วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จิตสัมผัสเป็นอย่างไร (ดังตฤณ)

ถาม : ที่ว่าจิตสัมผัสกันได้นั้นเป็นอย่างไรคะ?

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๘

ดังตฤณ: 
ทุกคนมีจิตสัมผัส จิตสัมผัสเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเอาใครสักคนมานั่งตรงหน้า คุณมองดูแล้วรู้สึกได้ว่าในหัวเขากำลังอัดแน่นด้วยพายุความฟุ้งซ่าน หรือคุณฟังคนจะมาหลอกขายของ ฟังไปฟังมาคุณรู้สึกได้ว่าเขาพูดโกหก สัมผัสเหล่านี้ใช้ตาดูหรือหูฟังอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องใช้ใจรู้ ใช้ใจเป็นตัวตัดสิน

อันที่จริงหากปราศจากจิตสัมผัส คุณจะใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ปราศจากวูบแห่งความกลัวแปลกๆ ปราศจากวูบแห่งความคุ้นเคยที่อธิบายยาก ปราศจากวูบแห่งสังหรณ์ล่วงหน้า แต่ประเด็นคือเมื่อไม่ทราบว่า ‘รู้’ หรือ ‘สัมผัส’ ได้อย่างไร อีกทั้งสลับผิดสลับถูกไปเรื่อย หาความแน่นอนไม่ได้ จิตสัมผัสจึงเป็นธรรมชาติที่คลุมเครือสำหรับมนุษย์ธรรมดา และมีแนวโน้มจะเป็นเรื่องมั่วมากกว่าเรื่องจริง

จิตสัมผัสมีทั้งหยาบและละเอียด สัมผัสหยาบๆของคนธรรมดานั้นเกิดขึ้นเมื่อมีภาพเสียงมากระทบหูตาเสียก่อน เช่นเห็นใครบางคนเดินมาแล้วรู้สึกทะ+++ๆ เหมือนได้กลิ่นเรื่องร้ายแรงบางอย่างในอากาศรอบตัวคนๆนั้น แต่ก็ไม่อาจระบุว่าคนๆนั้นไปทำอะไร จนกว่าข่าวหน้าหนึ่งวันรุ่งขึ้นจะรายงานว่าที่แท้เป็นฆาตกรหั่นศพยัดกระเป๋า

แตกต่างจากสัมผัสทางจิตที่ละเอียดและสามารถรู้ชัดของผู้ทรงฌาน เพียงฆาตกรเดินมาพร้อมกระแสร้ายแรง จิตของผู้ทรงฌานสัมผัสเข้าก็ระบุได้ถูกต้องทันที ว่ากระแสร้ายแรงดังกล่าวคือเงากรรมชั่วที่เพิ่งฆ่าคนเอาไว้ และสัญญาณของเงากรรมจะมาปรากฏเป็นนิมิตในห้วงมโนทวาร กลายเป็นสัมผัสรู้ชัดว่าคนร้ายทำการฆาตกรรมเหยื่อรูปพรรณสัณฐานอย่างไร ด้วยอาวุธแบบไหน ซ่อนชิ้นส่วนศพไว้ตรงมุมใด เป็นต้น

หรือจิตสัมผัสที่สูงขึ้นไปอีกระดับ คือแม้ไม่เห็นหน้าค่าตาทั้งฆาตกรและเหยื่อ แต่เพียงได้ยินคนอ่านหนังสือพิมพ์นั่งวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเมามันกลางวงโต๊ะกาแฟ ผู้มีจิตสัมผัสพิเศษน้อมใจไปรู้ ก็รู้ครบทั้งรูปพรรณสัณฐานของฆาตกรและเหยื่อ ตลอดจนเหตุสะเทือนขวัญเป็นฉากๆได้หมดด้วยตนเองทีเดียว

ที่จิตสามารถสัมผัสและล่วงรู้อะไรๆนอกขอบเขตหูตาได้ ก็เพราะธรรมชาติของจิตนั้นคือ ‘รู้’ แต่ที่ปกติ ‘ไม่รู้’ ก็เพราะเจอคลื่นรบกวนเช่นราคะ โทสะ และพายุความฟุ้งซ่านมัวมน ต่อเมื่อทรงฌาน มีความใสสะอาดเหมือนกระจกที่ปราศจากฝุ่นฝ้า ก็เกิดทัศนวิสัยที่แจ่มชัด สัมผัสรู้สิ่งใดก็ได้ที่ไม่ละเอียดอ่อนเกินวิสัยจิตระดับตน

ระดับความสามารถสัมผัสของแต่ละคนไม่เท่ากัน พุทธเราถือว่าผู้มีจิตสัมผัส รู้เห็นอะไรๆได้แจ่มแจ้งแทงตลอดถึงที่สุดมีอยู่คนเดียวคือพระพุทธเจ้า ท่านสั่งสมบารมีมาหลายด้าน มีมหาทานประมาณอนันต์เป็นอาทิ จึงอาจแทงตลอดในทุกสิ่งที่ต้องการรู้โดยไม่มีสิ่งใดติดขัด ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ตลอดจนวิธีเกิดดับของจักรวาล


และผู้รู้แจ้งแทงตลอดทั้งมหาจักรวาลเช่นท่าน ก็ทราบด้วยว่าเรื่องน่ารู้ที่สุดคือกายใจของเราๆนี้ เรื่องน่าใช้จิตเข้าสัมผัสที่สุดคือนิพพานอันเป็นความดับทุกข์ ท่านสัมผัสทุกความจริงมาแล้ว เพื่อประกาศว่าไม่มีความจริงใดน่าสัมผัสและเข้าให้ถึงยิ่งไปกว่าเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์เลยสักเรื่องเดียว


ถาม : ผู้มีจิตสัมผัสจะส่งจิตออกมาถึงใครก็ได้หรือคะ?

ถ้าบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายมีคุณธรรม หรือมีสภาวจิตที่ละเอียดหรือใหญ่เหนือคุณ ก็จะเหมือนมีกำแพงกว้างยาวสูงเกินกว่าที่คุณจะเจาะเข้าไปเห็นรายละเอียดภายใน อย่างมากก็แค่สัมผัสได้ว่ากำลังสุขมากหรือสุขน้อย หรือเห็นแต่ภาพชีวิตดีๆ ภาพชีวิตที่สว่างแบบกว้างๆเท่านั้นครับ ความจริงโลกที่ดูเหมือนเปิดเผยอยู่ตลอดเวลานี้ ถูกปิดบังอยู่ด้วยม่านกรรมดำบ้าง ม่านกรรมขาวบ้าง ต่อให้มีจิตสัมผัสอย่างไร ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าก็รู้ไม่ได้หมดหรอก

ถาม : ทำอย่างนั้นเรียกส่งจิตออกไปนอกกาย ถูกต้องไหมคะ? แล้วเขาจะส่งจิตไปโน่นไปนี่เพื่ออะไรได้บ้าง?

จิตออกจากกายนั้น พระพุทธเจ้าเรียกว่า ‘มโนมยิทธิ’ คือผู้ทรงฌานใช้กำลังจิตถอดจิตจากร่างเหมือนชักดาบจากฝัก ส่วนจิตสัมผัสนี่การรับรู้ทั้งหมดปรากฏขึ้นในมโนทวาร ทำนองเดียวกับที่คุณหลับแล้วเห็นภาพฝันต่างๆ สิ่งที่ผิดแผกจากความฝันคือภาพเสียงที่รับรู้อยู่ในมโนทวารไม่ใช่แค่คลื่นลมเหลวไหล แต่เป็นความจริง พิสูจน์เป็นรูปธรรมได้จริง (ในกรณีที่จิตสัมผัสเที่ยงตรง)


ส่วนจุดประสงค์ของการส่งจิตไปสัมผัสก็ไม่จำกัดครับ ดูเลขหวยก็ได้ ดูมนุษย์ต่างดาวก็ได้ ดูวันโลกาวินาศก็ได้ คิดถึงอะไรได้ก็ดูได้ทั้งนั้น แต่จะเห็นหรือไม่เห็น จะจริงหรือไม่จริง ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีกำลังความหนักแน่นและความบริสุทธิ์ของจิตมากน้อยเพียงใด หากจิตยังโลภมาก อยากรู้ว่าหวยออกอะไร หรือหากจิตยังโกรธมาก อยากรู้ที่อยู่ศัตรูจะได้ตามไปฆ่า ประเภทนี้กิเลสจะส่งคลื่นรบกวนยิ่งกว่าหิมะตก ต่อให้เคยทรงฌาน เคยมีจิตสัมผัสที่เที่ยงตรง ก็ไม่อาจเห็นอะไรได้ตามประสงค์อย่างแน่นอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น