ถาม : ถ้าการกล่าวเท็จนั้นไม่ได้ทำลายประโยชน์ของเรา
ไม่ได้ทำลายประโยชน์ผู้อื่น อย่างนี้แล้วถือว่าไม่ผิดศีลได้ไหมคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๗
ดังตฤณ:
ความจริงมีอยู่ เราเจตนาพูดเพื่อบิดเบือนความจริง ความจริงที่ถูกบิดก็จะเป็นพลังบิดชีวิตเราในทางใดทางหนึ่ง สมดังเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้โกหกย่อมมีโทษสถานเบาเป็นการถูกใส่ไคล้ นั่นหมายความว่าถ้ากล่าวเท็จเล็กน้อย ก็อาจถูกใส่ไคล้เล็กน้อย แต่ประเด็นสำคัญคือเมื่อริโกหก นิสัยอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อโกหกจะติดตัวเราไป
วันนี้โกหกเพื่อปกป้องคนอื่น อาทิตย์หน้าโกหกเอาตัวรอดเล็กน้อย เดือนหน้าโกหกเพื่อให้โลกเกิดสันติสุข ปีหน้าโกหกเพื่อความยั่งยืนของอุดมการณ์ ฯลฯ อะไรใหญ่ๆจะเริ่มจากอะไรเล็กๆ กว่าคุณจะรู้สึกตัว ก็กลายเป็นคนขี้โกหกเพื่อข้ออ้างอันน่าฟังไปเสียแล้ว
สรุปคือขึ้นต้นด้วยเจตนาบิดเบือน ก็เป็นมุสาแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นครับ ลองไม่ต้องคำนึงว่าเป็นบาปไหม ลองไม่ต้องคำนึงว่าจะเสวยผลเป็นทุกข์ในรูปแบบใด เอาแค่คำนึงว่ามันจะทำให้เราติดนิสัยโกหกเพื่อข้ออ้างหรือไม่ ก็จะทราบว่าโลกนี้มีความจริงเป็นอย่างไร ก็อย่าให้การเกิดมาของเราไปทำลายความจริงนั้นๆเถิด
ผลที่จะเกิดขึ้นแน่ๆคือจิตของเราเองที่ใสเรียบ เห็นความจริงทั้งหลายได้อย่างเที่ยงตรง ซึ่งสอดคล้องกันดีกับหลักปฏิบัติสูงสุดของพุทธศาสนา คือ ‘เห็นตามจริงเท่าที่ปรากฏอยู่’ แล้วในที่สุดบรมสุขจะเป็นของผู้ตัดสินใจยืนอยู่ข้างความจริง ความจริงย่อมเข้าข้างผู้รักความจริง และคนรักความจริงย่อมประจักษ์ว่าอำนาจความจริงมีพลังอยู่เหนืออะไรทั้งหมด แม้จะต้องลำบากบ้างจากการพูดคำอันเป็นจริงในระยะแรกๆ แต่หลังจากยืนอยู่ข้างความจริงนานไป คุณจะพบว่าตัวเองยืนอยู่ในโลกที่แตกต่าง เหตุผลบีบคั้นให้ต้องโกหกจะน้อยลงเรื่อยๆกระทั่งเหมือนชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ไม่ต้องโกหกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น