ดังตฤณ : ก็ดีนะที่ทำอย่างนั้น (หมายเหตุ: ทำบุญ
แผ่บุญให้ท่านและเทวดาประจำตัวท่าน ให้มีใจเอนเอียงมาทางศาสนา) แต่วิธีที่ลึกลับแบบนี้
จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ ไม่ใช่วิธีตายตัว
แล้วถ้าว่ากันตรงไปตรงมา อนัตตาภายนอก ซึ่งคนจะอยากจริงๆ
ปรารถนาจริงๆ ว่าให้บุคคลอันเป็นที่รัก ได้มามีดวงตาเห็นธรรม ตาสว่าง มีความเห็นถูกเห็นชอบ
แต่ผมบอกเสมอนะว่า แม้กระทั่งศรัทธาของเราเอง
บางทียังยากเลยนะที่จะรักษาไว้ให้อยู่กับทางที่ถูก ทางที่ชอบ
หรือว่าจะกะเกณฑ์ให้ตัวเรา มีสัมมาทิฏฐิไปทุกเรื่อง
แล้วก็ตาสว่างได้ทุกเรื่อง ก็ยากอยู่แล้วนะ
การไปคาดหวังให้คนอื่นมานี่ บางที
คาดหวังได้พยายามได้ แต่อย่าไป เอาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ถือเป็นสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตัวเองว่าจะต้องเอาให้ได้นะครับ
คือที่คุณทำไปนี่เรียกว่ามีความกตัญญูรู้คุณ แล้วก็มีจิตเจตนาดี
ที่จะตอบแทนคุณท่าน เปลี่ยนท่านจาก มิจฉาทิฎฐิ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ
ซึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่มีบุญอันไหนนี่ที่เยี่ยมไปกว่านี้แล้ว
จะตอบแทนคุณพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ที่ดี ให้เลือดเนื้อเรามา เลี้ยงเราให้โตได้ มีบุญคุณใหญ่หลวงเหลือเกิน
ยากที่เราจะตอบแทน
วิธีตอบแทนเดียวที่ท่านเห็นว่าสมน้ำสมเนื้อก็คือ ถ้าเราเห็นว่าท่านเป็นมิจฉาทิฏฐิจริง
ก็พยายามเปลี่ยนท่านเป็นสัมมาทิฏฐิเสีย
นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าทำได้นะ ทำให้ศรัทธาของท่านตั้งมั่น
ทำให้ทานของท่านตั้งมั่น ทำให้ศีลของท่านตั้งมั่น นี้ได้ชื่อว่าเราให้ที่พึ่งที่แท้จริงกับท่าน
พระพุทธเจ้าตรัสว่าตอบแทนได้สมน้ำสมเนื้อ กับการที่ท่านให้เราเกิดมา และเลี้ยงดูเรานะครับ
แต่ว่าความพยายามที่จะทำด้วยอุบายอะไรต่างๆ ใช้หลักการอธิษฐาน
หรือว่าขอให้เทวดาประจำตัวท่านช่วย ก็โอเคนะ เป็นวิธีหนึ่งที่ ถ้าไม่รู้จะทำอย่างไรอย่างอื่นแล้ว
ก็เป็นหนทางออกสุดท้ายที่บางคนนี่ ทำแล้วได้ผล แต่ว่าอย่าคาดหวังว่าจะต้องได้ผลกับกรณีของเราด้วยนะครับ
เราแค่มีจิตที่รู้ว่าพยายามเต็มที่แล้วในฐานะของลูก
ก็เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้วนะ
ผู้ร่วมดำเนินรายการ 1 : ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองนิดหนึ่งค่ะ
เพราะมีปัญหาคล้ายแบบนี้เช่นกัน
คือสมัยก่อน คุณพ่อชอบดื่มเบียร์มาก เวลาไปงานสังสรรค์
บางครั้งก็จะดื่มจนเมา ซึ่งเราก็ไม่ชอบแบบนั้น
สมัยตอนเป็นวัยรุ่น ก็จะโต้ตอบด้วยการที่ .. อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ
.. คือ แย่งแก้วคุณพ่อมาดื่ม ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็น พ่อแก้วลูกแก้วเลย ซึ่งชัดเจนว่าวิธีนี้
ไม่ได้ผล
แต่พอช่วงหลัง เราก็มาสนใจเรื่องพุทธศาสนา ซึ่งบอกว่าต้องมีศีล
5 เป็นพื้นฐาน ก็เลยตั้งใจที่จะรักษาศีลห้าอย่างมั่นคง แล้วพยายามทำให้คุณพ่อเห็นว่า
การถือศีลห้าเป็นเรื่องดีจริงๆ
คือต้องบอกก่อนว่า เป็นคนที่ชอบดื่มเหล้ามาก ไม่ใช่เพราะชอบเมานะคะแต่ว่าชอบรสชาติ
ชอบดื่มเหล้ารสหวาน เพราะรู้สึกว่าอร่อยค่ะ
แต่หลังจากตั้งใจถือศีลก็คือไม่ว่าอย่างไร ก็จะไม่ดื่มเด็ดขาด
ต่อให้เป็นรุ่น เป็นยี่ห้อที่ชอบอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ดื่ม จนกระทั่งสุดท้าย คุณพ่อก็ใจอ่อนยอมเลิกดื่มเบียร์จนได้
คือคุณแม่เคยมาเล่าให้ฟังค่ะว่า ครั้งหนึ่ง
คุณพ่อกับคุณแม่ไปทานข้าวกันสองคน อาหารที่คุณพ่อสั่งมาก็มีพวกกับแกล้มด้วย
คุณพ่อเลยเปรยว่า .. ถ้ามีเบียร์ซักแก้วก็ดี
คุณแม่ก็บอกว่าเอาสิ แค่แก้วเดียว ไม่เป็นไรหรอก แต่คุณพ่อกลับตอบว่า ..
ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวลูกเสียใจ
พอฟังแล้วรู้สึกปีติ ดีใจที่ในที่สุด เราก็ทำให้คุณพ่อเลิกดื่มได้เป็นผลสำเร็จค่ะ
ดังตฤณ : นี่เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่เลยนะ เอาตัวเองเข้ามาทำให้คุณพ่อ
เกิดความรู้สึก เห็นแก่เราขึ้นมา
ซึ่งถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เห็นแก่ลูก แล้วก็รู้สึกถึงความเพียรพยายาม
ความตั้งใจจริงๆ ของลูกที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วเกิดอารมณ์หนึ่งว่า อย่างนั้นเราเปลี่ยนก็แล้วกันนี่
ดีมากเลยนะ เป็นพ่อแม่ลูกที่ถือว่าอยู่บนเส้นทาง เกื้อกูลในทางบุญด้วยกันนะครับ
เราทดลองกันได้นะ จะได้ผลหรือไม่ได้ผล หรือว่าจะเกิดความประสบความสำเร็จกับตัวเราหรือเปล่า
แต่อย่างน้อยได้พยายาม ตามกำลังของเรา ตามสติปัญญาที่มีอยู่ของเราทั้งหมด ก็ถือว่า
เป็นเรื่องน่าอนุโมทนาทั้งสิ้นนะ
ผู้ร่วมดำเนินรายการ 2 : อยากขอร่วมแชร์ประสบการณ์ด้วยเพราะตรงกับที่พี่ตุลย์พูดไปเมื่อสักครู่เลยค่ะ
เหมือนผู้ร่วมดำเนินรายการอีกท่าน คือ จะเป็นคนชอบรสชาติของเหล้า
ในอดีต สมัยนั้นยังไม่ได้มีบุญมาเป็นแอดมินเลยค่ะ
เป็นคนที่ชอบทานไวน์ จริงๆ คือชอบทุกชนิดเลย
รู้สึกชอบรสชาติ ไม่ได้ทานบ่อย ไม่ได้เมา แต่จะชอบทานกับอาหาร แล้วมีความสุขค่ะ
แล้วก็จะมีเพื่อนสนิท ที่เป็นขากิน ชอบทานอาหารด้วยกัน ไปไหนก็จะทานสเต๊กกับเหล้า
ไวน์ มีความสุข จนกระทั่งมาตามเพจพี่ตุลย์นานๆ เข้า วันหนึ่งก็รู้สึกว่า
ไม่เอาแล้วดีกว่า คือ คิดขึ้นมาเอง แล้วก็เลิกเลย
ดังตฤณ : ไม่ใช่คิดขึ้นมาเองนะ ตอนที่คนเรา ที่เขาเรียกว่าเปลี่ยนใจนี่
ใจจะเปลี่ยนจริงๆนะ คือถ้าหากว่าอันนี้เป็นธรรมชาติ คือถ้าหากว่าเราหมกมุ่นหรือว่าเรายังมีทางเลือกแค่อะไรที่เป็นอกุศลนี่
จะคิดได้อยู่บนพื้นฐานของอกุศล
แต่ถ้าหากว่า ใจของเราปักหลักอยู่บนพื้นฐานของกุศลมากๆ
เข้า จิตที่เปลี่ยนจากความโน้มเอียงไปทางอกุศลนี่ พลิกหงายมาเป็นกุศล วิธีคิดจะเปลี่ยนตามไปด้วย
ที่บอกว่าอยู่ๆ คิดขึ้นมาไม่ใช่นะ
คือลักษณะของจิตเปลี่ยนไปแล้ว จากสภาพที่เป็นอกุศล
มาเป็นกุศล ถึงเปลี่ยนความคิด
ความคิด อยู่ๆ เปลี่ยนเองไม่ได้ ต้องมีที่ยืน
ผู้ร่วมดำเนินรายการ 2 : เข้าใจแล้วค่ะ รู้สึกตัวเองมีบุญมากเลย
เพราะว่าไม่ต้องหักดิบ แต่อยู่ๆ อาจถึงวาระที่จิตเป็นกุศลมากพอ ก็เลิกไปได้เฉยๆ
แต่ทีนี้ เพื่อนยังชอบอยู่ แล้วเรารู้สึกว่าธรรมะ
ไม่ต้องไปหักหาญน้ำใจกัน เขาชอบ แต่ก็ไม่ได้ขี้เมา ก็เป็นว่าเขากิน แต่เราไม่กิน
แต่ในใจก็คิดเรื่อยๆ ว่าเรามาเส้นทางนี้ ก็มีความสุข แล้วรู้สึกว่า
อยากจะทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข โดยที่เขาไม่รู้สึกว่าทำไมเขาดื่ม
แต่เราไม่ดื่ม เลยคิดในใจว่า ขอให้ความสุขที่เราได้ เป็นเหตุให้วันหนึ่ง
เขานึกที่จะอยากหยุดมาเองได้
แล้วเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ วันดีคืนดี
หลายปีผ่านไปเหมือนกัน เดี๋ยวนี้เขากินเหล้าไปครึ่งแก้วก็ปวดหัวแล้ว
จากที่เคยชอบมาก ก็ยังชอบอยู่ แต่ทานไม่ได้ ทานแล้วมึน ก็เลยค่อยๆ ลดลงมาเองค่ะ
ดังตฤณ : ถ้าเป็นเพื่อนรักกันก็อาจ osmosis
นะ ความเป็นศีล หรือว่าความเบาสบายอะไรที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ที่เปลี่ยนไป
ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนที่รักกันมาก ผูกพันกันมาก เวลาที่อีกฝ่ายหนึ่งแตกต่างไปจากเดิมนี่
บางทีก็เหมือนกับจะซึมซับเข้ามา แล้วก็ค่อยๆ เกิดความรู้สึกตามไปด้วย
อย่างของพี่เอง ตอนวัยรุ่น อยากจะดื่มเหล้า อยากจะลืมเบียร์แบบเพื่อนๆ
ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องศาสนานะ แต่ว่าเป็นคนที่ดื่มเหล้าแล้ว
มีอาการเมาแล้วเป็นทุกข์
คือของคนอื่นนี่ไม่เข้าใจว่า เขาบอกว่าเมาแล้วมีความสุข
รู้สึกอย่างไร เพราะอย่างตอนนั้น เราไม่รู้ฤทธิ์ของเหล้า กินเข้าไปแค่ .. ถ้าจำไม่ผิด
รู้สึกจะแค่แก้วเดียวนี่แหละ แต่ว่าอาจจะกินแบบพรวดพราด กระดกทีเดียวแก้วหนึ่งเต็มๆ
เพราะยังไม่รู้ฤทธิ์
และตอนนั้นที่มีประสบการณ์เมาเป็นครั้งแรก เหมือนกับเรายังรู้ทุกอย่างนะว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่าควบคุมสภาพร่างกายตัวเองไม่ได้ เพื่อนต้องหิ้วไปนอนกลางทุ่ง เพื่อให้สร่างเมา
แล้วนอนโดนยุงกัดอยู่ทั้งคืน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครบอกนะ
มีความรู้สึกว่าชาตินี้ไม่เอาอีกแล้ว ที่เขาบอกว่าเมาแล้วมีความสุขกันนี่
ไม่เข้าใจจริงๆ คือไม่เข้าใจไม่ใช่ว่าดัดจริต หรือว่ามีความซาบซึ้งทางศาสนาอะไรทั้งสิ้นนะ
แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่า แบบนี้เป็นทุกข์ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนอื่นเห็นความสุขได้อย่างไร
ตัวเองนี่ หลังจากไม่กินเหล้ายังจิบเบียร์อยู่ แต่ไม่ถึงกับเมา
แล้วแก้วสุดท้ายนี่ จำได้เลยตอนนั้น จำได้ว่าที่กินแก้วสุดท้าย
เพราะว่า ใจบอกตัวเองว่า จะกินทำไม กินแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น
แต่ร่างกายแย่ลงชัดๆ และอาการมึนเมา อาการที่เราเหมือนสติเลือนไป ไม่ใช่ภาวะที่ดีอะไรเลย
แล้วยิ่งมาเห็นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราอย่ากินแล้วเป็นเหตุให้บั่นทอนสติ
บั่นทอนความเป็นกุศล รู้สึกจริงๆนะ เห็นเพื่อนๆนี่ แต่ละคนที่ขี้เมานี่ชีวิต
ไม่ดีนะ
มีอยู่คนหนึ่ง เมาแล้วไปเข้าห้องน้ำผู้หญิง
ผู้หญิงเขาก็ตกใจ เขาก็เตือนบอกว่าห้องน้ำหญิงนะคะ ไม่ใช่ห้องน้ำผู้ชาย เขาก็ไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำผู้หญิง
พอเขาเดินออกมา ก็ไปชกเขา
นี่คือฤทธิ์ของเหล้า ตัวเขาเองพอสร่างเมาก็เสียใจ ว่าทำไมทำชั่วร้ายอย่างนั้นนะ
แต่คนที่ติดใจในรสชาติของความเมา หรือรสชาติของความไม่มีสตินี่
จะมีโมหะชนิดหนึ่งพอกหนาขึ้นมา แล้วบอกตัวเองว่า แบบนี้ดีแล้ว ฉันจะทำของฉันเสียอย่าง
ใครจะทำไม
บางทีถ้าหากว่าเป็นโมหะที่พอกหนาพอ จะไม่สามารถที่ใครจะเจาะผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ
นะ แต่ของเราสองคน มีประสบการณ์มาแบบนี้ดีนะ คือบอกเล่ามา ทำให้เห็นได้ว่า ด้วยบุญบางอย่างที่มีความสัมพันธ์กับคนบางคน
สามารถช่วยให้เขาออกมาจากตรงนั้นได้
ซึ่งจริงๆเป็นกรณีที่ค่อนข้างยากนะ แต่ว่าถ้ามีได้
แปลว่า เราก็ภูมิใจนะ ว่าเกิดขึ้นกับเรา
_____________________
คำถาม : มีวิธีไหนที่จะช่วยให้คุณพ่อเลิกดื่มเหล้าได้ไหมคะ? ตอนนี้เวลาทำบุญ
จะแผ่บุญให้ท่าน และเทวดาประจำตัวท่านให้ท่านมีใจเอนเอียงมาทางศาสนาค่ะ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
วิธีใช้เงินบริจาคของบูรณพุทธ
วันที่ 24 เมษายน 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=a42pfVJvs4o
** IG **