ถาม : ถ้าหากอยากเป็นนักเขียนที่มีความสามารถเรียงร้อยถ้อยคำให้กระชับ
สวยงาม อ่านแล้วเข้าใจง่าย จะต้องฝึกฝนหรือทำกรรมอย่างไรครับ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
เริ่มจากมโนกรรมก่อนครับ ขณะเขียนต้องคิดทุกประโยคว่าทำอย่างไรจะให้เข้าใจง่ายที่สุด น่าสนใจที่สุด
โรงเรียนนักเขียนที่ดีที่สุดน่าจะได้แก่ชีวิตประจำวัน
หลายครั้งที่ประโยคดีๆเกิดขึ้นในหัวขณะเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างตัวคุณกับโลกภายนอก
ตรงนั้นก็เอามาเขียนได้เลยตรงๆ
แต่หลายครั้งคุณเกิดความรู้สึกประทับใจทว่าบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก
ตรงนั้นก็ต้องฝึกที่จะกลั่นมันออกมาเป็นคำพูดและบันทึกลงไปเนียนๆ
ขอให้จำไว้ว่าคุณจะได้ประโยคคำพูดกินใจ
ชื่อบทความน่าสนใจ หรือชื่อหนังสือสะดุดตาที่สุดจากเรื่องราวกระทบตัวระหว่างวัน
ไม่มีทางหาได้จากการนั่งใช้จินตนาการอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือเลย
ด้วยนิสัยนึกได้แล้วค่อยจด
คุณจะพบว่าตัวเอง ‘อยู่กับงานเขียนทั้งวัน’
ได้โดยไม่ต้องเหนื่อยเฟ้นหาคำจากสมองที่ว่างกลวง เพราะชีวิตประจำวันนั่นเอง
จะเป็นที่มา เป็นตัวบันดาลคำที่คุณจะเขียน
เมื่อมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือก็แค่เรียบเรียงให้เกิดเนื้อหาเริ่มต้น ดำเนินไป
และจบลงอย่างเรียบร้อย สอดคล้องกับไอเดียระหว่างวันเท่านั้น
สมัยก่อนสมุดโน้ตเล่มเล็กกับปากกาหนึ่งด้ามจึงเป็นอุปกรณ์หากินสำคัญที่สุดสำหรับนักเขียน
หากไม่พกติดตัวไปไหนมาไหนอาจเป็นความผิดขั้นอุกฤษฏ์
และจะสำนึกได้ต่อเมื่อการออกนอกบ้านครั้งหนึ่งๆเกิดไอเดียเด็ดแล้วไม่สามารถทรงจำไว้
หรือจำได้ไม่ครบถ้วน
สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องขยันพกสมุดกับปากกาให้รุงรัง
เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นอะไรที่รวมเอาทุกอุปกรณ์สำคัญไว้ในหนึ่งเดียว
ถ้าคุณมีโทรศัพท์ชนิดบันทึกเสียงได้ ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์เต็มที่เถอะครับ
เมื่อใดก็ตามที่ประโยคคำพูดดีๆผ่านแวบขึ้นมาในหัว อาจจะขณะว่าง
หรือขณะกระทบเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแรงๆ จงบันทึกมันลงไป หาวิธีอธิบาย
หรือหัดเลือกคำให้เหมาะเจาะที่สุด ฟังแล้วเข้าใจทันที ตีกรอบไว้ด้วยว่าต้องสั้น
ถ้าให้ดีที่สุดคือจบความในประโยคเดียว หรือให้ยาวที่สุดอย่าเกิน ๓ ประโยค
เยี่ยมกว่านั้นคืออาศัยลูกขยัน
พอบันทึกเสร็จก็คิดซ้ำ ว่ามีมุมมองไหนอธิบายเรื่องเดียวกันให้น่าสนใจมากขึ้นได้ไหม
อย่าตำหนิตัวเองถ้าคุณมีความไม่พอใจในงานของตัวเองสูงมาก
กลับไปอ่านแล้วไม่เคยรู้สึกพอใจ จะต้องเห็นจุดบกพร่องที่ต้องแก้เสมอ เพราะไม่ว่าจะเขียนได้ดีเพียงใด
คุณจะพบว่าตัวเองในอีกเวลาหนึ่งมักสามารถเขียนได้ดีกว่าเดิมเกือบทุกครั้ง
ในแง่ของกรรมวิบาก
เมื่อฝึกหาคำอธิบายให้เข้าใจง่ายมากเข้า
กระทั่งเกิดกระแสความปรารถนาอันแท้จริงที่จะถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของคุณเป็นวิทยาทานกับคนอื่น
จิตจะเกิดความฉลาดทางภาษาขึ้นมาเอง
และยิ่งวิทยาทานทำให้จิตคุณนุ่มนวลควรแก่งานมากขึ้นเท่าไร
คุณก็จะยิ่งเกิดความละเอียดอ่อนและสามารถขีดเขียนได้สละสลวยมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น