มีความยากลำบากในการรักษาศีล ๕
ทางมาแห่งบุญใหญ่ก็ถูกตัดไปอีกหนึ่ง
อีกประการ
แม้เทวดามีโอกาสทำบุญอยู่บ้าง เช่นไปฟังอริยเจ้าเทศนา
หรือไปใส่บาตรพระธุดงค์กลางป่า แต่โดยทิพยสภาพนั้น
ไม่เอื้อให้เหล่าเทวดานางฟ้าได้ใช้กำลังใจมากนัก
คือเมื่อจะเดินทางไปฟังธรรมก็ไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
แค่คิดอยากไป ตั้งใจไปจริงๆ แวบเดียวก็ถึงแล้ว
หรืออย่างเมื่อคิดจะถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก
ก็เพียงเนรมิตอาหารอันเป็นรูปหยาบขึ้นมาด้วยฤทธิ์ทางใจ ไม่ต้องตระเตรียมหุงหา
ไม่ต้องคิดว่ามีสตางค์พอจ่ายค่ากับข้าวเผื่อพระหรือเปล่า
อันว่ากำลังใจในการทำบุญนั้น
มีส่วนสำคัญยิ่ง ที่จะเป็นตัวกำหนดรัศมีแห่งบุญว่ามากหรือน้อย
บนโลกมนุษย์เต็มไปด้วยข้อบีบคั้นให้ต้องคิดมาก
อยากสละทรัพย์หรือสละแรงให้ใครแต่ละที อาจหมายถึงการชักเนื้อให้ตนเองมีน้อยลง
ลำบากมากขึ้นได้ทั้งสิ้น ธรรมชาติแห่งบุญนั้น
จะทวีสูงขึ้นเมื่อยอมมีน้อยลงเพื่อให้คนอื่นมีมากขึ้น
ตลอดจนยอมตัวลำบากมากขึ้นเพื่อให้คนอื่นลำบากน้อยลง
นี่แหละครับ
ที่มาข้อแรกของการ ‘กลั้นใจตาย’ แห่งเทวดา
เขาจะกำหนดจิตอย่างแน่วแน่เพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ยอมลืม ยอมไม่รู้ ยอมลำบาก
ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาจากสวรรค์ไป ก็เพื่อมาทำบุญเพิ่ม รูปชีวิตของเขา นับแต่การได้มาเกิดกับพ่อแม่แบบหนึ่งๆ
ตกอยู่ภายใต้ความกดดันแบบหนึ่งๆ
จะสอดคล้องกับแรงอธิษฐานขอบำเพ็ญบารมีแบบนั้นๆก่อนสละสวรรค์
พวกคุณบางคนเพิ่งลงมาจากสวรรค์ด้วยเหตุคือหมดบุญ
ช่วงต้นชีวิตอาจจะยังติดอยู่กับวิสัยทัศน์เทวดา อะไรๆดีหมด สบายหมด
สุดท้ายก็โดนความเหลิงแบบมนุษย์เอาไปกิน
แต่พวกคุณบางคนเพิ่งลงมาจากสวรรค์ด้วยเหตุคืออยากบำเพ็ญบุญเพิ่ม
ช่วงต้นชีวิตจะชมชอบเรื่องการทำทาน การรักษาศีล การไหว้พระสวดมนต์
โดยไม่ต้องมีใครขู่เข็ญบังคับ แค่เห็นแบบอย่างดีๆก็อยากเอาตามทันที
และยิ่งโตขึ้นความตั้งใจจะยิ่งเด่นชัดอย่างประหลาด ตั้งใจทำแต่ความดี
มีความผูกพันกับสวรรค์อย่างลึกซึ้ง
แค่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเทวดานางฟ้าแล้วเกิดปีติอย่างใหญ่ราวกับสัมผัสทิพยสภาพได้
ที่สำคัญคือเคยอธิษฐานตั้งใจทำดีแบบใด แรงอธิษฐานนั้นจะแปรเป็นสัญญาณนำร่อง
เกิดความอยากทำ และตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเทด้วยชีวิตจิตใจทั้งหมด
ยกตัวอย่างเช่นเทวดาที่จุติด้วยแรงอธิษฐานอยากได้นางฟ้างามพิลาศทัดเทียมเพื่อน
เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ก็จะแสวงหาหญิงที่ดี หรือพร้อมจะดี ไม่สนใจรูปร่างหน้าตามากนัก
เพียงเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง และร่วมทำบุญแบบไปไหนไปกัน เท่าไหร่เท่ากัน
จิตทั้งส่วนตื้นส่วนลึกจะมองเลยไปข้างหน้า เลื่อมใสในบุญ เชื่อในผลบุญ
และไม่ไยดีกับฐานะทางโลกมากนัก
ผลสุดท้ายเขากับเธอย่อมรักและผูกพันกันด้วยอำนาจบุญทั้งในชาติปัจจุบัน
และไปครองวิมานร่วมกันอีกในปรโลก สมความปรารถนาแต่ดั้งเดิมของ ‘เขา’
๒) ทนรับฐานะต่ำต้อยของตนเองไม่ได้
เทวดาบางองค์ต้องตกไปเป็นบริวารของเพื่อน
เพราะเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ต้องให้เพื่อนฉุดลากถูลู่ถูกังไปทำบุญ
หรือต้องให้เพื่อนหว่านล้อมตะล่อมให้ศึกษาธรรม
หรือต้องให้เพื่อนเกลี้ยกล่อมเป็นวรรคเป็นเวรกว่าจะยอมเลิกผิดศีลผิดธรรม
เช่นนั้นจึงได้ชื่อว่าพึ่งบุญ พึ่งบารมีเพื่อน หาใช่เป็นเครดิตบุญบารมีของตนเองไม่
แม้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์จะทำดี
สั่งสมบุญไว้ไม่น้อย แต่ก็เป็นไปด้วยกำลังใจที่อ่อน
ขาดเพื่อนพยุงเมื่อไรก็ดีดตัวออกจากวงจรบุญเมื่อนั้น ในที่สุดแม้จิตจะถึงสวรรค์
แต่ก็เป็นการถึงสวรรค์ตามเพื่อน เลยต้องไปอยู่ในวิมานของเพื่อนในฐานะบริวาร
ไม่มีวิมานแสดงความเป็นเจ้าของบุญของตนเอง
ถ้าคุณเคยสนิทสนมกับใคร
ชนิดเล่นหัวกันได้ไม่ถือสา แล้ววันหนึ่งคุณต้องตกไปเป็นลูกน้องของเขา รับคำสั่งเขา
เห็นเขาพูดจาวางฟอร์มเจ้านายกับคุณ คุณคงอยากลาออกจากงานไวๆ ซึ่งนั่นก็เช่นกัน การ
‘กลั้นใจตาย’ ของเทวดาประเภทที่ตกไปเป็นบริวารเพื่อน คือวิธีหลบหน้าที่ดีที่สุด
โดยมากเทวดาที่ลาสวรรค์ด้วยอาการทำนองนี้
จะไม่มีเจตนาที่แน่วแน่นัก
อย่างมากแค่อยากไปเกิดเป็นมนุษย์เพื่อริเริ่มทำบุญด้วยตนเองบ้าง
แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นบุญประเภทไหน รู้แต่ว่าถือกำเนิดเกิดมาพร้อมกับความทระนง
ไม่ชอบอยู่ใต้อาณัติใคร แตกเป็นแตก หักเป็นหัก
พร้อมจะตบเท้าลาออกทันทีที่ไม่ชอบหน้าเจ้านาย
บางทีโทสะและความอยากเป็นตัวของตัวเอง
ก็แปรเป็นแรงผลักดันให้ทำบุญยิ่งใหญ่ได้เอง แต่หากจับพลัดจับผลู
เข้าช่องความถือดีนำหน้า ก็อาจทำบุญแบบคนใจแคบ อยากเอาหน้าเอาตา
และเผลอทำบาปประการต่างๆโดยมีความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นตัวบีบได้
แต่ถ้าโชคดี
เทวดาผู้เป็นเพื่อนยังเมตตาสอดส่อง ก็อาจได้เปรียบ
คือใช้ชีวิตแบบมีเหล่าทวยเทพผู้เป็นเพื่อนเก่าคอยให้ความช่วยเหลือในรูปของแรงดลใจ
หรือดลเหตุการณ์บางอย่างที่มีผลกับการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ
เช่นถ้าจะตกลงร่วมมือกับโจร
ก่อนหน้านั้นจะมีฝันเห็นความวิบัติของตนล่วงหน้าเป็นฉากๆ สมเหตุสมผล สมจริงสมจัง
ตื่นขึ้นจึงเลิกคิดคบโจร หันมาคบปราชญ์แทน เป็นต้น
๓) พระโพธิสัตว์ปรารถนาจะบำเพ็ญบารมีต่อ
พระโพธิสัตว์คือผู้ที่อยู่ในระหว่างการบำเพ็ญบารมีเพื่อให้ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
ท่านจะรู้ด้วยอภิญญาจิตแบบเทวดา ว่าตนเองมีรัศมีแห่งโพธิญาณแก่กล้าเพียงใดแล้ว
นั่นเป็นเหตุบันดาลใจให้ฮึกเหิม ไม่กลัวความลำบากในโลกมนุษย์
เสวยสวรรค์เพียงครู่เดียวก็ทุรนทุราย ใคร่อยากลงมาเป็นมนุษย์เพื่อเติมบารมีที่พร่องให้เต็มไวๆ
พระโพธิสัตว์ประเภททิ้งความสุขบนสวรรค์มาลำบากในโลกมนุษย์ได้นั้น
มักเป็นเทวดาชั้นดุสิต ซึ่งเป็นแหล่งรวมเทวดาผู้ใหญ่
ผู้พร้อมจะเสียสละตนเองเพื่อสรรพสัตว์
หรือไม่อีกทีก็เป็นพรหมซึ่งถือกำเนิดจากการบำเพ็ญเพียรเยี่ยงนักบวชผู้แผ่เมตตาได้ระดับอัปปมัญญา
คือจิตใหญ่และแผ่กว้างได้ไม่มีประมาณ
การตัดสินใจลงมาบำเพ็ญบารมีแต่ละครั้ง
ขึ้นอยู่กับปัจจัยและเหตุผลหลายๆอย่าง แต่โดยหลักก็คือ พระโพธิสัตว์จะลงมาด้วยความตั้งใจช่วยคน
แต่การช่วยคนของพระโพธิสัตว์ก็มีเรื่องของมุมมองเข้ามาเกี่ยวข้อง
พวกท่านอาจเป็นพระเอกในหลายครั้ง
แต่บางคราวเป็นวายร้ายอันดับหนึ่งของประวัติศาสตร์ไปก็มี
บุญใหญ่กับบาปหนักบางทีก็มาด้วยกันเหมือนเหรียญสองด้าน
๔) เห็นความไม่เที่ยง
การเห็นความไม่เที่ยงบนสวรรค์นั้น
ไม่อาจเกิดขึ้นขณะกำลังสนุกอยู่กับการเสพกาม อย่างน้อยต้องเคยบำเพ็ญเพียร
เจริญวิปัสสนามาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เห็นความเกิดดับ
เห็นความไม่ตัวตนในรูปนามทั้งปวง กระทั่งจิตเกิดแรงดัน ปรารถนานิพพานแน่นอนแล้ว
เพียงแต่อายุไม่ยืนพอจะบรรลุมรรคผล มีอันเป็นไปเสียก่อน
มนุษย์เหล่านี้เมื่อตายลง
แล้วไปอุบัติบนสวรรค์ ก็อาจตื่นเต้นในสภาพแวดล้อมใหม่ ตลอดจนยินดีในนางทิพย์และสมบัติทิพย์ได้บ้าง
แต่หากแรงดันจากความปรารถนานิพพานที่สั่งสมมามีมากพอ
ก็จะชนะความตื่นเต้นยินดีเสียได้ เห็นว่าภพแห่งเทวดาก็ยังมีน้ำตา
และเกิดสัญชาตญาณรู้ขึ้นเองว่า ที่ใดมีน้ำตา ที่นั่นยังไม่สุขจริง
เทวดาอื่นอาจเพ่งเล็งกามสุขชั้นเลิศ
แต่เทวดาที่เอาวิปัสสนาญาณติดตัวมาด้วย จะเพ่งเล็งไปที่ความไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นไม่ควรวางใจ ไม่ควรฝากใจไว้
ใจจะน้อมไปสรรเสริญก็แต่การเข้าถึงมรรคผลเพื่อพ้นจากปวงทุกข์โศก
พ้นจากความพรากจากแล้วๆเล่าๆไปเสีย
หากวิปัสสนาญาณยังแจ่มจ้า
เพราะเห็นความเกิดดับเข้ามาได้ถึงสภาพจิตเป็นขณะๆ
เทวดาตนนั้นก็อาจบำเพ็ญเพียรต่อบนสวรรค์ได้เลย แต่หากวิปัสสนาญาณยังมีกำลังอ่อน
ไม่อาจเอาชนะความยวนใจของทิพยสภาพได้
ท่านก็อาจตัดสินใจลงมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง
พวกนี้เกิดเป็นมนุษย์อีกทีจะใกล้วัด ใกล้พระ ใกล้ธรรมขั้นสูงตั้งแต่เด็กๆ ต่อให้ใช้ชีวิตอย่างไร
ในที่สุดโตขึ้นรู้ความก็ต้องเบื่อโลก เห็นความไร้แก่นสารของสรรพสิ่ง
และอยากประพฤติธรรมเพื่อความหลุดพ้นสถานเดียวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น